ครั้งแรก กับ "Car Free Day 2010" ตอนที่ 2


มีคนบอกตอนที่ไปปั่นร่วมกับขบวนของคุณอลัน เบท บอกว่าให้เราไปหัดเปลี่ยนเกียร์ให้คล่องก่อน จะได้ไม่เหนื่อยมากเวลาปั่น

ครั้งแรก กับ "Car Free Day 2010" ตอนที่ 1

หลังจากพักผ่อนตามอัธยาศัย กินน้ำ กินท่า นั่งพักกายากันเรียบร้อย ก็เริ่มทยอยขี่จักรยานคู่ชีพ ออกจากลานคนเมืองมุ่งหน้าสู่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านหลักเมือง  เลี้ยวซ้ายเข้าผ่านดิโอสยาม ผ่านพาหุรัด ผ่านคลองถม ผ่านเยาวราช วงเวียน 22 หัวลำโพง มาบุญครอง เข้าสู่ ถ.เพชรบุรี ผ่านแยกยมราช แยกหลานหลวง ผ่านฟ้าและเข้าสู่ลานคนเมืองอีกครั้ง (ไม่รู้ว่าจะต้องปั่นไกลขนาดนี้ค่ะ) เหนื่อยมาก ๆ ดูได้จากภาพ อยากจะทอดใจแล้วล่ะ แต่เห็นเด็กตัวเล็กยังทำได้ ก็เลยฮึดสู้จนถึงที่หมายอย่างเมามัน แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีอุบัติเกิดขึ้นบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมาย แต่ที่เห็น ๆ คาตาก็คือว่า ช่วงวงเวียน 22 มีมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาใกล้กลุ่มจักรยาน และมอเตอร์ไซค์ก็หยุดเพื่อให้ขบวนจักรยานผ่านไป แต่มีจักรยานคันหนึ่งสงสัยมองไม่เห็นขับไปชนท้ายมอเตอร์ไซค์เฉยเลย แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บมากนัก เพียงตกใจเล็กน้อยมั้งค่ะ อันนี้เท่าที่เห็นค่ะ แต่ก็มีเห็นร่องรอยกันบ้างเลือดตกยางออกก็มี เพราะมีหลักฐานโชว์ไว้ที่ขาด เห็นแผลใหญ่เหมือนกันนะ แต่เค้าก็ใจสู้ปั่นต่อจนถึงลานคนเมืองกันกับคันอื่น ๆ ค่ะ

พอกลับมาถึงลานคนเมืองอีกครั้งหลังจากปั่นในระยะทางก็เป็น 30 กว่า กิโลเมตรน่าจะได้ค่ะ หลังจากหาที่จอดรถได้เรียบร้อยแล้วก็เริ่มหาน้ำ และเดินแวะชม แวะซื้อได้ที่ล็อคจักรยาน มูลค่า 100 บาท มา1 อันค่ะ  สิ่งของที่ขายในงานก็เกี่ยวกับจักรยาน ทั้งเสื้อ กางเกง หมวก ถุงมือ เห็นป้ายบอกว่าลดราคาพิเศษ แต่ถามคนที่ไปด้วยก็บอกว่าราคามันก็ปกตินี้ ไม่เห็นลดอะไรเลย และมีจักรยานมาจำหน่ายในงานด้วยค่ะ ราคาก็ถือว่ายังแพงอยู่เหมือนกัน และก็ปั่นกลับมายังกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นจุดเริ่มเต้นตั้งแต่แรก เพราะเราจอดรถยนต์ไว้ที่นั่น

สิ่งที่ได้จากการร่วมปั่นครั้งนี้ นอกจากเสื้อ นม ยาสีฟัน มิตรภาพ ความประทับใจ ประสบการณ์ที่ดี สิ่งสำคัญสุดท้ายต้องขอบคุณ “คุณเอกรินทร์” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้ ที่ทำให้เรามีกำลังใจที่จะปั่น เพราะจะคอยดูแลความพร้อมของอุปกรณ์ว่าพร้อมใช้งานไหม ตลอดเส้นทางก็จะคอยดูแลและให้กำลังใจตลอด อยู่ถึงแม้บางครั้งเค้าจะปั่นหนีเราไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งกันค่ะ และคอยแนะนำตลอดว่าจังหวะนี้ควรใช้เกียร์หน้า – หลัง อย่างไร ถึงจะสัมพันธ์กัน สิ่งที่ตัวเองทำไม่ค่อยถูกก็คือการเปลี่ยนเกียร์นี่แหละ ก็ยังงง ๆ บางครั้งกะว่าจะลดเกียร์ต่ำ ดันไปเพิ่มเป็นเกียร์สูง ประมาณนี้แหละค่ะ (มีคนบอกตอนที่ไปปั่นร่วมกับขบวนของคุณอลัน เบท บอกว่าให้เราไปหัดเปลี่ยนเกียร์ให้คล่องก่อน จะได้ไม่เหนื่อยมากเวลาปั่น) แต่ก็ถือว่าดีขึ้นนะ สำหรับการครั้งแรกที่ปั่นระยะทางที่ไกลแบบนี้) พอใกล้ถึงจุดหมายเค้าชมว่า “ปั่นได้ดีแล้ว” เราก็เลยบอกไปว่า “ปีหน้าพามาอีกนะ” สิ่งที่เราเรียนรู้นั้นมันมาจากการปฏิบัติจริง ๆ เพราะถ้าเค้าเอาแต่บอก ๆ แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำจริง ๆ ก็จะไม่รู้เลย และอีกอย่างที่สำคัญมาก ๆ คือ เราไม่รู้ว่าขบวนรถที่เราปั่นนั้นทำให้การจราจรติดขัดแค่ไหนนะซิค่ะ อันนี้ไม่รู้จริง   แต่ถ้ามีการจัดครั้งถัดไปอยากให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของขบวนจักรยานนิดหนึ่ง เพราะค่อนข้างจะเสี่ยงเหมือนกันสำหรับบนท้องถนนหนทางใน กทม. ที่ไม่มีช่องทางเดินเฉพาะรถจักรยานค่ะ เพราะบางครั้งปั่น ๆ ก็มี สามล้อมาจากไหนไม่รู้เข้ามาแทรกในขบวนเฉยเลยอันนี้ก็ฝากไว้ค่ะ สำหรับทีมผู้จัดค่ะ ขอบคุณทีมผู้จัดด้วยค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะค่ะ

  

หมายเลขบันทึก: 401269เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2010 19:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท