อ.ผัก
อาจารย์ พท. ศุภฤกษ์ ภมรรัตนปัญญา

วัฒธรรมการกินสมองลิง : ค่านิยม หรือ การไร้มนุษยธรรม


วัฒธรรมการกินสมองลิง : ค่านิยม หรือ การไร้มนุษยธรรม

วัฒธรรมการกินสมองลิง : ค่านิยม หรือ การไร้มนุษยธรรม

 

ข้อมูลและรูปประกอบโดย “โอวหยางอันยี่”   แปลโดย  LittleCat

จากภาพยนต์โทรทัศน์ทางประเทศจีน เคยมีฉากที่แสดงถึงการกลืนกินสมองลิงเป็นๆ
อย่างน่าอนาจ  ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รายการโทรทัศน์ แต่คนที่ได้เห็นก็ยังคงไม่อาจลืมเลือน
ภาพเหล่านั้นไปได้  การกินสมองลิงเป็นๆ มีการลือชื่ออย่างสมจริงมากมายในประเทศจีน
แต่น้อยคนนักที่จะมีความเข้าใจที่แท้จริง

ในสถานที่ที่ได้ชื่อว่า “เมืองแห่งซาฟารี” เช่น หยุนหนัน  ไปชมกันจะๆ
กับฉากนองเลือดในร้านอาหารที่ไร้จรรยาบรรณ  ใช้คมมีดกรีดหัวลิงแสมทั้งเป็น 
แล้วเอาสมองลิงออกมา  ที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม  แต่ว่า ตามที่ได้รับรู้มา 
ที่ไต้หวันได้มีการเปิดให้ล่าสัตว์ได้  การหลามฆ่าสัตว์จึงนับวันยิ่งวิกฤต 
สัตว์ป่าในไต้หวันกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ

ณ เมืองจงเตี้ยน ที่อยู่เขตชายแดนระหว่างหยุนหนันและซีจั้ง ที่แชงเกอลีร่า 
เป็นเพราะนิยายลือชื่อของประเทศอังกฤษเรื่อง “คัคนานต์ที่หายไป” 
ถูกบรรยายว่าเป็นประเทศจีนเขตตะวันตกเฉียงใต้ต่างเมือง 
เป็นสถานที่แห่งดนตรีแจ๊ซที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมปรีดา สงบ อมตะ และความลึกลับ 
และก็เลื่องชื่อด้วยเหตุนี้  ในปีหลังๆ นี้การปฏิวัติของประเทศจีนถูกเปิดตัว 
และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งโลกที่ได้รับความนิยมอีกด้วย

นักกินนำทาง  สัตว์มีค่ายกขึ้นโต๊ะ

หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามา  จากเดิมที่มีเสน่ห์ของเมืองชายแดน 
บัดนี้มีตึกสูงสี่ชั้นตั้งตระหง่าน  แต่ว่า นอกจากทิวทัศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยียน
“เมืองแห่งซาฟารี” ที่มณฑลหยุนหนันแล้ว  แชงเกอลีร่าก็เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าต่างๆ

นอกจากนี้แล้ว  ในสายตาของผู้ที่ชอบกินอาหารโอชะ เช่น ลิงแสม ตัวกินมด งูเหลือม
และยังเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของจงเตี้ยนอีกด้วย  นักท่องเที่ยวหลายๆ คน  ที่มาหยุนหนัน 
ไม่ใช่เพราะทิวทัศอันสวยงาม  แต่เป็นเพราะอาหารสัตว์ป่าพิสดาร
ที่สามารถสนองความต้องการทางการบริโภคได้

บนเที่ยวบินที่บินตรงจากคุนหมิงไปแชงเกอลีร่า  นักข่าวได้พบกับชายคนหนึ่ง แซ่จาง 
ที่มาจากกวางเจา และมุ่งหน้าไปหยุนหนันเพื่อที่จะลิ้มรสอาหารสัตว์ป่าให้สมอยาก 
พวกเขาแสร้งทำเป็นว่า มาเพื่อชิมรสชาติอาหารเช่นกัน  เขาคุยกับเราเสมือนได้พบคนรู้ใจว่า :
 “ก่อนที่ซารซ์จะระบาด  อยู่ที่ร้านอาหารที่กวางเจาก็สามารถหากินอาหารเหล่านี้ได้ 
แต่หลังจากซารซ์แล้ว  ตลาดสัตว์ป่าในกวางเจาทั้งเมืองก็ถูกกวาดล้าง 
หากว่าอยากจะกินอาหารสัตว์ป่า  นอกจากจะต้องสั่งซื้อ ราคาก็แพง  สัตว์ป่าจะถูกฉีดยาชา
เพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง  เนื้อมันก็จะแก่  อย่างนี้แล้ว ลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบิน 
บินตรงไปยังแหล่งผลิตกินให้หนำใจดีกว่า”

ในตลาดสัตว์ป่า  ลิงที่อยู่ในกรงทั้งหลาย  รอการเรียกค่าตัว 
เมื่อซื้อขายกันแล้ว  ราคามันสูงขึ้นกว่าแหล่งผลิตถึง 4 เท่า
 สมองลิงเป็นๆ  ราถาถึงหมื่น

นายจางเห็นนักข่าวมีท่าทีว่าอยากลิ้มรสด้วย จึงพูดด้วยความมั่นใจว่า :
“ดูพวกคุณก็ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ อย่างนี้แล้วกัน ! พวกคุณตามฉันไปเปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน”
ที่แท้ นายจางมาหยุนหนันครั้งนี้ มาเพื่อลิ้มรสสมองลิงเป็นๆ เกี่ยวกับเรื่องกินสมองลิงเป็นๆ
นั้นแต่ไหนแต่ไรก็ถูกกล่าวขานต่างๆ นาๆ แต่กลับไม่มีให้เห็นได้ง่ายๆ
ฉะนั้นนักข่าวจึงตัดสินใจที่จะตามเขาไปสืบความ

เมื่อออกจากสนามบิน  คนขับรถแท็กซี่แซ่หลิวได้มารอรับอยู่แล้ว  เห็นว่ามีคนแปลกหน้า 
นายหลิวก็คอยมองเราผ่านทางกระจกหลังอยู่ตลอดเวลา  นายจางพูดเบาๆ ว่า :
 “หลายปีมานี้ ท่ามกลางความกดดันของสมาคมอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตแห่งโลก 
เดี๋ยวนี้อยู่ที่หยุนหนัน  จะกินเนื้อสัตว์อนุรักษ์  ก็ไม่อาจทำได้ตามอำเภอใจอย่างแต่ก่อน 
แต่เปลี่ยนเป็นการค้าใต้ดิน”

หลังจากที่รับรองว่าพวกเราไม่ใช่ชาวอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตแล้ว  นายหลิวก็คลายความระแวง 
คุยกับนายจางอย่างเสียงดังว่า : “นายโชคดีมากเลย ! สองวันนี้อากาศออกจะร้อน 
ลิงนั้นต่างออกมาหาน้ำกินแก้กระหาย  แป๊บเดียวก็โดนกับดักของพวกเราจับได้” 
เขายังพูดอย่างต้องการเครดิตว่า : “สมองลิงนั้นต้องกินอย่างเป็นๆ 
เพราะฉะนั้นกว่าจะหามาได้นั้นไม่ง่ายเลย  เจ้านายฉันอุตส่าห์สั่งนายพราน 5 คน
ไปล่าถึงภูเขาเหมยหลี่สวีซันเชียวล่ะ”

พูดมาตั้งนมนา  นายหลิวเพียงแค่อยากจะยกราคาลิงเป็นๆ 
เขาเรียกราคาสูงถึง 2,800 เหรินหมินปี้ (ประมาณ 13,000 บาท)  
นั่นยังไม่รวมค่าเครื่องปรุงต่างๆ  แต่ว่า  ผู้ที่เข้าใจทุกอย่างอย่างนายจางตอบตกลงในทันที 
ยังกระซิบบอกพวกเราว่า : “นี่นับว่าถูกแล้ว ! ลิงตัวนี้หากว่าต้องค้นกันไปหลายภูเขา
ไปถึงกวางตุ้ง  ราคาจะสูงกว่านี้หลายเท่า  อยู่ที่กวางเจา 
ราคาโดนเรียกกันไปเป็นหมื่นเหริน หมินปี้เลยหละ”



บนเขียงนั้น คือลิงที่ยังไม่สิ้นใจ โดนชำระล้าง
ถลกหนัง รอยกขึ้นโต๊ะ




สมัยก่อนถ้าจะกินสมองลิง ต้องใช้น้ำมันเดือดๆ
ราดลงไป โรยเกลือซักหน่อย ก็ยกขึ้นโต๊ะได้

มีรัฐบาลเป็นที่ตั้ง  ตำรวจรัฐบาลไม่จับ

พูดถึงเจ้านายของเขา  นายหลิวพูดอย่างกระหยิ่มใจว่า : “เจ้านายฉันแซ่หลี่ 
บ้านคนอื่นเขาอย่างมากก็มีพุทธะเดินดินแค่องค์เดียว  แต่บ้านเขามีถึงสององค์ 
อยู่ที่นี่ได้รับการบูชานักหนา  ใครๆ ก็ฟังเขา  เพียงแค่มีปัญหา  พี่ชายเขาที่เป็นทั้ง
พุทธะเดินดินและเป็นนักการเมืองก็จะออกหน้าช่วยเหลือ

ภายใต้การนำทางของนายหลิว  พวกเราไปถึงร้านอาหารที่ดูธรรมดา 
การตกแต่งก็เรียบง่าย ชื่อว่า “เทียนเป่าจิ่วเตี้ยน”  ร้านอาหารร้านนี้ก็คือร้านของนายหลี่
ที่นายหลิวพูดถึง  ที่น่าแดกดันก็คือ  ข้างๆ ร้านที่ฆ่าลิงกินลิงนี้ 
เป็นสถานีตำรวจที่คอยจับผู้ร้ายลักลอบล่าสัตว์  นายหลี่ยังพูดอย่างเย้าหยอกว่า :
“สถานที่อันตรายที่สุด ก็คือที่ๆ ปลอดภัยที่สุด  ต้องอยู่ใต้เปลือกตาเขา 
เขาจึงจะไม่เห็น จึงจะไม่เป็นไร”

เมื่อเห็นนายจางที่ดูเหมือนเป็นคนมีความสามารถ  นายหลี่ก็บอกอย่างกันเองว่า :
“มาแล้วเหรอ ! ฉันเพิ่งจะต้อนรับผู้กองของหน่วยรักษาความสงบของปักกิ่ง 
ยังมีคนฮ่องกงวานให้ฉันช่วยหาตัวกินมดอีก”

จากนั้น  นายหลี่ก็นำเราเข้าไปด้านหลังครัวที่เหนียวเหนอะ  เขามองอย่างระมัดระวัง
 แน่ใจว่าไม่มีใครเดินตามมา  จึงเปิดห้องเก็บของอย่างลึกลับ  ภายในนั้นอึมครึม 
ยังพอมองเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ลางๆ  ถูกมัดติดกับท่อน้ำด้วยเชือกไนล่อน 
ขยับไม้กระดานข้างๆ อย่างไม่หยุด  เหมือนกับหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น 
เพียงแค่ยกไม้กระดานขึ้นมา  ก็สามารถพบทางกลับบ้านได้

นายหลี่อธิบายให้พวกเราฟังอย่างมีประสบการณ์ว่า : “ลิงแสมตัวนี้มีอายุแล้ว 
นิสัยสัตว์ป่าจึงหนักหน่อย  ครึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกเธอจะมาถึง  นายพรานเพิ่งจะจับมาได้ 
คุ้มครองส่งมาถึงที่นี่  นายพราน 5 คนนั้น ขับรถเร่งมาจากสวีซันตั้งแต่เช้าตรู่  มาถึงที่นี่
แม้แต่น้ำลายก็ยังไม่ได้กลืน  ก็ต้องรีบไปแล้ว”  นายหลี่ว่า 
เดือนที่แล้วก็มีนายพรานสองคนโดนจับ เนื่องจากล่าลิงโกล์เด้น  ถูกขัง 6 ปี 
เพราะฉะนั้นตอนนี้นายพรานทั้งหลายก็ระมัดระวังตัวกัน  จะได้ไม่เป็นการหาเหาใส่หัว



เสี่ยวอูแต่เดิมทำงานอยู่ที่กวางเจา
เขาฆ่าสัตว์อย่างเลือดเย็นมานับไม่ถ้วน




สมองลิงเพียงไม่กี่ช้อนสามารถตอบสนอง
ความอยากทางปากของคน  แต่ต้องชดเชยกันด้วยชีวิตลิง


กับดักลวงกล  ฆ่าอย่างเลือดเย็น

หลังจากนั้น  นายหลี่เจ้าของโรงอาหารก็แนะนะกุ๊กของร้านให้เราอย่างกระหยิ่มใจ :
“คนๆ นี้แซ่อู  แต่ก่อนคอยจัดการลิงอยู่ที่กวางเจาเป็นประจำ  เดี๋ยวนี้ทางนั้นจับกันหนักขึ้น 
ฉันจึงจ้างเขามาช่วยงานที่นี่เป็นพิเศษ  สัตว์ป่าอย่างเช่น ตัวกินมด จางจื่อ (กวางชนิดหนึ่ง) 
เขาก็จัดการได้สบาย”  นักข่าวแอบถามเสี่ยวอูเบาๆ ว่า  เคย ”จัดการ” ลิงมาแล้วกี่ราย 
เสี่ยวอูยิ้มอย่างแปลกๆ แล้วส่ายหน้าตอบกว่า : “เรื่องนี้บอกไม่ได้”

มองๆ ดูนาฬิกาข้อมือ  นายหลี่ใช้สายตาส่งซิกเสี่ยวอูที่รออยู่ช้านาน 
เสี่ยวอูจึงถือไม้กระบองด้ามยาวที่มีห่วงผูกอยู่  เดินเข้าไปห้องเก็บของมืดๆ นั่น 
คล้องคอลิงไว้  ลิงตัวน้อยอาจจะรู้ว่าถึงเวลาตายแล้ว  หันตัวกลับมาเกาะขากุ๊กซะแน่น 
พยายามปีนป่ายขึ้นที่สูง  เหมือนกับจะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อชีวิตตัวเอง
 อ้อนวอนให้เสี่ยวอูปล่อยชีวิตเขา  ยังส่งเสียงร้องเหมือนเด็กทารกเป็นระยะๆ
เพื่อขอความช่วยเหลือ  เพียงแต่เสี่ยวอูคุ้นเคยกับฉากนี้แล้ว  เขามองห่วงในมือด้วยสายตาเย็นชา 
ใช้กำลังที่ไม่ได้ออมเลยซักนิด  เหมือนกับเกรงว่า  เพียงเสี้ยวเดียวของการละสายตา 
ลิงตัวนั้นก็จะหนีออกจากมือเขาไป

เมื่อห่วงในคอลิงตัวน้อยค่อยๆ รัดแน่นขึ้น  กำลัง และความถี่ที่ลิงจะดิ้นรน 
ก็ค่อยๆ ลดตามลงไป  เมื่อเห็นว่าได้เวลาพอสมควร  พ่อครัวก็ปล่อยกระบองในมือ 
ทิ้งเจ้าลิงลงพื้นอย่างแรง  เขาหยิบกระบองสั้นขึ้นมาอีกอัน  คล้องไว้ที่คอของลิงก่อน 
แล้วใช้ขาเหยียบกระบองไว้อย่างหนัก  นายหลีที่อยู่ข้างๆ  ก็ไม่ได้อยู่เฉย 
ยังจะพูดใส่อย่างเติมน้ำมันลงบนไฟว่า : “เอาอีก ! เอาอีกที ! “   ลิงที่น่าสงสาร 
ถึงแม้จะได้รับการทารุณเช่นนี้  แต่ก็ยังไม่หมดลมหายใจ 
ถึงแม้มือทั้งสองข้างจะจับห่วงไว้แน่น  แต่ก็ไม่มีแรงกำลังเหลืออยู่แล้ว



พ่อครัวใช้ห่วงคล้องรัดคอลิงอย่างชำนาญ
แล้วก็ทุ่มตัวลิงลงบนพื้นห้องครัว




กลัวว่าลิงจะตื่นขึ้นมา พ่อครัวยังใช้กระบองดันลิงเอาไว้ แล้วเหยียบมัน 
นายหลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็คอยเตือนว่า : “เอาอีกครั้ง อีกซักครั้ง”


คมมีดลงหัวกระดก  น้ำมันเดือดกลืนเป็นๆ

คนที่ไม่ค่อยมีความอดทนอย่างเสี่ยวอู  ไม่รอให้ลิงสิ้นลมหายใจ 
ก็นำตัวลิงที่ยังสั่นเครืออยู่ขึ้นเตา  ใช้มีดปาดที่คอให้ขาด 
เมื่อเห็นว่าคมมีดไม่อาจตัดหัวลิงให้ขาดได้  เสี่ยวอูจึงดึงหัวลิงไว้ ให้ตัวห้อยลงมา   
ทั้งแกว่ง  ทั้งเขย่า  เพื่อให้เนื้อและกระดูกที่ยังติดกันอยู่หลุดจากกัน  ได้ยินแค่เสียงของตกลงพื้น 
ร่างกายของลิงก็ตกลงพื้นอย่างหนักหน่วง  เลือดไหลนองออกมาจากรอยแผล 
กระเซ็นจนทั้งพื้นเต็มไปด้วยเลือด  พวกเราได้เห็นก็ถึงกับขนลุกขนพอง  สมองว่างเปล่าไปหมด



ลิงน้อยที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ  ยังคงชักกระตุก
 ก็โดนพ่อครัวตัดหัวทั้งเป็น !




พ่อครัวใช้มือนึงกำหัวลิง อีกมือนึงหิ้วตัวลิง
ฉากอันน่าสยดสยองก็มีให้เห็นจนขนหัวลุก

หน้าตาและอารมณ์เสี่ยวอูไม่เปลี่ยนเลยซักนิด  เหมือนกับผู้ได้ชัยชนะ 
มือนึ่งกำหัวลิง อีกมือนึงหิ้วตัวลิง  หันกลับมาพูดกับนายจางว่า :
“เหมือนเดิม ใช้น้ำมันแดง กินดิบๆ ใช่มั้ย?”  หลังจากนั้น  เขาตักสมองลิง
ที่ยังกระตุกอยู่มาใส่ในชามอย่างชำนาญ  นายจางรับชามมา 
ใช้ช้อนแบ่งสมองออกเป็นสองชิ้น  เหมือนกับกินเต้าฮวยยังไงยังงั้น 
กลืนสมองลิงที่ยังอุ่นๆ ลงท้อง

นักข่าวเห็นนายจางกลืนสมองลิงลงไป  ถามว่ารสชาติเป็นยังไง 
นายจางได้แต่ตอบเบาๆ ว่า : “อันที่จริงไม่มีรสชาติอะไรเลย  หากจะบอกว่าอร่อย 
มันก็ไม่เชิง !”อีกด้านนึง  เสี่ยวอูโยนตัวลิงที่ไม่มีหัวไปข้างนึง  แล้วพูดว่า :
“เนื้อลิงมีรสชาติออกเปรี้ยว  ไม่ค่อยจะมีใครเอามากิน”  แต่เขาย้ำว่า :
 “ถึงแม้พวกเราไม่กินเนื้อลิง  แต่จะเอากระดูกมาโขลกละเอียดเป็นผง 
เห็นว่าเอามาดองเหล้ากิน  จะช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ  กระตุ้นทางชีพจร”

ณ ข้างๆ  ตลาดขายยาจีนกวางเจาที่ห่างออกไปประมาณพันลี้ 
นักข่าวเห็นมีการวางขายเขากวางอย่างเปิดเผย  ที่อยู่ข้างๆ กัน 
ก็มีกระโหลกที่โดนเจาะรูตรงกลาง  สมองถูกควักออกหมด  มันเป็นซากของลิงนั่นเอง 
เป็นโครงกระดูกของลิงโกล์เด้น  เรียกราคากันถึงสามพันเหรินหมินปี้



ณ ตลาดขายยาชิงผิงที่กวางเจา  ประชากรนำซากลิง
ที่ทำเป็นยาสมุนไพรได้มาวางขาย  รูใหญ่บนหัวกระโหลก
แสดงให้เห็นว่า ก่อนตายลิงตัวนั้นรับทุกข์ทรมานมากเพียงใจ



คนขายตบหน้าอกตัวเองบอกด้วยความมั่นใจว่า 
ที่อยู่ในมือตนนั้นคือโครงกระดูกลิงโกล์เด้น  ราคาสามพันเหรินหมินปี้

แม้แต่ลิงแสมไต้หวัน  ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือ

ที่จริงแล้ว  ไม่เพียงแค่ในประเทศจีน ที่นิยมอาหารที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้  เมื่อปีที่แล้ว 
เมื่อรัฐบาลเปิดให้ล่าสัตว์ได้ในสถานที่ละแวกหนึ่ง  มีประชากรพื้นดินที่ราบจำนวนไม่น้อย 
ติดท้ายรถของคนในละแวกนั้น  การล่าสัตว์อย่างหลามก็ยิ่งนับวันจะสาหัสกว่าเดิม 
เสี่ยวจง ผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นบอกว่า : “นายพรานหนึ่งคน  ส่วนใหญ่จะพาผู้ช่วยมา 3-5 คน 
นายพรานจะพกปืนล่าที่ดำด้วยดินเผา  มีดคว้าน  คันธนูกากบาท  มีดเล็ก  คีมดักสัตว์  เป็นต้น 
ค่านำทางต่อหนึ่งคืนคิด 2,500-4,000 เหรียญ”

เสี่ยวจงกล่าวว่า : “ลิงแสมที่ไต้หวันนับว่ายังเยอะกว่าประชากรไต้หวันอีก 
มาขโมยผลไม้ที่เราปลูกกันไว้บ่อยๆ  พวกเราใช้แค่คีมดักสัตว์มาจับ 
จับมาได้ก็ไม่ให้มันเสียเปล่า ปรุงมากินทันที  ไม่งั้นจะโดนตำรวจจับ”

นอกจากกินเองแล้ว  เสี่ยวจงยังยอมรับว่า : “บางครั้งเจ้าของโรงอาบน้ำแร่ที่ไท่อัน 
จะช่วยเราสั่งซื้อลิงจากพวกเราให้คนที่พื้นที่ราบ  พวกเราขายให้เขาตัวละสองพันเหรียญ 
แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาเอาไปขายต่อเท่าไหร่”

คนในพื้นที่นั้นขึ้นเขาล่าสัตว์  แต่ไหนแต่ไรมา แม้ ตำรวจที่นี่จะตั้งกฏไว้ว่า 
สัตว์ชนิดไหนที่ล่าได้  ชนิดไหนล่าไม่ได้  คีมดักสัตว์ที่ตั้งไว้  ก็แยกไม่เป็นว่าสัตว์ชนิดไหน
เป็นสัตว์อนุรักษ์ ห้ามจับ  จะจับตัวกินมด ลิงแสม ที่เป็นสัตว์อนุรักษ์ ได้เสมอ
 อีกทั้งยังมีคนที่ชอบขึ้นเขาล่าพรานมากขึ้นทุกวัน  ใช้ปืนยิงสัตว์ป่าทุกชนิดในป่านั้น 
แล้วก็นำมาปรุงกิน  เพียงแต่ว่า  เพื่อตอบสนองความต้องการทางการบริโภคของคนจำนวนน้อย 
ความสมดุลย์ทางสภาพแวดล้อมของไต้หวัน  กำลังเผชิญหน้ากับการกวาดล้างครั้งใหญ่



นายพรานที่เตรียมอาวุธเพียบพร้อมรอการออกเดินทาง 
ในไต้หวัน  มีสัตว์อนุรักษ์จำนวนไม่น้อย  ต้องตกสูท้องของมนุษย์



หนึ่งในสัตว์อนุรักษ์เช่น ซันเชียง 
กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักกว่าเดิม 
หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดอิสระให้ล่าสัตว์

กินสมองลิงเพื่อบำรุง  ความคิดบ้าบิ่น

การกินสมองลิง ได้ถูกสืบทอดมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ  วารสาร
“เปิ่นฉาวกังมู่” ในรัชสมัยหมิง บันทึกไว้ว่า : “ใน “อี้อู้จื้อ” มีบันทึกไว้ว่า 
ลิงแสมนับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่  ในบันทึก ”หลินไห่จื้อ” กล่าวว่า 
คนกวางตุ้งชื่นชอบการกินสมองลิง”  บันทึกอี้อู้จื้อ ที่พูดถึง คือ บทประพันธ์ของ
หยางฝู ในรัชสมัย ฮั่น  จะเห็นได้ว่า การกินสมองลิงนั้น มีมาแต่ช้านาน 
แต่เหตุผลที่ว่า ทำไมถึงกินกัน  เคยมีพูดกันว่า เป็นเพราะขันทีสมัยก่อน
เชื่องมงายว่า กินสมองทารกดิบๆ  สามารถช่วยให้อวัยวะทางเพศเขางอกคืนกลับมาได้ 
แต่สมองเด็กไม่ใช่ได้มาง่ายๆ  จึงได้ใช้สมองลิงชดเชย

ในปัจจุบันนี้  ความเชื่อเรื่องการบำรุงของคนจีนที่สืบทอดกันมา 
คิดว่า “ใช้ร่างบำรุงร่าง” “ใช้สมองบำรุงสมอง”  บวกกับนิยายเรื่อง ซุนหงอคง 
ตัวเอกในเรื่องมีกำลังวัาและอภินิหารมากมาย ติดตรึงอยู่ในใจคนดู 
ทำให้มีคนเชื่อว่ากินสมองลิงมีผลประโยชน์มากมาย
ใจร้ายมากๆ

หมายเลขบันทึก: 405536เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2010 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2014 07:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

พวกนี้ไหว้บรรพบุรุษ

แต่ก็กินบรรพบุรุษ

สวัสดีครับคุณวัฒนา

        ใช้เเล้วครับ พอได้อ่านก็เศร้าใจ 

ภาพน่ากลัวค่ะ

ยิ่งอ่านก็ยิ่งน่ากลัว

ภาพนี้น่ากลัวมา ไม่ไหวแล้ว ไม่น่ามาอ่านบันทึกนี้เลย

สวัสดีครับคุณกอ

       วันนี้ผมไม่ทานข้าวเย็น ฮ่าๆๆ   กินไม่ลงจริงๆ เพลียมาก

  • ภาพน่ากลัวน่าสงสารจัง...รู้สึกเหมือนน้องกอเลยค่ะ

สวัสดีครับครูกาญ

    อิอิ  น่ากลัวครับ ผมยังไม่กล้าทานข้าวเลย

สวัสดียามเช้าค่ะคุณหลวง

เป็นวัฒนธรรมการกินที่โหดร้ายจังเลยค่า  น่าสงสารลิง  เห็นภาพแล้วน่ากลัวจังค่ะ...ไม่รู้ว่าทำกันไปได้อย่างไร?

คุณหลวงสบายดีนะคะ... ครูใจดีไม่ได้เข้ามา G2K นานมาก เห็นภาพประจำตัวของคุณหลวงที่เปลี่ยนใหม่ ชัดเจนแจ่มมากๆ เลยค่ะ...

ขอบคุณข้อมูลที่นำมาเผยแพร่... กลัวๆๆๆ...

 

สวัสดีครับครูใจดี

    ใช้เเล้วครับ ต่างคนก็ต่างรักชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิต  สิ่งที่เราควรกินก็มีเยอะถมไป นี้ลิงมันอุตสาอยู๋ในป่า มนุษย์ขี้เหม็นก็ยังไปเอาตัวมันออกมากิน  น่าสงสารเหลือเกิน   ครูใจดีสบายดีนะครับ ส่วนคุณหลวงสบายดีครับ   ขอบพระคุณมากที่เป็นห่วง หนาวเเล้วครูใจดีดูเเลสุขภาพด้วยนะครับ  

น้องคุณหลวงไปเอาจากไหนมา

คนอะไรจะใจดำได้ขนาดนี้...

 

สวัสดีค่ะ...คุณหลวง...

  • พี่ก็เคยทราบมาเหมือนกัน...เพราะเวลาไปประเทศจีน ไกด์จีนชอบเล่าให้ฟัง...
  • เขาเชื่อว่า กินแล้ว ทำให้พวกเขาฉลาดเพราะบำรุงสมอง...
  • แต่เพิ่งจะมาเห็นภาพก็วันนี้...ไอ๊หยา...
  • สงสารเจ้าลิงน้อยจริง ๆ...
  • ใคร ๆ ก็รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าคนหรือสัตว์...
  • เป็นความเชื่อของพวกคนจีนค่ะ...
  • ยังมีอีกกระมังค่ะ ที่เขาชอบกินสุนัข
  • เพราะเมืองจีนเป็นประเทศหนาว กินเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นค่ะ...

สวัสดีครับพี่ครูป.๑

              น่าสงสารจริงๆครับพี่ เลยเอามาเเบ่งปันกันได้ดูนี้แหละครับ

สวัสดีครับพีบุษ

         เป็นวัฒธรรมที่ค่อนข้างไร้มนุษยธรรมมากครับ   นอกจากจะเป็นการทรมานสัตว์เเล้วยังเป็นการสร้างวัฒธรรมให้คนรุ่นหลังเเละบุคคลที่ได้รับรู้ อยากลองดูบ้าง ที่นี้แหละครับปัญหาใหญ่เลย

http://gotoknow.org/post/palichad

มาช่วยกันทายหน่อยค่ะ เผื่อคุณหลวงจะทายถูกหมดทุกข้อ

ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนเราจะกินสิ่งแบบนี้ได้อย่างไร น่ากลัวนิ

วันนี้ตุ๊กแกเมืองไทยก็ไม่ต่างจากลิงครับคุณหลวง

สวัสดีครับอาจารย์โสภณ

        คนเรานั้น มีอะไรที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านี้อีกครับ  กิเลสเยอะมาก

สวัสดีครับท่านวอญ่า

               ตุ๊กแก  เป็นสินค้าส่งออกเลยนะครับ  เเต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า คนเรายังจะกินกันได้ น่ากลัววววว

สวัสดีค่ะ คุณหลวงเวชการ

บันทึกนี้ไม่ขออ่านไม่ขอดูภาพด้วย อย่าโกรธน่ะค่ะ

มาขอบคุณที่ไปทักทายค่ะ

                            ***  โหดร้ายไปหน่อย   นะคะคุณหลวงฯ   รับไม่ไหวเลย *** 
                                       
                                                           Chimp is hungry

เพราะจีนกินสัตว์จนเลอะเทอะและไร้จริยธรรมแบบนี้เอง ที่ทำให้เกิดโรคร้ายๆ ระบาดเพิ่มขึ้นจากจีน ใช่ไหมครับ

สวัสดีครับครูยุ 

       เเค่ครูยุเข้ามาเยี่ยมชม ก็ดีใจเเล้วครับ  อิอิ

สวัสดีครัยคุรพอลลี่

         น่ากลัวไปสักนิดนึงครับ  เเต่คุรหลวงเห้นว่าควรจะนำมาเผยแพร่ให้ได้รูถึงวัฒธรรมที่ไร้มนุษยธรรมเเบบนี้ ของชาวจีน

สวัสดีครับครูหยุย

     ใช้เเล้วครับ กินเเบบไม่เลือก เลยทำให้เป็นสารพัดโรค กินตั้งเเต่ หนอน ยัน  พญานาค น่ากลัวจริงๆๆครับครู

สวัดีค่ะIco32สุดหล่อ

  ยึยยยยยยย เป็นตาย่านแถะ

สวัสดีครับพี่น้อย

     เป็นตาย่านบ่พี่   ฮ่า ๆๆๆ  เข้าคือว่าเเซ่บคือหยั่งหนิ  อิอิ

เป็นอะไรที่เลวร้านมากคะ แย่มาก มนุษย์เราทำไมถึงได้จิตใจเลวร้ายแบบนี้

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท