สวัสดีครับน้องครูอ๋อย หลายเรื่องดูน่าเป็นห่วง
ผู้ปกครองไม่ให้เวลาแก่ลูกหลาน ไม่ได้สอนให้รู้ผิดชอบชั่วดี ไอ้ที่บอกว่าไม่มีเวลาก็ใช่ แต่ดูเหมือนประเด็นไม่สนใจจะมากกว่า
หากสถาบันครอบครัวล่มสลาย การพัฒนาสังชุมชนก็ยากที่จะไปถึงที่หมาย
กระทรวง พม.และพมจ.ก็เห็นแต่การปักป้าย"ศูนยฺพัฒนาครอบครัว"ทุกตำบล
แต่ยังหาต้นแบบแห่งการจัดพัฒนาครอบครัวไม่เห็น....อิอิบ่นครับ
+ สวัสดีค่ะ ท่านบัง วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
+ ติดตามข่าวคราวของบังผ่านบันทึกเสมอค่ะ...หนูน้อยนาเซีย สุข สดชื่น ดีใช่ไหมค่ะ คงเจริญวัฒนาขึ้นเยอะใช่ไหมค่ะ
+ บอกตรง ๆ นะค่ะบัง...ว่าการเป็นครู ณ ยุคนี้เหนื่อยมากค่ะ บางที่คิดว่าจะแก้ไขพฤติกรรมเด็กคนนี้คนนั้นยังไง ถึงขั้นนำมาฝันเลยค่ะ
+ อ๋อยไม่นึกเลยว่าในที่ซึ่งเจริญทางด้านวัตถุกว่าจะมีปัญหาจำพวกนี้สูงกว่า...ที่หมู่บ้านสายหมอ ต.บางเขา อ.หนองจิก ชุมชนมุสลิมร้อยเปอร์เซ็น แต่ด้วยบริบทแห่งสังคมชนบท การควบคุม เฝ้าดูผู้คน ลูกหลานของตนในชุมชนของผู้ปกครองให้ความร่วมมือสูง และควบคุมได้ดีด้วยค่ะ อ๋อยมีความสุขกับการเป็นครูที่นั่นมากกว่าค่ะ...ความสุขหนหลังนี้ช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณความเป็นครูได้มากที่เดียวค่ะ
+ แต่อ๋อยก็ไม่รู้ว่าเมื่อนานวันผ่านไปจะเปลี่ยนไปไหมนะค่ะบัง
+ อ๋อยเห็นด้วยค่ะบัง...ที่นี้เราจะทำยังไงให้ผู้ปกครองเข้าใจได้ว่าเราต้องร่วมด้วยช่วยกันละค่ะบัง....
สวัสดีค่ะน้องอ๋อย
ด้วยความระลึกถึงอยู่เสมอ ๆ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยคิดค่อยทำ เก็บเล็กผสมน้อย แม้ว่าผลผลิตจะปรากฏช้า ๆ ก็ต้องยอมนะคะ
ที่นี่มีแต่ความซึ้งใจค่ะ http://gotoknow.org/blog/smallsmall/398478
+ สวัสดีค่ะพี่ครูคิม & ป้าคิม ของแอมแปร์
+ ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ...ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อคิดที่ให้...เป็นครูต้องรู้อดทนใช่ไหมค่ะ...พี่ครูคิมพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วนี่เนาะ...
