อ.ผัก
อาจารย์ พท. ศุภฤกษ์ ภมรรัตนปัญญา

บารมีเเห่งองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม


อภินิหารเเห่งองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม

บารมีเเห่งองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม

                                    

อภินิหารแห่งองค์พระธาตุพนม

 

 พระธาตุพนม ได้แสดงอภินิหารให้ปรากฏมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน  ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ อยู่เหนือเหตุผลและคำอธิบาย เฉพาะที่พระธรรมราชานุวัตร และ ดร. พระมหาสม สุมโน และผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่ประจักษ์พยานคนอื่น ๆ  ได้จดบันทึกไว้มีตามลำดับดังนี้
       พ.ศ. ๒๔… พระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ เจ้าเมือง  สั่งให้นำมโหระทึกของพระธาตุไปไว้ที่เมืองนครพนม   คณะคนงานหามไปถึงประตูน้ำ ถนนอิฐที่หนึ่งก็มีเสียงดังตึงตังในท้องมะโหระทึก  คล้ายมีสัตว์ประหลาดใหญ่เท่าคนวิ่งออกมา  แล้วกระโจนลงในบึงน้ำทางใต้ วิ่งไปบนน้ำเหมือนกับเหยี่ยวตัวใหญ่ น้ำแตกกระจายเป็นระลอกมีเสียงดงเหมือนควายวิ่ง
       พ.ศ. ๒๔๕๐ เดือนหกฝนตกเกิดฟ้าผ่าหอโฮงพระพนมนครานุรักษ์ เจ้าเมืองเนื่องจากทุจริตนำเงินที่พระครูวิโรจน์ฯ  รวบรวมไว้บูรณะองค์พระธาตุพนม ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว  ไฟไหมจวนที่พัก หอนั่งว่าราชการและสิ่งของต่าง ๆแม้เก็บไว้ในทุ่งนาก็มีลำแสงไปสีเขียวตามไปไหม้จนหมดสิ้น  เรือของพ่อค้า ๒ ลำ  ซึ่งเจ้าเมืองทุจริตให้พ่อค้ายืมไปซื้อก็ล่มลงในลำน้ำโขงคราวเดียวกัน
        พ.ศ. ๒๔๙๗ ในงานประจำปีวันเพ็ญเดือน ๓ ของปีนั้นมีพิธียกฉัตรองค์พระธาตุพนมเป็นงานรัฐพิธีได้นิมนต์เจ้าคณะจังหวัด ๑๕ จังหวัดมาร่วมพิธี มีหลวงสวัสดิ์สรยุทธ ร.ม.ต. ช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานฝ่ายรัฐบาล และพระพิมลธรรม ส.ม.ต. องค์การปกครองเป็นประธานฝ่ายสงฆ์  มีงานฉลองสมโภชน์ ๗ วัน ๗ คืน วันสุดท้ายของงานมีแสงประหลาดลำยาวเกือบวา พุ่งปราดมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ  กองทหารรักษาความสงบเตรียมพร้อม  เข้าใจว่าข้าศึกยิงมาจากฝั่งลาว แสงนั้นพุ่งตรงเข้ามากลางบึงหน้าวัดก็เลี้ยวไปทางใต้ผ่านหน้าวัดต่ำมาก  ผู้คนแตกตื่นโจษขานกันมาก
        พ.ศ. ๒๕๐๐ เดือน ๑๑ ขึ้น ๕ ค่ำ เวลา ๐๒.๐๐ น.  มีฝนตก นายไกฮวด ชาวตลาดอำเภอธาตุพนมมารองน้ำฝนที่หน้าบ้าน  เห็นแสงประหลาดโตเท่าลำตาลมีสีต่าง ๆ  มาจากทางทิศเหนือถึงพระธาตุพนมแล้วหายไป ต่อมาเมื่อมีการนั่งทางในตรวจสอบ ( ผู้จัดทำเข้าใจว่าเป็นการนั่งร่างทรง )  จึงทราบว่าเป็นพญานาคทั้ง ๗  มาจากสระอโนดาดในเทือกเขาหิมาลัย เพื่อมารักษาองค์พระธาตุ
       วันที่ ๑๗ - ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๘ วันพบพระอุรังคธาตุ   ลมได้เปลี่ยนทิศทาง พัดมาจากทางทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก   ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆบาง ๆ ฝนโปรยมาเล็กน้อย อากาศเย็นสบายเป็นอยู่เช่นนี้ ๗ วันก็หายไปอีกเรื่องหนึ่งที่น่าอัศจรรย์ คือ ในการตรวจค้นโบราณวัตถุหลังพระธาตุพนมล้มขณะพบผอบใบหนึ่งซึ่งทำด้วยสำริด ข้างในบรรจุพระอรหันต์ธาตุ ๒ องค์ 
เมื่อเปิดผอบกลิ่นหอมเย็น ๆ  คล้ายกลิ่นน้ำมันจันทร์ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณในรัศมี ๑๐  เมตร  สิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกประการหนึ่งก็คือ ในวันพระธาตุล้ม เจดีย์ ศิลา สิ่งของมีค่าต่าง ๆ รวมทั้งบุษบกมิได้กระจัดกระจายกระเด็นออกมาจากถาดสำริด  อันเป็นที่รองรับถาดสำริดเองก็ร่วงหล่นลงมาในลักษณะเกือบคว่ำ แต่ไม่คว่ำยังคงหงาย รองรับเจดีย์ศิลา และบุษบกที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่เช่นเดิม นอกจากนั้นวัตถุมงคลที่แคล้วคลาดจากการหักพังขององค์พระธาตุพนมคือ พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระประธานหอพระแก้ว ซึ่งยังตั้งโดดเด่นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งอภินิหาร  ขององค์พระธาตุพนมนี้ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช  ได้กล่าวในงานนิทรรศการพระธาตุพนมที่หอสมุดแห่งชาติ  เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๘ ว่า  “พระธาตุพนมแสดงอิทธิฤทธิ์อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง คือ ท่านเปิดเผยให้เห็นถึงพระบรมสารีริกธาตุที่ปกปิดอยู่ภายในนับพันปีและการพบพระบรมสารีริกธาตุครั้งนี้ก็พบในรัชกาลที่ ๙ ฉะนั้นจึงถือว่าเป็นมงคลนิมิตอันดีของประเทศชาติบ้านเมืองของเรา
           เมื่อวันที่ ๒๒ - ๒๓   มีนาคม   ๒๕๒๒     ในพิธียกฉัตรและบรรจุพระอุรังคธาตุได้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นอภินิหารขององค์พระธาตุพนม คือ ในวันที่ ๒๒ มีนาคม ขณะที่พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ( วาส วาสโน ) เป็นประธานยกฉัตร โดยมีนายสมภพ โหตระกิตย์เป็นผู้กล่าวรายงาน  มีเมฆก้อนหนึ่งมีรูปสัณฐานคล้ายองค์พระธาตุพนม   ลอยมาทางทิศเหนือบดบังดวงอาทิตย์ไว้ทำให้พื้นที่บริเวณงานไม่มีแสงแดด พอองค์ฉัตรขึ้นไปประดิษฐานบนยอดเจดีย์เรียบร้อยแล้ว  เมฆก้อนนั้นก็ไหลผ่านดวงอาทิตย์ไป และในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๒ เวลา ๑๔.๑๙ น. ขณะที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระบรมราชินีนาถพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ กระทำพิธีบรรจุอุรังคธาตุอยู่นั้น ทันใดท้องฟ้าที่โปร่ง  มีแสงแดดแผดจ้าและอากาศร้อนอบอ้าว  ก็พลันเปลี่ยนมีเมฆมาปกคลุมบาง ๆ มีลมโชยมาเบา ๆ อากาศเย็นสบายตลอดจนพิธีเสร็จสิ้น
              บุญญาบารมีแห่งองค์พระธาตุพนม มีมากมายไม่อาจที่จะเล่าให้หมดได้  อภินิหารเฉพาะที่เป็นดวงแก้วประหลาดลอยเข้าสู่พระธาตุก็ดีหรือกรณีมีเมฆหมอกบดบังแสงอาทิตย์ขณะทมีพิธีสำคัญ ๆ ก็ดี มีปรากฏให้เห็นเป็นประจำทุกครั้งที่มีพิธีการดังเช่น เมื่อเวลา ๐๑.๐๐ น. ของวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๗ ปรากฏมีดวงแก้วประหลาดรัศมีเหมือนดวงจันทร์ ประมาณ ๓๐ ดวง  มีดวงโต ๑ ดวง ขนาดเท่าผลมะตูมมนนำหน้าขบวน  ลอยมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือขององค์พระธาตุพนมในระดับเสมอยอดพระธาตุ  เมื่อลอยมาถึงยอดพระธาตุแล้วก็ลอยค้างอยู่ระยะหนึ่ง  ดวงโตที่นำขบวนก็ดับลง ดวงอื่น ๆ ก็ดับลงพร้อมกัน ปรากฏการณ์ดังกล่าวราษฎรหมู่ที่ ๗ ตำบลธาตุพนมเห็นกันเป็นจำนวนมากในระหว่างที่ข้าพเจ้าผู้เขียนดำรงตำแหน่งนายอำเภอธาตุพนม ก็ได้พบอภินิหารแห่งองค์พระธาตุพนมด้วยตนเองหลายครั้ง ครั้งแรกในพิธีรำบูชาองค์พระธาตุพนม ในวันที่ ๑๕ ตุลาคม วันสุดท้ายของประเพณีไหลเรือไฟประจำปี ๒๕๓๒ 
ในพิธีมีนายมังกร กองสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ขณะทำพิธีได้ปรากฏเมฆฝนหนาทึบลอยมาจากทศตะวันออกบดบังแสงอาทิตย์ไปทั่ว  ข้าพเจ้านึกในใจว่าฝนจะต้องตกในระหว่างพิธีร้อยเปอร์เซนต์ เพราะมรสุมกำลังพัดผ่านจังหวัดนครพนมพอดี แต่ฝนก็ไม่ตกเพียงแต่บดบังแสงอาทิตย์ไว้จนพิธีเสร็จสิ้นและเหตุการณ์เช่นเดียวกัน แบบเดียวกันกับปี ๒๕๓๒ ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่ ๒ ในพิธีรำบูชาองค์พระธาตุพนมในเทศกาลไหลเรือไฟ ๒๕๓๓ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด พ.ต. ปรีดา นิสสัยเจริญ เป็นประธานในพิธี ในปีนี้พิธีได้มีขึ้นท่ามกลางลมมรสุมพัดผ่านเช่นเดียวกัน และมีเมฆฝนหนาทึบมาบดบังตลอดงานเช่นเดียวกัน เมื่อพิธีเสร็จประมาณ ๑๒.๓๐ น. จึงมีแสงแดดแผดจ้า อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวและตอนเย็นก็มีฝนตก
              ความเชื่อความศรัทธาของสามัญชนที่มีต่อองค์พระธาตุพนม ประการหนึ่งคือ การขอบุตรจากองค์พระธาตุพนม   ผู้ที่ไม่มีบุตรมาก่อนและต้องการมีบุตรสืบตระกูล   ผู้ที่มีบุตรสาวแต่ไม่มีบุตรชายหรือมีบุตรชายแต่ไม่มีบุตรสาวก็ดี  บุคคลที่มีปัญหาเหล่านี้เพมื่อไปปรึกษาแพทย์แล้วทำตามคำแนะนำของแพทย์ก็แล้ว  ก็ยังไม่มีบุตรเช่นนี้ สุดท้ายก็มักจะไปขอบุตรจากองค์พระธาตุพนม ซึ่งมีผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับผู้เขียนหลายรายดังเช่น คุณเกียรติศักดิ์ ตุงคะมณี นายอำเภอ หรือคุณเกษมศักดิ์  แสนโภชน์ ปลัดจังหวัดขอนแก่น  ก็ได้ไปกราบบนบานขอลูกจากองค์พระธาตุพนม และก็ได้บุตรชาย.
 
 โดย  
 ศุภฤกษ์  ภมรรัตนปัญญา
หมายเลขบันทึก: 404712เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2010 20:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2014 07:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่แบ่งปันนะคะ  ดิฉันก็ไปกราบขอพึ่งบารมีบ่อยเหมือนกันค่ะ

ชื่นชอบสถาปัตย์ รูปทรงพระธาตุเรณูนคร ที่วิจิตรอลังการ หากแต่อ่อนหวานแช่มช้อย .. ขอบคุณความรู้ใหม่ค่ะ

สวัสดีครับคุณมาตายี

         องค์พระธาตุเป็นที่พึงของชาวไทยมานานมากเเล้วครับ ถือว่า เป็นที่ยึดเหนียวจิตใขของชาวไทยเราก็ว่าได้ครับ 

สวัสดีครับคุณปุ

    ใช้เเล้วครับ สวยงามมาก  โดยเฉพาะยอกฉัตรขององค์พระธาตุ ทำจากทองคำแท้ ซึ่งสวยงามมากเลยครับ 

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท