พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ หนักถึง 5.5 ตัน เฉพาะมูลค่าทองคำตามที่บันทึกในกินเนสบุ๊คนั้น อยู่ที่ประมาณ 28.5 ล้านปอนด์ เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญของวัดมหาธาตุ สุโขทัย ดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า "วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งพิจารณาทั้งตามหลักฐานอื่นและเหตุผลประกอบแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้ น่าจะเป็น พระพุทธรูปทอง องค์ดังกล่าว เพราะปริมาณทองคำแท้นี้ รวมถึงขนาดพระพุทธรูปนี้ ย่อมเกินกว่าที่สามัญชนทั่วไปพึงสร้างเป็นสมบัติส่วนตัว แต่อย่างไรก็ดี ต่อมาพระพุทธรูปองค์นี้ได้ถูกพอกปูนลงรักปิดทองทั่วทั้งองค์ เพื่อเป็นการอารักขาภัย แต่ไม่ทราบว่าตกไปอยู่ในสถานที่ใดบ้าง ทราบแต่เพียงว่าล่าสุด ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระยาไกร (วัดโชตนาราม) แต่ต่อมา วัดพระยาไกร กลายเป็นวัดร้าง ไม่มีผู้ดูแล ประกอบกับ บริษัท อีสต์เอเชียติก จำกัด ประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของวัดเพื่อดำเนินกิจการของบริษัท ที่ประชุมคณะสงฆ์จึงให้วัดไตรมิตรวิทยาราม และวัดไผ่เงินโชตนาราม ไปอัญเชิญพระพุทธรูปสององค์ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดพระยาไกรนั้น ไปประดิษฐานไว้ตามสมควร ทางคณะของวัดไผ่เงินฯได้เดินทางไปถึงก่อน จึงเลือกอัญเชิญพระพุทธรูปสำริดไป เหลือพระพุทธรูปปูนปั้นไว้ให้วัดไตรมิตร
ในขั้นแรกเมื่อถึงวัดไตรมิตร ก็ได้แต่เพียงปลูกเพิงสังกะสีธรรมดา เพื่อบังแดดบังฝน ไว้ริมถนนด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถ เป็นเวลาถึง 20 ปี ด้วยยังหาที่จะประดิษฐานอันเหมาะสมมิได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 จึงทำการสร้างวิหารใหม่ ด้วยตั้งใจจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้โดยเฉพาะ เพื่อจะได้ทำการประดิษฐานพระพุทธรูป ให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี (คือวิหารองค์ปัจจุบัน) แต่ในขณะเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป เนื่องจากพระพุทธรูปมีน้ำหนักมาก สายเครื่องกว้านจึงขาดลง ทำให้พระพุทธรูปตกกระแทกพื้น ส่งผลให้ปูนที่หุ้มบริเวณพระอุระกระเทาะออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ท่านเจ้าอาวาสจึงให้ลอกปูนออกทั้งองค์ แล้วนำขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิหารนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
"เมื่อถึงจุดยกองค์พระลงจากพระวิหาร ใช้รถเครนขนาด 100 ตันยกองค์ท่านวางบนรางเหล็กที่เตรียมไว้ เคลื่อนองค์ท่านถึงข้างพระมหามณฑปด้านทิศเหนือ ใช้รถเครนขนาด 200 ตันยกองค์พระขึ้นวางบนรางเหล็กบนพระมหามณฑป จากนั้นเคลื่อนองค์พระประดิษฐาน ณ ฐานชุกชี เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ โดยขั้นตอนการเคลื่อนย้ายข้างต้น ตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนถึงการยกองค์หลวงพ่อทองคำขึ้นประดิษฐานบนพระมหามณฑป ใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้นประมาณ 2 เดือน"
การเคลื่อนย้ายพระพุทธมหาปฏิมาองค์นี้นับเป็นครั้งที่ 4 โดยที่ทั้งสามครั้งที่ผ่านมาเป็นการเคลื่อนย้ายโดยอุบัติเหตุ ครั้งนี้จะเป็นการถวายพระเกียรติยิ่งใหญ่ สมบูรณ์ด้วยพุทธศาสนประเพณีและโบราณประเพณี ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเดินทางครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อความสมานฉันท์และเจริญรุ่งเรืองแก่ชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีน ตลอดจนการเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา อันจะตราไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติตลอดไป
ปัจจุบันการจัดสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ได้ดำเนินการในส่วนของงานโครงสร้างพระมหามณฑปเสร็จเรียบร้อยแล้ว งานสถาปัตยกรรมดำเนินการไปแล้วกว่า 70 เปอร์ เซ็นต์ เมื่อวันอังคารที่ 9 ก.ย.2551 คณะกรรมการโครงการจัดสร้างพระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม ได้จัดพิธีสำคัญประกอบด้วย พิธีบวงสรวงการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อทองคำ, พิธีอัญเชิญยอดฉัตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงปิดทองแล้ว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2551 ขึ้นประดิษฐานบนยอดพระมหามณฑป
หลังจากนั้นได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาประกันการเคลื่อนย้ายองค์พระพุทธ มหาสุวรรณปฏิมากร ทุนประกันมูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการการันตีความปลอดภัยในการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ ตามแผนการดำเนินงานการจัดสร้างพระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ก่อนวันที่ 5 ธ.ค.2551
เมื่อการก่อสร้างพระมหามณฑปแล้วเสร็จจะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร เป็นพุทธสถาปัตยกรรมแห่งใหม่ที่เชิดชูเกียรติยศของวงการพระพุทธศาสนา ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งามสง่า มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม ดึงดูดศรัทธาของผู้คนจากทั่วโลก
เป็นศูนย์รวมใจของชุมชนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์และชาวพุทธทั้งปวงสืบไป
ไม่มีความเห็น