ชีวิตของคนเราในทุกช่วงเวลา มักจะมีสัมพันธภาพใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ และชีวิตของคนเราทุกคนก็ยังมีสัมพันภาพเดิมที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เราเกิด ซึ่งสัมพันธภาพเหล่านี้มีความเปราะบางและละเอียดอ่อนมาก การที่รักษาสัมพันธภาพเหล่านี้ให้คงอยู่จึงต้องใช้การเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อที่เราจะสามารถอยู่กับสัมพันธภาพเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข....
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมเห็นสัมพันธภาพของหลาย ๆ คนที่อยู่รอบข้างเกิดปัญหาขึ้น และหลาย ๆ ครั้งที่ปัญหาเหล่านั้นก็มากระทบสัมพันธภาพของผมเช่นกัน ผมเห็นการตัดสินใจเลือกที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งสำหรับผมแล้วการตัดสินใจเหล่านี้ก็สร้างการเรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่งของผมได้...
ผมเห็นหลายคนเกิดความทุกข์เมื่อเกิดปัญหาขึ้น กับสัมพันธภาพของตัวเองกับคนรอบข้าง เมื่อเขาก็เลือกที่แคร์ความรู้สึกของคน ๆ นั้นมากกว่าความรู้สึกของตัวเขาเอง ซึ่งมันก็อาจจะเป็นแนวทางที่ดีทางหนึ่งหากตัวเรามั่นใจว่าตัวเราจะจัดการกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในจิตของตัวเราเองได้...
แต่ผมว่ามันจะเป็นแนวทางที่ไม่ดีแน่ หากตัวเราเองก็มีปัญหาในการจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ปล่อยให้ตัวเราและจิตใจของเราเป็นทุกข์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังบั่นทอนร่างกาย ความคิดและจิตใจของตัวเรา หากปล่อยไว้มันจะเรื้อรังและสร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมาในชีวิตของเราได้นะครับ...
ผมเห็นหลาย ๆ คนที่เลือกจะรักตัวเอง ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองก่อน หันมาเยียวยาจิตใจที่อ่อนแอของตัวเอง และปล่อยให้ปัญหาเหล่านั้นค่อย ๆ คลี่คลายไปกับวันเวลาที่ผ่านไป ผมว่าแนวทางนี้ก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจนะครับ เพราะอย่างน้อยตัวเราเองก็ไม่ต้องไปทุกข์กับความรู้สึกของคนอื่นครับ...
แวะมาเรียนรู้สิ่งดีๆค่ะ...ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ
สวัสดีครับ...
นานาจิตตังนะครับ
บางคนเลือกที่จะรักษาสัมพันธภาพ ขณะที่บางคนเลือกที่จะดูแลตัวเอง
จริง ๆ ผมก็ใช้ทั้งสองวิธี คนบางคนก็ไม่จำต้องใส่ใจในสัมพันธภาพ แต่ขณะที่บางคนก็ต้องจำยอมรักษาไว้ทั้งที่เจ็บปวด
เรื่องของสัมพันธภาพ เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ทุกคนมีโอกาสเลือกสรรได้ตามความสมัครใจ แต่ทั้งนี้การมองไกล ถึงอนาคตเป็นสิ่งที่ต้องคำนึ่ง สัมพันธภาพจึงเป็นเรื่องของความสุขและผลประโยชน์ คนที่มีสัมพันธภาพที่สามารถที่ดีได้ต้องเป็นคนที่มีจิตเป็นกุศล ใจเป็นพรหมวิหาร4
มีสุภาษิตสอนใจให้คิดว่า
"เมื่อเล็กเมื่อน้อย พึ่งพ่อพึ่งแม่และญาติ....
โตไปเดินได้พูดรู้เรื่อง เชื่อเพื่อนพึ่งเพื่อน ,,,
ครั้นแตกเนื้อเป็นหนุ่มสาว เฝ้าเชื่อเพื่อนต่างเพศ
เมื่อไปมีงานทำเชื่อนายขายเพื่อน .........
ครั้นพอแก่-เฒ่าเฝ้ารอลูกหลานจะมาหา
สวัสดีค่ะ น้องดิเรก
เมื่อสายๆ ป้าแดง เพิ่งได้ยินเพื่อนบ่นเรื่องทำนองนี้
ป้าแดงว่า การสื่อสาร มีความสำคัญมากที่จะกระทบกระเทือนจิตใจ ไม่ว่า กาย วาจา
หลายึคนเริ่มหันมาใส่ใจและรักตัวเองก่อนที่จะรักคนอื่น เพราะจะช่วยเยียวยาเราได้
ภาษาป้าแดง บอกว่า "ไม่แคร์สื่อ" แล้วจะสบายใจ
ตอนนี้ ป้าแดงก็ทำอย่างนั้นค่ะ
สวัสดีค่ะ เห็นด้วยกับหนานเกียรติ
นานาจิตตังนะครับ บางคนเลือกที่จะรักษาสัมพันธภาพ ขณะที่บางคนเลือกที่จะดูแลตัวเอง จริง ๆ ผมก็ใช้ทั้งสองวิธี คนบางคนก็ไม่จำต้องใส่ใจในสัมพันธภาพ แต่ขณะที่บางคนก็ต้องจำยอมรักษาไว้ทั้งที่เจ็บปวด
สวัสดีค่ะ
ตอนท้ายสรุปว่า "ปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องตัดสินใจ" จากประสบการณ์มีผู้คนบอกว่า แบบนี้ใช้ได้ค่ะ
หนึ่ง ต้องดับสิ่งเคืองขุ่นทั้งหลายออกไปก่อน
เป็นการดูแลตนเองในเบื้องต้น
สอง รักษาสถานภาพต่อไป แม้ว่าสัจจะธรรมจะบอกว่า
สิ่งภายนอกทั้งหลายรวมทั้งตัวเราล้วนแต่ปรวนแปร
สวัสดีครับ
ได้ข้อคิดเพิ่มอีกหลายข้อเลยค่ะ เมื่อกาลเวลาผ่านไป...... ไม่ว่าจะแคร์ใครและไม่ว่าจะแคร์เพราะอะไร
สุดท้ายแล้วเป็นแค่ความทรงจำ
สุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะแคร์ใครก็ไม่มากกว่าความต้องการของตัวเราเอง ใช่มั้ยคะพี่เรก
ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่มีให้อ่านเสมอค่ะ
ครับ... คุณ มาตายี
ขอบคุณเช่นกันครับผม...
ครับ...พี่หนาน หนานเกียรติ
คนบางคนก็ไม่จำต้องใส่ใจในสัมพันธภาพ แต่ขณะที่บางคนก็ต้องจำยอมรักษาไว้ทั้งที่เจ็บปวด
เห็นด้วยเหมือนกันครับผม...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีค่ะ
มาคุยใหม่อีกครั้งค่ะ ตอนแรกรีบร้อนไปขี่จักรยานค่ะ ตอนเป็นเด็กพ่อแม่พี่คิมสอนว่า "เราต้องอดทนเพื่อให้คนที่อยู่ข้างหน้าเรามีความสุข"
ครับ... คุณ Todsapol
ขอบคุณมากครับผมที่นำแนวทางศาสนามาแบ่งปันในการเรียนรู้ที่มีสัมพันธภาพที่ดีด้วยใจอันเป็นกุศลครับ...
และขอบคุณสำหรับสุภาษิตสอนใจด้วยครับ...
มีคนพูดผ่านโสตประสาท
ความสัมพันธ์มาก่อนสถานการณ์เสมอ...... แม้สถานการณ์จะแปรเปลี่ยนไปเช่นไรก็ตาม ก็ขอให้ความสัมพันธ์คงอยู่
ทำให้ ระลึกถึงคำคำนี้ตลอด เวลาจะทะเลาะกัน เป็นการเตือนสติในการคบกัน
ครับ...ป้าแดง pa_daeng
มีอีกคำหนึ่งด้วยครับที่น่าจะเหมาะกับป้าแดงและสถานการณ์ในบันทึกนี้...
คือคำว่า "อย่าได้แคร์" ครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ... พี่คิม ยายคิม
ขอบคุณนะครับที่มายืนยันตอนจบของบันทึกนี้จากผู้มีประสบการณ์...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ... คุณ นาย วัฒนา คุณประดิษฐ์
การดูแลจิตใจตัวเราคงต้องใช้การหลักศาสนาเข้าช่วยนะครับ...
เพราะเมื่อจิตใจเราหายขุ่นมัวแล้ว เราย่อมมองและเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้นนะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ใช่ครับ...น้องลูกปลา
สุดท้ายแล้วคำตอบสุดท้ายมันอาจจะเป็นคำตอบเดียวกันก็ได้นะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ... พี่อุ้มบุญ ✿อุ้มบุญ✿
เป็นประโยคเตือนใจที่ดีมาก ๆ ครับ...
ผมจะจำไว้เตือนใจตัวเองเหมือนกันครับ...
ขอบคุณมากครับ...
บังดิเรกช่างสาธยาย-สาทกข้อชวนคิดในบทบันทึกนี้ได้ลึกซึ้งกินใจดีจริงๆ แสดงว่ากำลังมีความสุขและมีความศานติในใจ
ในบางสถานการณ์และบางจังหวะของชีวิต หากเรายกระดับตัวตนด้านในและลดความเป็นตัวกู-ของกูลงไป ภาวะความเป็นตัวตนของเราก็จะแผ่ออกไปให้มีที่ยืนร่วมกับคนอื่น หรือพื้นที่ความมีตัวตนกว้างขวางออกไปให้มีที่ว่างสำหรับคนอื่นด้วย ตัวเรากับคนอื่นก็จะมีความเป็นซึ่งกันและกัน
เมื่อกระทำที่ตัวเราก็ย่อมสะท้อนความคำนึงถึงผู้อื่น เมื่อดูแลสังคมและทำเพื่อผู้อื่น ก็เหมือนกับได้สร้างสังคมที่ดีเพื่อเราเองและคนรอบข้าง จึงย่อมเป็นสิ่งเดียวกันกับการดูแลตนเองเช่นกัน ดังนั้น ด้วยภาวะอย่างนี้ก็จึงไม่มีเรา-เขา ให้ต้องใส่ใจและต้องกังวลต่อการการเลือก หรือลำดับก่อนหลัง เนื่องจากจิตสาธารณะและสำนึกความเป็นส่วนรวมที่แท้ในอีกความหมายหนึ่ง ก็หมายถึงการอบมรมกล่อมเกลาอัตตาตนเองให้เบาบางผ่านการปฏิบัติในชีวิต
ทำสิ่งต่างๆไปตามเหตุปัจจัยในปัจจุบันขณะของมัน แต่ให้สะท้อนจิตใจ สะท้อนจิตวิญญาณความเป็นตัวเรา รวมทั้งเดินออกจากตัวเองของเรา เพื่อกระทำสิ่งดีๆในโลกภายนอกให้สะท้อนสู่ภายใน อบรมกล่อมเกลาความเป็นตนเองภายใน
ครับ... อาจารย์ วิรัตน์ คำศรีจันทร์
สิ่งที่อาจารย์สะท้อนมาในคอมเมนต์ลึกซึ้งยิ่งกว่าครับ...
ภาวะความเป็นตัวตนของเราก็จะแผ่ออกไปให้มีที่ยืนร่วมกับคนอื่น หรือพื้นที่ความมีตัวตนกว้างขวางออกไปให้มีที่ว่างสำหรับคนอื่นด้วย ตัวเรากับคนอื่นก็จะมีความเป็นซึ่งกันและกัน
เมื่อกระทำที่ตัวเราก็ย่อมสะท้อนความคำนึงถึงผู้อื่น เมื่อดูแลสังคมและทำเพื่อผู้อื่น ก็เหมือนกับได้สร้างสังคมที่ดีเพื่อเราเองและคนรอบข้าง จึงย่อมเป็นสิ่งเดียวกันกับการดูแลตนเองเช่นกัน
เนื่องจากจิตสาธารณะและสำนึกความเป็นส่วนรวมที่แท้ในอีกความหมายหนึ่ง ก็หมายถึงการอบมรมกล่อมเกลาอัตตาตนเองให้เบาบางผ่านการปฏิบัติในชีวิต
ทำสิ่งต่างๆไปตามเหตุปัจจัยในปัจจุบันขณะของมัน แต่ให้สะท้อนจิตใจ สะท้อนจิตวิญญาณความเป็นตัวเรา รวมทั้งเดินออกจากตัวเองของเรา เพื่อกระทำสิ่งดีๆในโลกภายนอกให้สะท้อนสู่ภายใน อบรมกล่อมเกลาความเป็นตนเองภายใน
ขอบคุณมากครับอาจารย์...
ขออภัยครับคุณดิเรก เมื่อสักครู่ที่กำลังเขียน ก็ผละจะไปรับโทรศัพท์ แต่กลายเป็นคลิ๊กและโพสต์ไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ยังไม่ทันได้อ่านแก้ไข แล้วก็ดูยังเขียนไม่จบน่ะครับ แต่คุณดิเรกดึงออกมานี่รู้เรื่องดีกว่าเสียอีก แต่ก็พอรู้เรื่องเนาะ
ครับ... อาจารย์ วิรัตน์ คำศรีจันทร์
ผมอ่านรู้เรื่องเข้าใจชัดเจนเลยครับ...
ทำให้นึกถึงบันทึกนี้ที่เคยเขียนไว้ครับอาจารย์...
http://gotoknow.org/blog/social/253001
ขอบคุณมากครับผม...