+ ภาระกิจจิตอาสา...เสื้อ...เรียบร้อยแล้วใช่ไหมค่ะ...สุขใจแม้เหนื่อยกายสายตัวแทบขาด...เป็นครูที่เออลี่แล้วก็ยังต้องรู้อดทนอยู่อีกเช่นกันใช่ไหมค่ะ....กร้ากกกกก...มีแซวค่ะ
+ ด้วยความคิดถึงค่ะ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านเรื่องราวด้วยคนนะคะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ค่ะ^__^
+ สวัสดีค่ะหนูต้นเฟิร์น... ต้นเฟิร์น
+ ขอบคุณมากนะค่ะที่หนูเข้ามาเยี่ยมเยียน
+ น้ารู้จัก ร.ร.ของหนูด้วยค่ะจากรายการ "ชิงช้าสวรรค์" ค่ะ
+ แต่น้าสงสัยทำไมเข้าไปอ่านบันทึกล่าสุดของหนูไม่ได้ละค่ะ...แบบว่าเข้าไปแล้วไม่มีข้อมูลที่จะอ่านนะค่ะ...แต่บันทึกอื่นก่อนหน้านั้นอ่านได้ค่ะ
+ แล้วน้าจะพยายามอีกที่นะจ๊ะหนูต้นเฟิร์น
ปัญหาของเด็ก ผมฟังมาจนหูอื้อแหละครับ ภรรยาผม ก็นำปัญหาเด็กมาปรึกษา ก็คล้ายๆกันครับ พ่อแม่ไม่ค่อยใส่ใจ มักจะโยนภาระมาให้ครู ทีนี้ นอกเวลาเรียน พอเด็กมีปัญหา ทั้งผู้ว่า ทั้งตำรวจ ก็โยนมาให้ครู ครูก็บอกนอกเวลา ให้ไปบอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็บอกไม่มีเวลา ต้องทำมาหากิน ให้ครูช่วยอบรมด้วย เวียนกันไปเช่นนี้ ครับ
หนังสือเล่มนี้ เสนอมุมมองที่ลึกไปกว่านั้น ครับ
ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง....น่าเป็นห่วงด้วยครับ..
ด้วยความระลึกถึง..
ผู้ปกครองและครอบครัวมีผลต่อเด็กมากครับครูอ๋อย หายไปนานมาก คุณสัมกับน้องแอมแปร์สบายดีนะครับ
หลังจากเมื่อเช้าได้ยินเสียงแล้ว ตอนย่ำค่ำก็มาส่งกำลังใจด้วยตัวหนังสือซะหน่อย..
อ่านแล้วเห็นใจคุณครูอย่างยิ่ง แต่ในอีกมุมหนึ่งพ่อแม่เขาก็มีความเข้าใจเช่นนั้นตามสภาพสังคมทุนนิยม ที่ให้ความสำคัญกับเวลาเป็นเงินเป็นทอง จึงใช้เวลาหาเงินทอง พ่อแม่เข้าใจว่าการมีเงินทอง วัตถุสิ่งของ เพียบพร้อม จะทำให้ลูกมีความสุข นั่นก็เป็นความปรารถนาดีต่อลูกตามที่เขาได้เรียนรู้มา
พวกเขาจึงลืมให้เวลาที่มีคุณค่ากับลูก และทำตัวเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น
เรื่องของความเข้าใจต้องใช้เวลาหน่อยนะคะ ค่อย ๆ ทำกันไปตามกำลัง ทำเต็มที่อย่างปล่อยวาง แต่ทำไม่หยุดด้วยความเพียร
ที่สำคัญ..คุณครูทั้งหลายอย่าลืมเมตตาตัวเองนะคะ สร้างความสมดุลให้ชีวิตคุณครูด้วย จะได้มีพลังสร้างสรรค์ต่อไปค่ะ
แล้วพี่ใบไม้ฯ จะส่งหนังสือที่เรียบเรียงเกี่ยวกับเรื่องการดูแลลูกวิถีพุทธ ไปให้เป็นกำลังใจน้องครูอ๋อยนะคะ เพิ่งพิมพ์เสร็จและวางขายไม่นานมานี้เองค่ะ
คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ หรือใช้ในการสื่อสารกับผู้ปกครองได้บ้างนะค่ะ
สู้ ๆ นะคะน้องสาวคนเก่ง ^^V
สวัสดีน้องอ์อยและหลานแอมแปร์
คิดถึงจังค่ะ ไม่ได้ข่าวคราวเลย
พี่ว่าความร่วมมือกันทุกฝ่ายน่าจะดีที่สุด
ทั้งพ่อ แม่ ครู และคนในสังคม
ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างผลักภาระ...ให้อีกฝ่าย.จบกัน
+ สวัสดีค่ะท่านรอง small man
+ อ๋อยสนใจหนังสือเล่มดั่งกล่าวค่ะ...ไว้ไปร้านหนังสือนายอินทร์จะไปตามล่ามาอ่านค่ะ
+ ที่โรงเรียนประชุมผู้ปกครองเทอมละ 2 ครั้ง ค่ะ ...ทุกครั้ง...ครูประจำชั้น + ผู้ปกครอง = เรา...มักพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน...แต่ดูเหมือนความน่าจะเป็นกับความเป็นไปในวิถีชิวตจริงไม่ล้อไปด้วยกัน
+ จากการพูดคุย หาข้อมูลเชิงลึก น่าจะประมาณ "พ่อแม่รังแกฉัน" มากกว่าค่ะ.....ดูเหมือนผู้ปกครองเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่าง " วินัย ความรับผิดชอบ " ในวิถี กับ "ไม่อยากให้ลูกเหนื่อย ไม่อยากให้ลูกลำบาก" มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงนะค่ะ
+ หนูว่าวิถีของ "วินัยเชิงบวก" ที่ท่านนำเสนอมาในบันทึกก่อน ๆ น่าจะเรียบเรียงตีพิมพ์ แจกให้ผู้ปกครองอ่าน ทำความเข้าใจนะค่ะ อันนี้หมายถึงผู้ปกครองที่มีความพร้อมทางปัจจัย 4 พอควรแล้วนะค่ะ...เพราะเด็ก ๆ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมร้อยละ 70 มาจากครอบครัวของผู้ปกครองแบบนี้ค่ะ...ส่วนน้อยที่มาจากผู้ปกครองปากกัดตีนถีบ...ถ้าเป็นแบบนั้น...เราก็จะมีวิธีแก้ปัญหาอีกแบบค่ะเหมาะสมตามสภาพ
+ ดีใจมากค่ะที่ท่านยังไม่ลืมแก็งค์ของเราค่ะ
+ เย้....อ้ายปรีดาเกษตร(อยู่)จังหวัด ยังไม่ลืมแก็งค์ของเรา...โอ้เย้...
+ สบายดีกันทุกคนใช่ไหมค่ะ...หนูฝุ่นเจริญวัฒนาไปไกลเพียงใดแล้วละนี่...คิดถึงค่ะ
+ ว่าไปผู้ปกครองอายุอยู่ในช่วง 25 - 40 ปี ค่ะ การศึกษาก็ไม่ต่ำกว่า ป.6 ทั้งนั้นค่ะ ความเป็นอยู่ก็ไม่ลำบากอะไร...แต่ไม่เข้าใจมากกว่า ว่าระหว่าง " การสร้างวินัย สร้างความรับผิดชอบ " ในวิถี กับ "ไม่อยากให้ลูกเหนื่อย ไม่อยากให้ลูกลำบาก" มันต่างกันอยู่...
+ ดูเหมือนเราเดินทางไปข้างหน้าโดยลืมนึกไปว่าที่เราดำรงชีวิตมีอยู่มีกินเพราะว่าเรา " มีวินัย มีความรับผิดชอบ "
+ ด้วยความคิดถึงค่ะ
+ สวัสดีค่ะ อ.ขจิต ฝอยทอง
+ ดีใจมากค่ะที่อาจารย์มาให้กำลังใจ...ผู้ปกครองบอกว่า " เราสงสารลูก...เราไม่อยากให้ลูกทำไหร...ไม่อยากให้ลูกเหนื่อย...ไม่อยากให้ลูกลำบาก"
+ ซึ่งในความเป็นจริงการสร้างวินัย สร้างความรับผิดชอบ ไม่ได้หมายถึงความดังกล่าวซะหน่อยนี่ค่ะ...อ๋อยคิดไว้คร่าว ๆ ว่าถ้าประชุมผู้ปกครองคราวหน้าจะเชิญผู้ที่เลี้ยงลูกแล้วลูกเป็นคนดี คิดดี ทำงานดี มาเล่าประสบการณ์ให้ผู้ปกครองฟังนะค่ะ...
+ อาจารย์ว่าดีไหมค่ะความคิดนี้...
+ ด้วยความคิดถึงค่ะ
+ ว้าวววววว....ท่านพี่ใบไม้ย้อนแสง....ซึ้งค่ะ
+ ตั้งแต่วันอาทิตย์กลางวัน ถึงกลางคืน ลากมาจันทร์กลางวัน ต่อถึงจันทร์กลางคืน ...และแล้วงานก็เสร็จค่ะ...แบบว่าพอสมองเดินแล้วฉลุย...อะไร ๆ ก็ไหลลื่น...แบบไม่อยากหลับอยากนอน...(อิ อิ...ถ้านอนแล้วกลัวลืม...กร้ากกกก)
+ วันนี้ส่ง EMS ไปแล้วค่ะ...
+ ท่านพี่ค่ะ...ไอ้ที่ผู้ปกครองต้องทำมาหากินเราขอละไว้ก่อน เพราะประเภทนี้ ส่งผลถึงเด็กอยู่แล้ว...แต่ที่อ๋อยพูดถึง คือ ผู้ปกครองมีชีวิตพออยู่พอกินนะค่ะ...แต่ดูเหมือนเขาเหล่านี้จะแยกความต่างระหว่าง " การสร้างวินัย สร้างความรับผิดชอบ " ในวิถี กับ "ไม่อยากให้ลูกเหนื่อย ไม่อยากให้ลูกลำบาก" ว่ามันต่างกันอยู่...
+ ประเด็นนี้แหละค่ะสำคัญ...ผู้ปกครองมองแบบสั้น ๆ แต่ไม่เข้าใจว่าการสร้างคนมีคุณภาพ...พื้นฐานต้องมาจากครอบครัวนะค่ะ...
+ เหนื่อยค่ะเหนื่อย...บ่นนะค่ะ...แต่เรา"ครู" ก็ต้องทำหน้าที่สร้างคนมีคุณภาพกันต่อไปด้วยใจที่มั่นคงค่ะ...อิ อิ...
+ ขอบคุณมากค่ะ
+ สวัสดีค่ะท่านพี่นงเยาว์ ครู ป.1
+ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงเรื่องนี้ก่อนค่ะขอบอกว่า " ละอายมากค่ะ...ที่พวกเราใส่เสื้อที่ท่านพี่ส่งมาให้จนเริ่มเก่าแล้ว...แต่ไม่เคยส่งข่าวถึงท่านพี่เลย...ขออภัยด้วยนะค่ะ...ผู้น้อยผิดไปแล้ว... "
+ ตามาด้วย " ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะกับวิทยฐานะที่ปรับขึ้น คศ.3 "...อิ อิแสดงความยินดีช้าอีกตามเคย...อิ อิ...ข้าน้อยขอคาราวะค่ะ
+ ดูเหมือนภาระอีกอย่างของโรงเรียนและครู นอกเหนือจากสอนหนังสือ สอนทักษะชีวิตให้ลูกหลานเขาแล้ว ก็คือ สอนวิธีการอบรมสั่งสอนลูกหลานให้กับผู้ปกครอง
+ คิดบวกเข้าไว้ค่ะ...เราเป็นครู เราเลือกอาชีพอันทรงเกีรตินี้แล้ว เราก็ต้องทำงานหนัก ให้สมกับที่เขายกย่อง...อีกอย่างคือ...เกิดมาต้องแทนคุณแผ่นดิน...
+ ด้วยความคิดถึงค่ะ...
+ สวัสดีค่ะน้อง บุษรา
+ วันก่อนพี่อ๋อยเข้าไปอ่านบันทึกของน้องที่พูดถึงเส้นทางชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้...
+ น้ำตาพาลไหลค่ะ...ไม่ใช่น้ำตาแห่งความรันทดนะค่ะ...แต่เป็นน้ำตาแห่งชัยชนะ...นะค่ะ...
+ น้องคือ " คนเก่ง หัวใจแกร่ง " ค่ะ...ถือว่าเป็นคนมีคุณภาพที่ สังคม ประเทศเราต้องการค่ะ...
+ พี่อ๋อยอยากให้เด็ก ๆ คิด อดทน มีวินัย มีความรับผิดชอบแบบน้องนะค่ะ...ซึ่งเด็กจะคิดแและทำแบบนี้ได้...ครอบครัวต้อง " อบรมบ่มเพาะ " มาค่ะ...จะเกิดขึ้นเองไม่ได้...
+ พี่อ๋อยคิดว่า การมีความรับผิดชอบ มีวินัย สามารถ อบรมบ่มเพาะ ได้กับคนทุกชั้นวรรณะค่ะ ตามบริบทวิถีชีวิตของครอบครัว...
+ ขอบคุณมากค่ะ
แวะมาส่งคุณแม่ พ่อสัม และน้องแอมแปร์เข้านอนค่ะ
พักผ่อนมาก ๆ ใจสบาย ผ่อนคลายจะทำงานได้ง่ายขึ้นค่ะ
พี่ก็กำลังจะไปทำงานต่อเช่นกัน
ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะพี่อ๋อย
เมื่อคืนดูทีวีช่องหอยฯ รายการศึกษา เด็กรักเรียนคนนึง เปลี่ยนพฤติกรรมเพราะพ่อแม่แยกทางไม่สนใจ ไม่ส่งเสียให้เรียน โชคดีมีคุณครูดีเอาใจใส่ ไม่งั้นเสียคน ... ก็คุยกันค่ะ น้องๆ ยังบอกว่าช่วงวัยเด็กสำคัญที่สุด หากเจอครูดี ในด้านคุณธรรม คิดรู้สึกผิดชอบได้ แต่สมัยนี้ พ่อแม่ก็ไม่มีเวลา ครูก็หาแบบอย่างดีๆ ยาก .. สุดท้ายก็น่าสงสารเด็กเป็นที่สุดนะคะ ก็ต้องแล้วแต่ลูกไม้ฯ รึ ส.ด. ของเด็กๆ แต่ละคนแล้วกระมังค่ะ อ่านหนังสือกันเยอะๆ แล้วจิตใต้สำนึกจะได้ดีๆ ภูมิต้านทานสูงๆ ไม่ถูกกระตุ้นหรือกระทบจากปัจจัยแวดล้อมภายนอก สุดท้ายก็น่าสงสารเด็กเป็นที่สุดนะคะ
ส่งกำลังใจครูคนดีๆ ในสังคม อย่างเต็มที่จากใจ ด้วยจิตคารวะค่ะพี่ครู น้องแอมปิดเทอมแล้ว มีกิจกรรมอะไรช่วงปิดเทอมค่ะพี่
+ น้องปูpoo ...พี่อ๋อยก็พยายามนะค่ะ...ที่จะสอนทักษะชีวิตให้กับเด็ก ๆ
+ วันก่อนลงทุนพานักเรียนชั้น ป.6 ที่พี่ประจำชั้นจำนวน 21 คน ไปดูหนังเรื่อง " สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก"....เพราะหวังเพียงว่าสาระของหนังเรื่องนี้จุดประกาย มุมมอง แง่คิด ให้กับเด็ก ๆ ได้บ้าง....เพราะเด็กที่พี่ประจำชั้นหลายคนที่ไม่มี ส.ด คิด นำพาตัวเองไปในทางที่บวกเลย...เหนื่อยมากเลยปู...เหนื่อยเพราะ ครู ทำฝ่ายเดียวแต่ผู้ปกครองไม่สนใจร่วมมือด้วย...แถมบางคนยังเข้าข้างลูกตัวเองอีก...ขนาดลูกตัวเองริเป็นโจรแล้วยังเข้าข้างอีก...ทั้ง ๆ ที่หลักฐานมีครบทุกอย่าง...
+ พี่คิดว่า ส.ด. บางอย่างน่าจะปรับเปลี่ยน ขุดแคะ ปลูกฝัง ได้บ้างเพราะยังเยาว์...แต่นั่นหมายถึงผู้ปกครองต้องช่วยด้วย
ฐานครอบครัวสำคัญที่สุดค่ะพี่ มีหลายประเด็นๆ มากเลยค่ะพี่อ๋อย ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้เป็นปัญหาโลกแตกกันเลย ก็น้องๆ เค้ายังคิดกันค่ะว่า รร. ในเมืองหลายๆ ที่คุณครูยังวางตัวสูง ห่างต่างจากนร. และไม่ติดดิน ก็เลยงงๆ ว่า ทำไมการให้ผู้อื่นนับถือกันต้องอาศัยการวางมาด ฟอร์ม แต่งกาย ใช้สินค้ามียี่ห้อด้วยฤา ? อันนี้มีอยู่หลายวงการ ;)
ส่วนคุณครูดี ก็เหนื่อยกันไปต๊ะ หนูล่ะกลุ้ม เราก็ทำเฉพาะสิ่งที่เราสามารถทำได้ พี่อ๋อยทำดีที่สุดแล้วค่ะ หรือมันเป็นเรื่องของค่านิยมบ้าๆ ที่ครอบงำ ความคิดสังคมบ้านเราอย่างฝังรากลึกด้วยไหมคะ ... ปูพยายามคิดไม่ออกเลยค่ะว่า สรุปแล้ว สิ่งใดกันแน่ที่สำคัญสุด ระหว่างพันธุกรรม รึปัจจัยแวดล้อม .. เพราะบางครั้งตอนเด็กก็ดี พอโตมาเวลาเปลี่ยนก็เปี๋ยนไป ... หรือว่าต้องโหมกระพือ รื้อโครงสร้าง ปรับมุมคิดเป็นวาระแห่งชาติด้วย ทางครอบครัว จะได้ถูกกระตุ้น กระตุก ลุกขึ้นมาตื่น ตกใจ ตัว ได้ล้อมคอกกัน วัวหายกันอีกรอบ ;)
บ่นยาวเลยค่ะพี่ พูดกี่ทีๆ ก็เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติม คือ ความคิดถึง และหวังเหวิด ;)
+ ปู poo เหอ....
+ เท่าที่คลุกคลีกับเด็ก ๆ มาทั้งลูกหลานและนักเรียน และศึกษาอ่านหนังสือมาบ้าง พี่คิดว่า พันธุกรรมไม่สำคัญเท่า การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อม ค่ะ
+ มีเด็กนักเรียนคนหนึ่ง....มีพฤติกรรมทำร้ายเพื่อน ๆ ผู้หญิง เช่นขว้างก้อนหินใส่เพื่อนจนได้รับบาดเจ็บ เย็บไป 7 เข็ม เอาลูกดอกยิ่งใส่กระจกหน้ารถของครูจนแตกร้าว เอามีดสะปาต้ามาขู่เพื่อน ต่อมาก็ขโมยเงินสหกรณ์ ข่มขู่น้อง ๆ ที่ไปห้องน้ำ สารพัดปัญหา มีให้ปวดหัวทุกวัน...ชาวบ้านมักพูดว่า...คอยดูโตขึ้นก็เหมือนปู่ เหมือนพ่อมัน...โหม(ห-ม-โ) มันเป็นแบบนั้น กรรมพันธุ์มันเป็นแบบนั้น
+ สืบสาวไปในเชิงลึก...ปู่ติดคุก เพราะฆ่าคน....ต่อมาพ่อติดคุก เพราะฆ่าคน...พ่อกับแม่ทุบตีกันบ่อย ๆ ...เด็กไม่ภูมิใจในตัวแม่...ช่วยพ่อทุบตีแม่...ถามว่าฐานะลำบากไหม...ก็เปล่าเลย...
+ ประมาณว่า ตระกูลไหน...ไม่ใช้ปัญญาอบร่มบ่มเพาะลูกหลานตนเอง...แต่ทำแต่สิ่งโง่ ๆ ให้ลูกหลานตนเองเห็น...ก็ลงเอยตามรอยตามบรรพบุรุษ...โหม(ห-ม-โ)มันเป็นแบบนั้น
+ จริงแท้ คือ สิ่งแวดล้อมต่างหาก อาจมีบ้างพันธุกรรม แต่ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นหรอก...นี่ คือ ถอดจากมุมมองที่ผ่านพบมานะ
+ น้องบุษราค่ะ บุษรา ...ขอบคุณมากค่ะที่กล่าวชม
+ สำหรับมุมมองพี่...พี่คิดว่าการตอบเม้นท์ เป็นการให้เกียรติกับทุกท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนค่ะ...ที่สำคัญเป็นการฝึกให้เราได้คิด...ได้ทบทวน....ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพราะแต่ละท่านที่เข้ามาก็มีมุมมองของแต่ละคน...นะค่ะ
+ พี่อ๋อยรอบันทึกที่มีชีวิตชีวาของน้องในบันทึกต่อไปนะค่ะ
+ พี่อ๋อยชอบภาพดอกบัวของน้องจังค่ะ...ตูม...แล้วค่อย ๆ บาน...แล้วบานเต็มที่...
+ มีความหมายดีค่ะ...
+ สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก คนไม่มีราก & ป้าคนดอกไม้สีม่วงของแอมแปร์
+ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ...ที่หลั่งไหลมีมาทันเวลาและสม่ำเสมอนะค่ะ
+ มีแรงใจพิเศษทุกครั้งที่เราได้ทักทายกันนะค่ะ...ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ...ทั้งนักการศึกษาและครู...เพื่อพัฒนาชาติไทยกันต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะสองสาว เป็นไงบ้างคะช่วงปิดเทอม อย่าลืมมาส่งข่าวคราวกันหน่อย ด้วยคิดถึงและหวังเหวิด ค่ะ ;)