"เหล้า" ทำให้คนที่เรารักต้องตาย (คุณพ่อ)


ขณะที่วิ่งคุณพ่อลื่นล้ม แต่ก็ยังลุกขึ้นได้และกลับมาขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน

ตอนที่ 53 

              

           "เหล้า" ทำให้คนที่เรารักต้องตาย(คุณพ่อ)

      คนที่ผมรักมากที่สุดที่ต้องเสียชีวิตเพราะ "เหล้า" คนแรกก็คือคุณพ่อ เหตุที่คุณพ่อดื่มเหล้า มีหลายเรื่องด้วยกัน  แต่ที่หนักๆ  ที่สุดก็คือเรื่องงาน  และเรื่องการลงทุน ที่ไม่ประสบความสำเร็จ  

        ในเรื่องของงานนั้นคุณพ่อเคยบ่นและพูดให้ฟังอยู่เสมอว่าการเรียนนั้นสำคัญที่สุด  พ่อแม่ ไม่มีสมบัติจะให้ลูกนอกจากให้ลูกได้เรียนให้มากที่สุดเท่าที่จะเรียนได้  คุณพ่อผมทำงานรถไฟ  อยู่กองโรงงาน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตมาโดยตลอด แต่หน้าที่การงานไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารเท่าที่ควรหลายครั้งที่คุณพ่อมักจะบ่นให้ฟังว่าเด็กที่เคยสอนงานให้ ก็กลับมาเป็นหัวหน้าตนเอง จึงพยายามส่งให้ลูกเรียนทุกคน  แล้วแต่ลูกคนใดจะไควคว้า 

         ในเรื่องของการทำธุรกิจนั้น  ผมเคยเขียนไว้ตอนต้นๆ แล้วว่า คุณพ่อเลือกที่จะลงทุนโดยการซื้อรถสองแถววิ่ง และให้น้องของคุณแม่ (น้าชาย) เป็นคนขับ และภรรยาของน้าทำหน้าที่เป็นกระปี๋  วิ่งระหว่างในเมือง ไปยัง น้ำหม้น วังดิน  สุดท้ายน้าชายขับรถคว่ำ แถวสนามบินวังยาง ทำให้มีผู้โดยสารบาดเจ็บหลายคน จนถึงกับต้องขายบ้านส่วนตัวมาอยู่บ้านหลวง  ที่ดินที่มีอยู่มากมายขายหมด ไม่มีเหลือ

          สุดท้ายต้องมาอาศัยบ้านพักรถไฟ  ชะตาชีวิตยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อมีการเรียกร้องค่าเสียหายกันมากมายจากคนที่ได้รับบาดเจ็บ  ลำพังเงินเดือนที่เป็นพนักงานรถไฟไม่เพียงพอกับการเรียกร้องจำเป็นที่จะต้อง ปรับปรุงรถให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ทุกอย่างทำใหม่เกือบหมด และเปลี่ยนเส้นทางใหม่  โดย ได้รับการแนะนำจากน้าชาย (คนเดิม) ว่าน่าจะนำรถไปวิ่งที่จังหวัดพิจิตร เส้นทางในเมือง ถึง อำเภอสากเหล็ก  และสุดท้ายรถยนต์ชนกับรถไฟอีก ที่บริเวณที่ปิดกั้นรถไฟ  แถวราชช้างขวัญ ครั้งนี้เองรถไม่มีชิ้นดี ไม่สามารถซ่อมได้ และขายเป็นเศษเหล็ก  ที่สำคัญต้องเสียเงินให้กับผู้โดยสารอีก 

          ด้วยเหตุผลอย่างน้อยทั้งสองข้อนี้คุณพ่อดื่มเหล้าหนักมาก จนติดวันไหนไม่ได้ดื่มไม่มี คุณพ่อต้องดื่มทุกวัน  เป็นผลทำให้งานก็เสียการพิจารณาความดีความชอบต่างๆ หรือการเลื่อนขึ้นเป็นระดับหัวหน้าจึงห่างไกลจากคุณพ่อ

         วันที่คุณพ่อต้องเสียชีวิต คุณพ่อไปโรงพยาบาลมักกะสันเพียงคนเดียวเพื่อตรวจสุขภาพ  หลังจากนั้นเดินทางไปสถานีหัวลำโพงเพื่อเดินทางกลับอุตรดิตถ์  คุณพ่อเล่าให้น้องสาวฟังว่านึกอยากจะกินเงาะ จึงเดินไปซื้อเงาะหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ในขณะที่ซื้อเงาะอยู่นั้นฝนตก ประกอบกับรถไฟก็จะออก  คุณพ่อจึงวิ่งกลับมาที่หัวลำโพง ขณะที่วิ่งคุณพ่อลื่นล้ม แต่ก็ยังลุกขึ้นได้และกลับมาขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน  เมื่อรถวิ่งมาถึงอยุธยา คุณพ่อปวดหัวมาก คุณพ่อจึงตัดสันใจแวะหาน้องสาวที่สถานีรถไฟบ้านหมี่  เมื่อมาถึงบ้านน้องสาวคุณพ่อจึงเล่าเรื่องให้น้องสาวฟัง  น้องสาวถามว่าทนไหวหรือไม่  คุณพ่อบอกพอไหว  คืนนั้นคุณพ่อทานเงาะที่ซื้อมา ทานจนหมด หลังจากนั้นคุณพ่อถ่ายตลอดจนถึงเช้าน้องสาวจึงพาคุณพ่อไปยังโรงพยาบาลลพบุรี  ถึงโรงพยาบาลหมอเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากให้น้ำเกลือ  ประมาณแปดโมงเช้าคุณพ่อก็เสียชีวิต ในขณะที่อายุได้เพียง 53 ปี 

                                              

                         

คำสำคัญ (Tags): #คุณพ่อ
หมายเลขบันทึก: 399513เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2010 17:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ชะตากรรมที่ประสบ เป็นเรื่องของ"กรรมเก่า" อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้เล่าเรื่องอาจสังเกตเห็นว่า เหตุใดคุณพ่อจึงไม่เจริญในหน้าที่การงาน

ไม่ใช่เพราะไม่มีความสามารถ แต่คุณพ่อเป็นผู้ไม่เอาเปรียบคนอื่น คุณพ่อชอบที่จะให้กำลังใจ และช่วยเหลือคนอื่นเสมอ นั่นเป็น"กุศล"ที่ได้รับ เพียงแต่กรรมเก่าต้องการให้คุณพ่อชดใช้ จึงพรากคุณพ่อไปตั้งแต่ก่อนวัยอันควร การทำธุรกิจทั้งสองครั้งซึ่งประสบเหตุที่เกิดจากกรรมเก่าของคุณพ่อ แต่แสดงถึงความสมถะ ความปรารถนาดี กล้าหาญ และ ความรักที่มีต่อญาติพี่น้อง แต่ที่ต้องเป็นไปก็อย่างที่บอก "กรรม"เป็นตัวกำหนดการกระทำ แปลกที่วันสุดท้ายของท่าน มีเหตุการณ์ประจวบกันในลักษณะที่ไม่น่าถึงแก่ชีวิต

แต่ก็เป็นไปแล้ว คนอายุ 53 ปี ลื่นล้มไม่ถึงกับสาหัสไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การปวดหัว การทานเงาะ ก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายร้ายแรง แม้กระทั่งไปหาหมอ ๆ ยังให้เพียงน้ำเกลือเพื่อรักษาอาการท้องร่วง หรือท้องเสียอย่างเดียว ในที่สุุดท่านก็จากไป ผมมองว่า ท่านสร้างกรรมดีมาตลอด แม้กรรมเก่าจะร้ายแรง แต่คาดว่าท่านได้ชดเชยกรรมเก่าด้วยกรรมดีไปหมดสิ้นแล้ว เห็นได้จากการที่คุณพ่อมิได้สร้างปัญหาให้ต้องมีใครมาดูแลพยาบาลท่าน เหมือนคนป่วยด้วยโรคมะเร็ง อัมพาต อัมพฤกษ์ หรือโรคบางอย่างที่ทรมานทั้งคนป่วย และคนรักษาพยาบาลเป็นเวลานานนับสิบปีก็มี.....ผมคิดว่าท่านไปดี สู่สุคติ และน่าจะสิ้นสุดการเกิด ดับ ..แล้ว ขอกุศลของคุณพ่อจงคุ้มครองคุณและครอบครัว

ขอบคุณผู้ใช้นาม  Naipond  มากครับที่แสดงความคิดเห็นและให้คติเตือนใจได้อย่างลึกซึ้ง ขอบคุณมากครับ

ด้วยจิตคารวะครับ

สวัสดีค่ะ

เป็นความทรงจำที่แสนเศร้าและเจ็บปวดมากค่ะ...

ท่านจากไปตั้งแต่อายุน้อย... ครูจุ๋มแสดงความคิดเห็นไม่ออก..

ขื่นเขียนต่อไป ต้องร้องไห้ ขี้มูกโป่งแน่ๆ... ขายหน้าค่ะ.. 

ขอแสดงความเสียใจจากใจจริง.. ป่านนี้ท่านคงไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้วนะคะ

ด้วยความระลึกถึงค่ะ..

  

สวัสดีค่ะ คุณต้อย

คุณพ่อท่านเสียอายุ 53 ปี ถือว่าอายุยังไม่มาก น่ะค่ะ

คุณแม่คุณต้อยเก่งค่ะเลี้ยงลูกเอง ลูกตั้งหลายคน

มาให้กำลังใจค่ะ

ขอบคุณครูใจดี  Ico32    และครูยุ Ico32

ที่มาให้กำลังใจเป็นประจำครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท