ทฤษฎี 3L ของ Hillary และ 3L's ของผม


บทเรียนความจริงกับ ดร.จีระ จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 18 กันยายน 2553

เข้าไปอ่านบทความย้อนหลังได้ที่

http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1

 

ทฤษฎี 3 L ของ Hillary และ 3L's ของผม

 
ท่านที่เคยได้อ่านหนังสือของผม คงเห็นทฤษฎี 4L's ของคุณพารณและของผม เป็นการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทย 2 คน ซึ่งได้พิมพ์ในหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว

หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ที่ผมเขียนร่วมกับคุณพารณ ก็ได้รับการติดต่อให้แปลเป็นภาษาจีน และเล่มล่าสุดมีการปรับปรุงและตีพิมพ์ครั้งที่ 5 แล้ว



ภาวะผู้นำของฮิลลารี ที่อดทนและแข็งแกร่ง ซึ่งผมฟันธงว่า เธออาจจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกหนก็ได้ ถ้าโอบามามีปัญหาอย่างที่เป็นอยู่

คะแนนนิยมของโอบามา ในอเมริกาตกลงมาก ดูยังไม่กระเตื้อง จะคล้ายกับ คุณ Jimmy carter หรือเปล่า? คือชนะเลือกตั้ง แต่พอมาบริหารประเทศไม่ประทับใจและเป็นได้แค่สมัยเดียว

หนังสือเล่ม Leadership Secrets of Hillary Clinton โดย Rebecca Shambaugh ผมได้นำมาใช้ในการสอน หลักสูตร "นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง" รุ่นที่ 1 ปปช. เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเน้นเรื่อง ผู้นำกับธรรมาภิบาล ผู้เข้ารับการอบรมหลายท่านเห็นว่าผู้นำกับธรรมาภิบาลในระบบราชการ การเมือง รัฐวิสาหกิจของไทยมีช่องว่างคือ ขาดผู้นำจำนวนมาก

ปัญหาคือ ทำอย่างไรในประเทศไทยจึงจะสร้างผู้นำที่มีธรรมาภิบาล ในขณะที่มีปัจจัยภายนอกกระทบความเป็นคนดีและความโปร่งใสของ ข้าราชการประจำและผู้นำรัฐวิสาหกิจและนักการเมือง เช่น
หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ โดย คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยาและ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

Leadership Secrets of Hillary Clinton โดย Rebecca Shambaugh

* การเมือง

* ค่านิยมในสังคม เน้นวัตถุและอำนาจนิยม

* ความอ่อนแอของทุนมนุษย์ (ที่คิดไม่เป็น)

* สื่อที่ไม่ได้คุณภาพ

ในหนังสือเล่มนี้ ก็มีการวิเคราะห์ฮิลลารีว่า เป็นผู้นำที่มีคุณภาพ มีธรรมาภิบาล เพราะมี 3 L

* L ที่ 1 คือ Listening

* L ที่ 2 คือ Learning

* L ที่ 3 คือ Leading

ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจว่า ผู้นำยุคใหม่จะต้องเปิดใจกว้างรับฟัง โดยเฉพาะฟังสิ่งที่ตัวเองอาจจะไม่สบายใจ หลุดจาก Comfort Zone หลุดจากอารมณ์เพื่อรองรับ ความไม่สบายใจได้

ผู้นำคนไทยมักจะชอบฟังอะไรที่เป็นคำชม แต่ไม่ชอบคำตำหนิหรือคำวิจารณ์

แต่ผมคิดว่าจะโจมตีคนฟังข้างเดียวไม่ได้ คนวิจารณ์ก็ต้องมีศิลปะในการพูดให้พอดีเหมาะสมกับจังหวะและโอกาส อย่าใช้อารมณ์ ใช้ความสุภาพเรียบร้อย ซึ่งก็ต้องฝึกฝนตลอดเวลา
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ได้รับเกียรติให้บรรยายเรื่อง บทบาทผู้นำในการพัฒนาองค์กรตามหลักธรรมาภิบาล ในหลักสูตร "นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง" รุ่นที่ 1ของสถาบันการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์ (ป.ป.ช.) เมื่อวันพุธที่ 15 กันยายน 2553


ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ พร้อมด้วยมนตรี พงษ์พันธุ์ ผอ.ส่วนส่งเสริมและพัฒนาสถาบันการค้า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหาร NTU Thailand เลี้ยงขอบคุณ Mr.Wu Mao Hai นายกสมาคมThai-Asean+6 ..Business Promotion, Mr.Wu Zhiyi Beijing Tai Hai Culture Development Center คณะจากเซี่ยงไฮ้ และสมาคมผู้ประกอบาการธุรกิจการค้า ไทย - สากลซึ่งช่วยประสานงาน โครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มประเทศ ASEAN+6 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553 ณ โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค

การฟังเท่ากับการเรียนรู้ ผมเองฟังทุกเรื่องได้และพร้อมที่จะปรับปรุง แต่ก็ต้องใช้เวลา

วัยนี้มีประสบการณ์มากขึ้น ช่วงหนุ่มๆ ใครพูดไม่เข้าหูก็จะสวนกลับไปแรงๆ ทุกครั้ง สร้างปัญหาอย่างมาก เพราะไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร?

ส่วนสองประเด็นสุดท้ายของฮิลลารีก็คือ Learning แล้วนำไป Leading คือถ้าฟังเป็นก็ เรียนรู้ได้ดีเป็นผู้นำได้ดีในที่สุด

ผมชอบ 3L's ของฮิลลารีมาก ผมก็ได้เรียนรู้เพราะ 3L's ของผม แต่อาจจะมองจากอีกมุมหนึ่ง แต่ L ของผมอาจจะแตกต่างกว่าคุณฮิลลารี ไม่มากนัก

L แรกก็คือ Learning from pain ความล้มเหลว ความเจ็บปวดบทเรียนรู้ที่ดีชีวิตผมล้มเหลวผิดพลาดหลายจังหวะชีวิต ถ้าใช้ให้เป็นประโยชน์อดทนและแข็งแกร่ง สู้ต่อไป

L ต่อมาคือ Learning from experiences ประสบการณ์ช่วยเรามากทั้งดีและไม่ดี ดีก็จำไว้ ไม่ดีก็เรียนจากรู้จากมัน

และสุดท้ายก็คือ พร้อมที่จะรับฟัง Learning from listening คล้ายกับคุณฮิลลารี



สัปดาห์นี้สรุปเรื่องราวสำคัญ 2 - 3 เรื่อง คือวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายนนี้ จะครบรอบ 4 ปีของการปฏิวัติ

ผมคิดว่าหลายกลุ่มมองปฏิวัติแค่รูปแบบคือ เป็นการทำลายประชาธิปไตย แต่ควรมองจากทฤษฎี 2R's ของผมคือ

* Reality

* Relevance

คือความจริงคืออะไร? คุณทักษิณเป็นสาเหตุใหญ่ของการปฏิวัติ คือเป็นนักการเมืองที่บ้าอำนาจ อาจจะเก่ง แต่ขาดความยั่งยืนระยะยาว ขาดธรรมาภิบาล มองกลุ่มเล็กๆ ของตัวเองและพรรคพวกเป็นใหญ่ ไม่ได้มองประโยชน์ระยะยาวของประเทศเป็นหลัก

ส่วน จุดอ่อนของปฏิวัติก็คือทำเสร็จไม่มียุทธศาสตร์ รองรับว่าจะทำอะไรต่อ เพื่อส่วนรวมและระยะยาว

กำหนดวันเลือกตั้งเร็วไป ควรจะจัดการล้างปัญหาของประเทศให้เข้ารูปเข้ารอยเสียก่อน

แต่ถ้าดู ประโยชน์และโทษพร้อมกันไป ผมคิดว่ามองได้หลายมุมความเห็นของผม คือเมื่อไม่มีระบอบทักษิณ ทำให้คนไทยคนไทยหันมาพึ่งตัวเอง ค้นหาจุดอ่อนของตัวเอง ศึกษาโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มี ผู้นำเก่งแต่ขาดความจริงใจมาชี้นำ

จุดอ่อนก็คือ รัฐบาลหลังคุณทักษิณ ไม่บริหารเชิงแบบธุรกิจ เน้นกฎหมายอยู่ในกรอบมากเกินไป ไม่ทำงานเชิงรุก

ถ้าไม่มีปฏิวัติ ก็อาจจะมีเผด็จการในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งอันตรายกว่า เพราะเป็นเผด็จการที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญคือเผด็จการแบบรัฐสภา

สุดท้ายขอขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและ NTU ได้จัดสรุปสัมมนาผลโครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มประเทศ ASEAN+6 ซึ่งผมได้พาคณะไปที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และได้เลี้ยงรับรอง ผู้นำจีนที่ประสานงาน ขอให้ความสัมพันธ์ไทย - จีน จงพัฒนาไปอย่างยั่งยืน

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
[email protected]
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์ 0-2273-0181
หมายเลขบันทึก: 395946เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2010 08:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท