อย่าลืมตัว


ลูกแทนที่จะมีความเห็นใจพ่อแม่ใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด แทนที่จะนึกถึงความลำบากยากจนแล้วมีมานะศึกษาเล่าเรียน แต่กลับไม่สำนึก เมื่อเห็นเพื่อนฝูงที่พ่อแม่เขาร่ำรวย เขาใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ก็จะเอาอย่างเขาบ้าง (ช้างขี้ขี้ตามช้าง) คอยเคี่ยวเข็ญขอเงินทางบ้านอยู่เสมอ เมื่อพ่อแม่หามาให้ไม่ได้ หรือว่าหาให้ไม่ทันใจ ก็เกิดความฟุ้งซ่านน้อยเนื้อต่ำใจพาลหาเรื่องไม่ศึกษาเล่าเรียน ถ้านักเรียนคนไหนเป็นอย่างนี้ ก็จัดได้ว่าเป็นคนลืมตัว ยากที่จะมีความเจริญก้าวหน้า

                ชีวิตคนคนหนึ่งก็เปรียบเหมือนเรือลำหนึ่ง เรียกว่า "นาวาชีวิต"  การกระโดดโลดเต้น การทำมาหากินอยู่ในโลกนี้  ก็เหมือนการแล่นเรือไปในทะเลซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย  อุปกรณ์สำคัญในการนำเรือไปสู่จุดหมายปลายทางก็คือหางเสือ  ถ้าเรือขาดหางเสือ  เราก็ไม่สามารถจะบังคับเรือให้เดินทางไปสู่ทิศทางที่ต้องการได้  หางเสือของชีวิตก็คือการไม่ลืมตน ตรงกับคำพระว่า  อัตตานัง  นาติวัตเตยยะ  แปลว่า  “บุคคลไม่ควรลืมตน” หรือ อย่าลืมตน รู้จักตนเอง (Konowing oneself) (พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๗ ขุททกนิกายชาดก ติงสนิบาต)

                เมื่อพูดถึงคำว่าลืม  ไม่ว่าจะลืมอะไรเป็นเสียทั้งนั้น  เช่นขอยืมสิ่งของมาจากผู้อื่นแล้วลืมส่งคืนเจ้าของ  ปล่อยให้เจ้าของทวงถามต่อไปเขาก็เบื่อไม่อยากให้ยืมอีก  นัดกับใครไว้แล้วลืมเสียไม่ได้ไปตามนัด  ก็ต้องทำให้เขารอคอยเสียเวลา  ทำให้เขาหมดความเชื่อถือเป็นการทำลายเครดิตของตัวเอง  นำของใช้ต่างๆ ไปใช้แล้ว ไม่นำมาเก็บไว้ยังที่เดิม  เที่ยววางไว้ที่โน่นเที่ยวซุกไว้ที่นี่  นานวันเข้าก็ลืมเมื่อต้องการจะใช้อีกก็หาไม่พบ  บางทีก็สูญหายไปเลย  ลืมความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา  ก็สอบไล่ตก  ลืมเพื่อนฝูง  ก็ทำให้ขาดมิตรสหาย  ลืมพ่อแม่ก็เป็นคนอกตัญญู  คนขับรถยนต์  ถ้าลืมเผลอตัวว่าเป็นคนขับรถปล่อยใจไปที่อื่น  เหม่อมองนั่นมองนี่ก็อาจขับรถชนกัน  หรือเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเป็นอันตรายแก่ชีวิต

                  ขึ้นชื่อว่า  “ลืม”(Forget)  แล้วไม่ดีทั้งนั้น  แต่ว่าการเสียอะไรจะเสียหายร้ายแรงเท่าลืมตนอีกไม่มี  ด้วยเหตุนั้น  “การรู้จักตน”หรือสัมปชัญญะ ความรู้ตัว(Konowing oneself) หมายถึงความเป็นผู้รู้จักตนเองว่า  เราโดยชาติ  ตระกูล  ยศศักดิ์  ฐานะ  ความรู้  วัย  ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นอย่างไร  แล้วประพฤติตนให้เหมาะสมแก่สภาพของเรา  ไม่ว่าใครก็ตามหากประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สภาพของตนแล้ว  ก็ยากจะมีความเจริญแก่ตนได้ 

                 ตัวอย่างเช่นผู้ที่เป็นนักเรียนจะต้องพยายามศึกษาเล่าเรียนให้มีความรู้มีความสามารถ  เพื่อจะได้มีวิชาติดตัวและนำวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนมานั้นเป็นเครื่องประกอบทำมาหากินในวันข้างหน้า  หากไม่ลืมตัวเสียแล้ว  ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน  ก็จะเป็นผู้มีความรู้มีความสามารถตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้  แต่ถ้าใครลืมตัว  ไม่ศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง  มัวแต่คบเพื่อนฝูง  มัวแต่เที่ยวเตร่ มัวแต่คุยโทรศัพท์ ติดของใช้แบรนด์เนม ใช้เงินทองที่พ่อแม่ผู้ปกครองส่งมาให้ไปในทางฟุ่มเฟือยไม่เป็นประโยชน์  หมดแล้วก็ขอใหม่  หาทางโกหกผู้ปกครองด้วยประการต่าง ๆ อ้างความจำเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ได้เงินมาแล้วก็ใช้สุรุ่ยสุร่ายเที่ยวเตร่เลี้ยงดูกัน เที่ยวดูหนังกับแฟนทั้งที่อยู่วัยเรียน ผลที่สุดก็เรียนไม่สำเร็จ  พ่อแม่ก็ต้องผิดหวัง  ตัวเองก็ต้องผิดหวัง  โตขึ้นก็ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง  นักเรียนนักศึกษาที่ปฏิบัติเช่นนี้ยังมีไม่น้อยในสถานศึกษาต่าง ๆ   ถ้าเราทำดี“คนรักสมหวัง แต่คนชังอิจฉา  แต่ถ้าเราทำชั่ว คนรักผิดหวัง คนชังสมน้ำหน้า เราจะเลือกเป็นคนแบบไหน

                บางทีพ่อแม่มีฐานะยากจน  แต่ด้วยความรักลูก  อยากให้ลูกมีโอกาสศึกษาเล่าเรียนเหมือนลูกชาวบ้านคนอื่นเขาบ้าง  อุตส่าห์กระเหม็ดกระแหม่อดออมถนอมใช้เก็บเงินส่งให้ลูกเรียน ขายที่นาส่งลูกเรียนก็มี พ่อแม่บางคนยอมกู้ยืมเงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อให้ลูกได้มีเงินเรียน ซึ่งกองทุนนี้ดอกเบี้ยบานปลาย ตอนยืมสบายแต่ตอนใช้น่าเศร้าใจ ระยะเรียนไม่คิดดอกเบี้ย เรียนจบสองปีแรกไม่คิดดอกเบี้ย แต่อีก 10 กว่าปีต่อไป ขึ้นดอกเบี้ยไปไปปีละ 1 บาท จนถึงดอกร้อยละ 13 บาท (เรียนจบดอกเบี้ยขึ้นปีละหนึ่งบาททุกปี) ถ้านับดูเงินยืมมาเรียนกับเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องใช้คืนก็เท่าตัว ถ้าตกงานไม่มีเงินใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับการยืมเงินนอกระบบ เป็นหนี้ตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ ลูกแทนที่จะมีความเห็นใจพ่อแม่ใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด  แทนที่จะนึกถึงความลำบากยากจนแล้วมีมานะศึกษาเล่าเรียน  แต่กลับไม่สำนึก  เมื่อเห็นเพื่อนฝูงที่พ่อแม่เขาร่ำรวย  เขาใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย  ก็จะเอาอย่างเขาบ้าง (ช้างขี้ขี้ตามช้าง)  คอยเคี่ยวเข็ญขอเงินทางบ้านอยู่เสมอ  เมื่อพ่อแม่หามาให้ไม่ได้  หรือว่าหาให้ไม่ทันใจ  ก็เกิดความฟุ้งซ่านน้อยเนื้อต่ำใจพาลหาเรื่องไม่ศึกษาเล่าเรียน  ถ้านักเรียนคนไหนเป็นอย่างนี้  ก็จัดได้ว่าเป็นคนลืมตัว  ยากที่จะมีความเจริญก้าวหน้า

                สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยอื่นก็เช่นเดียวกัน  ถ้าใครลืมตัวลืมฐานะของตนแล้วความเสียหายก็ย่อมจะเกิดขึ้น  ดังนั้นต้องรู้จักตัวเองอยู่เสมอ  บางคนมีฐานะเป็นครู  ถ้าลืมฐานะความเป็นครูของตน ความบกพร่องในหน้าที่ก็ย่อมเกิดขึ้น  เช่นเบื่อหน่ายต่อการสอนบ้าง  ประพฤติไม่ดี  เป็นตัวอย่างให้เด็กเห็นบ้าง  จนถึงกับมีคำพูดล้อเลียนครูประเภทนี้ว่า  “จงทำตามที่ครูสอนแต่อย่าทำตามที่ครูทำ”  เมื่อครูปฏิบัติเช่นนี้ก็ไม่เป็นที่น่าเลื่อมใสของนักเรียน  เมื่อนักเรียนขาดความเคารพนับถือ  ก็พากันดูถูกครูด้วยประการต่าง ๆ การสอนก็ไม่ได้ผล  ตำแหน่งหน้าที่การงานของตนก็ไม่มีความเจริญก้าวหน้า

                บางคนมีฐานะเป็นพ่อบ้าน  แต่ลืมหน้าที่ของตัว  ไม่เอาใจใส่ดูแลครอบครัวให้ดีเท่าที่ควร  ความยุ่งยากในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น  ทำให้ฐานะของครอบครัวไม่มีความมั่นคง  ครอบครัวแต่ละครอบครัวนั้น  พ่อบ้านเป็นตัวจักรสำคัญ  ถ้าผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง  บุคคลภายในความควบคุมดูแลก็พลอยบกพร่องไปด้วย  ความบกพร่องมีอยู่ที่ไหน ความไม่เรียบร้อยก็จะมีตามมา  ครั้นแล้วความระส่ำระสายในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น  และจะกลายเป็นปัญหาของสังคมไปในที่สุด หน้าที่พ่อบ้านคือรักแม่บ้าน สร้างฐานะทางบ้านให้พออยู่พอกิน ทำครอบครัวให้มีอยู่มีกินมีศีลมีศักดิ์ศรีมีความดีกำกับตน ไม่หลงตัวไปติดสุรา นารี พาชีกีฬาบัตร อันเป็นเหตุนำความวิบัติมาสู่ครอบครัว

                บางคนมีฐานะเป็นแม่บ้าน  ถ้าลืมหน้าที่ของตัว  ไม่ดูแลควบคุมความเป็นไปในบ้านให้เรียบร้อย หรือละเลยต่อหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ เวลาทำงานราชการยังแอบไปคุยเนตกับกิ๊ก โทรศัพท์คุยกับกิ๊กแรกๆก็ว่าคุยเป็นเพื่อนไปนานก็กลายเป็นแฟนเต็มตัว เลิกงานบางวันไปเที่ยวกับกิ๊กเป็นต้น  สิ่งที่ไม่ควรเสียก็เสีย สิ่งที่ควรเสียแต่น้อยก็ต้องเสียมาก  สิ่งที่ควรประหยัดก็ประหยัดไม่ได้  ครอบครัวที่ลำบากยากจน  เพราะแม่บ้านปฏิบัติหน้าที่บกพร่องนี้มีจำนวนมาก  นอกจากเรื่องเศรษฐกิจภายในครอบครัวจะเกิดความยุ่งยากเพราะแม่บ้านบกพร่องแล้ว  เรื่องบุตรธิดาก็เป็นปัญหาสำคัญอยู่ไม่น้อย  มีเด็กจำนวนมากที่ต้องกลายเป็นเด็กเกกมะเหรกเกเรหรือกลายเป็นเด็กเหลือขอ  กลายเป็นเด็กอันธพาลไปเพราะขาดการอบรมที่ดีของแม่บ้าน(รักลูกไม่ถูกทาง)  เพราะฉะนั้น  ถ้าแม่บ้านลืมหน้าที่ของตนแล้ว ความเสียหายจะเกิดขึ้นมามากมายทีเดียว

                บางคนมีฐานะเป็นผู้น้อย หรือเป็นผู้น้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้อื่นแต่ลืมตนว่าเป็นผู้น้อย  ไม่ปฏิบัติหน้าที่ภายในขอบเขตของตน  อวดรู้อวดฉลาด  สำคัญตนว่ามีความสามารถ แสดงความคิดเห็นหรือปฏิบัติหน้าที่ก้าวก่ายการงานของผู้ใหญ่  ความไม่เป็นระเบียบความยุ่งยากต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น  จะสังเกตเห็นได้ว่าในสถานที่ทำงานบางแห่งมีผู้น้อยชอบติเตียนผู้ใหญ่ ชอบวิพากษ์วิจารณ์ผู้ใหญ่บกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้  เรื่องควรทำอย่างนี้แต่ไปทำเสียอย่างนั้น หรือตำหนิติเตียนอย่างอื่น ๆ อีก  นี่แสดงว่าเป็นผู้น้อยแล้วลืมตัวว่าเป็นผู้น้อย  หากเขาไม่ลืมตัวว่าเป็นผู้น้อยแล้ว  เขาจะไม่กล้ากระทำอย่างนั้นเลย (โบราณสอนว่า “เถียงผู้ใหญ่ เป่าไฟทวนลม ลูบของคมไม่มีฝัก อันตราย”)

                รวมความว่า  ถ้าลืมตน  ประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่หน้าที่ที่มีอยู่ความเสียหายย่อมเกิดขึ้น  ทั้งแก่ตนเองและบุคคลอื่นตลอดไปถึงสังคมด้วย  ฉะนั้นนักปราชญ์จึงสอนให้มีความรู้ตัว รู้จักหน้าที่ของตนอยู่เสมอ คือให้ตรวจสอบดูการกระทำของเราว่า  เป็นไปเหมาะสมแก่ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือไม่ประการใด  เข้าในลักษณะลืมตัวหรือไม่ เราเป็นพ่อทีแท้ แม่ที่ถูก ลูกที่ดีแล้วหรือยัง

                อีกอย่างหนึ่ง การลืมตัวนั้น พระพุทธศาสนาสอนว่า  ความลืมตัวได้แก่ความมัวเมา  เช่นเมาในลาภ  เมาในยศ  เมาในสรรเสริญ  เมาในสุข  เมื่อได้ลาภได้ยศได้สรรเสริญได้สุขแล้วก็ลืมตัว  มีความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมสำคัญตัวว่าจะยังไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย  เป็นเหตุให้เกิดความประมาท  ไม่รีบทำสิ่งที่ควรทำ  ไม่ขวนขวายสิ่งที่ควรขวนขวาย  บางทีก็สำคัญตัวผิดคิดว่า  ตนดีวิเศษเหนือคนทั้งหลาย เป็นเหตุให้ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นหาได้นึกไม่ว่า มนุษย์ทุกคนนั้นมีจุดจบอยู่ที่ความตาย  ทุกคนมีความตายอยู่เบื้องหน้า เมื่อตายแล้วไม่ว่าใครมีสภาพเหมือนกันหมด  คือไม่มีใครเอาอะไรติดตัวไปได้  ทุกคนต้องทิ้งร่างกายนี้ไว้ทับถมแผ่นดินในลักษณะเดียวกันทั้งนั้น  คนเราหากได้นึกถึงความตายไว้บ้าง  ก็จะไม่เป็นเหตุให้หลงมัวเมามากนัก  ด้วยเหตุนี้  ในทางพระศาสนาจึงสอนให้หัดเจริญมรณสติ คือนึกถึงความตายบ้างแม้จะไม่นึกถึงบ่อยนัก  นาน ๆ นึกถึงสักหนก็ยังดี  เพราะจะเป็นการป้องกันความประมาทลืมตัวได้พอสมควร

                คนที่ลืมตัวเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ  เพราะตัวเองยังลืมตัวเองได้แล้วจะป่วยกล่าวไปใยถึงว่าจะลืมผู้อื่นไม่ได้  เขาอาจจะลืมเพื่อนฝูง เขาอาจจะลืมครูอาจารย์  บางคนอาจจะลืมได้กระทั่งพ่อแม่ดังที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ให้อ่านกันอยู่บ่อย ๆ  ลูกประทุษร้ายพ่อแม่เพราะเหตุที่เกิดขัดใจกันอันที่จริงพ่อแม่นั้น  มีพระคุณใหญ่หลวงต่อลูกยิ่งนัก  ยากที่จะหาใครมาเปรียบปานได้  ตามธรรมดาถ้าคนไม่ลืมตัวแล้วจะประทุษร้ายพ่อแม่ไม่ได้เป็นอันขาด  แต่คนลืมตัวย่อมกระทำได้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนลืมตัวนั้น  เป็นคนไม่น่าไว้วางใจเพียงไร

                คนลืมตัวมักทำอะไรแผลง ๆ และดำเนินชีวิตผิดพลาดเสมอ  ถ้าเป็นการผิดพลาดในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอแก้ไขได้  แต่ถ้าเป็นการผิดพลาดในเรื่องใหญ่ ๆ และเรื่องสำคัญ ๆ ก็แก้ไขยาก  ถ้าแก้ไม่ตก อาจจะต้องถึงกับเสียอนาคตไปเลยก็ได้ ถ้าลืมตัวทำอะไรไปโดยปราศจากสติจนถึงกับเสียอนาคตแล้ว ก็จะเสียใจไปจนวันตายทีเดียว

            การดำเนินชีวิตควรเดินให้ตรงทาง คือซื่อสัตย์สุจริตเสงี่ยมเจียมตนและไม่หลงลืมตัวนั่นแหละเป็นการดี ชีวิตจะได้มีอุปสรรคและขวากหนามน้อยลง ทั้งจะเป็นหลักประกันได้ว่า ชีวิตจะไม่เพลี่ยงพล้ำตกอับจนถึงแก้ปัญหาไม่ตก แม้ใครจะมีเบื้องต้นชีวิตเดินทางคดเดินทางผิด หรือหลงทางมาบ้าง  แต่ก็ยังมีโอกาสแก้ไขได้ในบั้นปลายของชีวิต 

             ถ้าเปรียบชีวิตกับต้นไม้ก็เรียกว่าต้นคดปลายตรงก็ยังพอใช้การได้  แต่ถ้าชีวิตของใครเบื้องต้นของชีวิตก็ประมาทมัวเมา  บั้นปลายของชีวิตก็ประมาทมัวเมากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ  ก็เปรียบได้กับต้นไม้ที่คดทั้งโคนและปลายก็นำไปใช้ประโยชน์ได้น้อย  จะเอาไปทำเสาบ้านก็ไม่ได้เพราะมันคดไม่มีใครต้องการ  จะเอาไปทำเป็นไม้กระดานหรือไม้เครื่องบนบ้านก็ไม่ได้เพราะมันคดไม่มีใครต้องการ  ถ้าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างก็ใช้ได้เพียงแค่เอาไปทำฟืนหรือเผาถ่านเท่านั้นเอง  การไม่ลืมตัว ทำอะไรให้มีสติควบคุมอยู่เสมอ  ชีวิตจะได้รุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป  ฯ

               ชีวิตนี้เป็นของเราเราสามารถเป็นคนดีได้หลายๆอย่างและขณะเดียวกันเราก็สามารถเป็นคนเลวได้หลายๆอย่างได้เช่นกัน ....จงรู้จักตนเองและทำสิ่งที่ดีๆให้มากที่สุดเท่านที่จะทำได้....มีศีลธรรมประจำใจเช่นรู้จักตนเอง ไม่ลืมตัวเอง ไม่ประมาทนั่นเอง

ในพระไตรปิฏกเล่มที่ 21 อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต สรุปความไม่ประมาทหรือการไม่ลืมตัวไว้เป็น 8 ลักษณะดังนี้

             1. "ระวังใจไม่ให้กำหนัดในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด    ( Guarding one's heart and not allowing it to become excited by those objects which are liable to arouse sexual excitement.) 

            2. "ระวังใจไม่ให้ขัดเคืองในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง (Guarding one's heart and not allowing it to feel angry at those objects which are liable to arouse angry.) 

            3. "ระวังใจไม่ให้หลงในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง (Guarding one's heart and not allowing it to become deluded in the presence of those objects which are liable to arouse delution.)

            4. "ระวังใจไม่ให้มัวเมาในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา" (Guarding one's heart and not allowing it to become obscured and intoxicated by those objects which are liable to arouse obscurity and intoxication.)

             5. "ประพฤติกายสุจริต" (practising good ways of bodily action and abandoning bad ways of  bodily action.)

             6. "ประพฤติวจีสุจริต" ( practising good ways of verbal action  and abandoning bad ways of  verbal action (speech). 

             7. ค "ประพฤติมโนสุจริต  (practising good ways of mental action and abandoning bad ways of  mental action (thought).) 

             8.  "ทำความเห็นให้ถูก"  ( Correcting one's views and abandoning wrong views) ฯ

หมายเลขบันทึก: 407047เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2010 10:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 13:51 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับอาจารย์

  เขามาชม  ครับ 

ขอบคุณที่แบ่งปันสาระดีๆ นะครับ

คำว่าลืมกว้างดีนะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท