สมัยผมทำปริญญาเอก สิ่งที่ผมรู้สึกประสาทนิดๆ (น่าจะไม่นิดนะ) คือการทำ Reflection... ผมเองต้องมานั้งทบทวนการทำงานของผมว่าอะไร work ไม่ work...ผมทำ Reflection ด้วยการใช้ Model ของ Kolb's Expereintial Learning ครับ...เริ่มตั้งแต่ หาเหตุการณ์ในเดือนที่ผ่านมาที่ดีที่น่าสนใจ เป็นจุดเปลี่ยน (Concrete Event) จากนั้นก็บอกไปว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร อาจถามเพื่อนว่าเคยเจอแบบนี้ไหม ดูทฤษฎี งานที่ทำมาแล้วว่ามันเป็นอย่างไร (Reflection) ต่อมาก็อธิบายด้วยทฤษฎี (Concenptualization) อันนี้สาหัสเพิ่มไปอีก เพราะต้องไปทำ Literature Review ครับ...แล้วหาทางนำเอาสิ่งที่ค้นพบมาทดลองแก้ไขวงจรการทำ Action Research ของผมในวงจรต่อไป (Experimentation)..
......
เวลาทำ Reflection นี่เราทำกับทุกอย่างที่เป็นการทำ Action Research ตั้งแต่การประเมิน การวางแผน ตัว Intervention เอง การวัดผล...ทำซ้อน (เรียกว่า Double Loop learning)
.....
ผมใช้ Appreciative Inquiry, Appreciative Coaching และ KM เป็นตัว Intervention ก็ต้องทำ Refelction กับเครื่องมือเหล่านี้
....
ถ้าใครไม่เคยทำจะไม่รู้ว่าการต้องทำ Reflection เป็นรายงานส่ง Professor เป็นภาษาอังกฤษ แบบนี้สาหัสมาก ขนาดผมเองไม่มีปัญหาเรื่องการเขียน..ผมบอกท่านว่าวงจร Action Research ของผมประมาณ 1 เดือน...ครับแต่ละเดือนต้องใช้เวลากว่า 10วันนั่งคิด นั่งเขียนนั่งค้นคว้าทฤษฎีเพื่อมาอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ... แถมท่านแก้ ยิงคำถามกลับ ข้อเสนอแนะ ก็นำมาเป็น Feedback ในวงจรต่อไปด้วย..ที่สุดของความสาหัส
.....
หือ...ทำไมมันน่าเสียเวลาจังเลย...น่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า....
.....
แล้วสักพักความกดดันนี่ก็เริ่มหาย กลายเป็นความตื่นเต้น...ค้นพบครับว่า...ไอ้เวลาที่เสียไป 10 วันกลับทำให้เราได้หยุดคิด...แล้วเราก็ได้ทบทวน ไปอ่านทฤษฎี...แล้วเราก็สามารถปรับกระบวนการทำงานเราได้ใหม่...งานเรากลับดี และไปเร็วกว่าเดิม...
.....
นี่คือการค้นพบที่สำคัญครับ...
1.Action Research ของผมกลายเป็นแบบ Appreciative Inquiry...เพราะในสังคมเรา ถามว่าปัญหาคืออะไร คนไม่ตอบ ต้องจับถูก แล้วถามว่าสำเร็จมาได้อย่างไร..แค่ Reflection ตัวนี้ตัวเดี๋ยวก็พางานผมไปไกลแล้วครับ ผมผสม AI ไปกับ Action Research แบบเต็มตัว...
2. พบว่าต้อง feedback ลูกศิษย์ให้เร็ว ตอบจดหมายเร็วงานจะดีขึ้น...อันนี้ใช้มาถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้บางคนมาทำ AI Project กับผม เพราะผมตอบคำถามเขาเร็วมาก ติดต่อกลับเร็วมากๆ บางคนเจออย่างนี้แต่แรก เลยทำ AI ไปเลยก็มีครับ...
และอีกมากมาย (ดูการค้นพบของผมที่ Blog: Appreciative Inquiry 4D Sample
.......................................
..พูดง่ายๆ ช่วงเวลาที่ผม "หยุด" คิด กลับเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ค้นพบอะไรดีๆ แล้วทำให้งานของผมก้าวกระโดดครับ...หลายเรื่องทำให้การทำ AI ของกลุ่ม AI Thailand จะไม่เหมือนที่อื่นครับ....
.....
พูดอีกมุมคือ การทำ Reflection นี้คือการพัฒนา Innovation ด้าน OD นั่นเองครับ..ล่าสุดผมไปสอนหนังสือ ผมตั้งชื่อการสอนเรื่อง Reflection ของผมว่า Reflection: OD's Rocket Science ผมมองว่า Reflection คือสุดยอดศาสตร์ของ OD เลยครับ...
......
วันนี้คุณได้ "หยุด" คิด หรือยัง
ใช่เลยท่านอาจารย์ เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Blog ท่านอาจารย์เมื่อเช้า ทำให้จำเรื่องนี้เอามาเขียนต่อได้เลยครับ ขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับการจุดประกายครับ
ขอบคุณอาจารย์มากครับ ดีใจที่ได้ต่อยอดความรู้กัน
Reflection นี่เป็นเรื่องใหญ่มากๆนะครับ..ผมจะพยายามต่อยอดพัฒนา สอนนักศึกษาไปเรื่อยๆ