การสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ YouTube


นิสิตมีความสนอกสนใจในการชมคลิปวิดีโออย่างมาก ทั้งห้องแปดสิบกว่าคนเงียบกันหมดและตั้งใจฟังครูยู (YouTube) เป็นอย่างดี

เปิดภาคเรียนที่สองมาจนจะสอบกลางภาคกันแล้ว ยังวุ่นวายกับการสอนพอสมควร ห้องที่ดิฉันสอนคราวนี้ก็ห้องใหญ่ทั้งนั้นซึ่งมีนิสิตจำนวน 80-90 คนกันเลยทีเดียว การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในห้องใหญ่ขนาดนี้โดยเฉพาะการฝึกภาษาเพื่อการสื่อสารนั้นหลายท่านคงทราบดีว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากความไม่สะดวกในการให้นิสิตออกมาทำกิจกรรมและเวลาอันมีจำกัด  ดิฉันเองก็เริ่มสอนไปตามเนื้อหาของรายวิชา จนมาถึงบทที่ 6 ของวิชานี้คือการสอนการใช้คำคุณศัพท์เปรียบเทียบ (comparative and superlative adjectives) ดิฉันก็บรรยายไปตามหลักการเปลี่ยนคำคุณศัพท์  ก็ว่ากันไปเหมือนที่เรียนมาสมัยประถม-มัธยม เสร็จแล้วก็สั่งให้ทำแบบฝึกหัดเติมคำ พอเงยหน้ามานิสิตก็ง่วงเหงาหาวเรอไปตามๆกัน บ้างก็หลับกันเห็นๆ น่าสงสารจริงๆ

ดิฉันเองก็เบื่อที่ต้องสอนเรื่องเดิมๆ อย่างเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอให้ทำนิสิตแบบฝึกหัดหรือแต่งประโยคมาก็มักจะผิดเรื่องเดิมๆ ดิฉันก็คิดว่าการให้ทำแต่แบบฝึกหัดเติมคำ หรือแต่งประโยคคงจะไม่ได้การเสียแล้ว น่าจะหาสื่อการสอนที่ตื่นเต้นแปลกใหม่ ทำให้ทั้งครูทั้งนักเรียนสนุก แสดงให้เห็นภาษาที่ใช้จริงในชีวิตประจำวันด้วย ก็เลยลองค้นหาคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเรื่อง comparative and superlative adjectives ใน YouTube ดู แล้วก็เจอ
คลิปนี้ที่เขาไปถามคนเดินถนนในนิวยอรค์เกี่ยวกับเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ถามว่าเมืองไหนใหญ่กว่ากัน และถามด้วยว่าภาษาอะไรที่ไพเราะที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการถามที่ผู้ถามและผู้ตอบต้องใช้ comparative and superlative adjectives ในการสนทนาตอบโต้กันไป นอกจากนั้นยังไปเจอคลิปสอนการเปรียบเทียบสิ่งของ และการเปลี่ยนตัวสะกดเมื่อเปลี่ยนคำคุณศัพท์เป็น  comparative and superlative degree พอเจอคลิปพวกนี้แล้วก็เก็บ URL ไว้ พอไปห้องเรียนก็เปิดให้นิสิตดูในห้องเรียน ต้องขอขอบคุณที่มหาวิทยาลัยติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตที่อาคารเรียนรวม QS ด้วยเพราะทำให้การเปิด
คลิปสะดวกรวดเร็วมาก

จากการสังเกตพฤติกรรมของนิสิตหลังจากการดูคลิปพบว่านิสิตมีความสนอกสนใจในการชมคลิปวิดีโออย่างมาก ทั้งห้องแปดสิบกว่าคนเงียบกันหมดและตั้งใจฟังครูยู  (YouTube) เป็นอย่างดี

เมื่อเปิดให้ฟังหลายๆ รอบแล้วถามคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจนิสิตก็ตอบได้เป็นอย่างดี ดิฉันเองก็อดแปลกใจไม่ได้ในความมหัศจรรย์ของสื่อที่สามารถทำให้นิสิตสนใจเรียนได้ ซึ่งเรื่องนี้ในความคิดส่วนตัวของดิฉัน การเรียนภาษาอังกฤษจะให้ได้ผลนั้นจะต้องมีสถานการณ์ให้นิสิตเห็นจริงๆ ว่า ภาษาที่เรียนนั้นจะใช้ในสถานการณ์ไหน ใช้อย่างไร ไม่อย่างนั้นแล้วนิสิตก็จะนึกภาพไม่ออกว่าประโยคอย่างนี้หรือสำนวนอย่างนี้จะเอาไปใช้เมื่อไหร่ ดิฉันคิดว่าการเรียนแบบได้เห็นตัวอย่างที่เหมือนเหตุการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตัวหนังสือหรือหน้ากระดาษจะทำให้นิสิตจดจำและทำความเข้าใจได้รวดเร็วและเอาไปใช้ได้อีกด้วย

 

นอกจากนั้น การใช้คลิปการสอนภาษาอังกฤษก็ทำให้เกิดความคิดที่จะทำกิจกรรม
ต่อยอด บังเอิญว่าเนื้อเรื่องของบทนี้เป็นการเปรียบเทียบลักษณะของบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง กิจกรรมจะทำได้ก็คือการให้นิสิตไปอัดคลิปวิดีโอเป็นกลุ่ม อธิบายลักษณะของบุคคลในครอบครัวหรือในกลุ่มเพื่อน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของหลายๆคนยกตัวอย่างเช่น  ขอให้สมาชิกในบ้านมายืนเรียงกันแล้วชี้ไปที่คุณพ่อ และพุดว่า My father is the tallest person in the family พอมาถึงคุณน้องชายคนเล็กก็บอกว่า My youngest brother is the most stubborn person in the family. หรือหากจะบรรยายเปรียบเทียบลักษณะในกลุ่มเพื่อนก็สามารถทำได้ เช่น Mickey is the most generous person in our group. He often lends me some money.  แล้วนำมาเปิดให้ดูกันในชั้นเรียนเป็นการทบทวนไปในตัว หรือใครจะเอาไปอัพโหลดขึ้นใน Facebook หรือ YouTube แบ่งให้เพื่อนๆ กลุ่มอื่นดูก็ยังได้

เป็นการใช้ทั้งไวยากรณ์และคำศัพท์ประจำบทเรียนไปด้วย มีผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไร
แต่ทำให้นิสิตมีความสนใจเรียนไม่รู้สึกเบื่อเพราะได้เจอเรื่องราวการใช้ภาษาในสถานการณ์จริงนอกห้องเรียน นิสิตเองก็ได้รู้ว่า YouTube นั้นก็ไม่ได้มีไว้เพื่อการบันเทิงอย่างเดียว ใช้ในการเรียนภาษาได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ขอให้มีอินเตอร์เน็ตจะเรียนที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ตามสะดวก แถมอาจารย์ผู้สอนห้องใหญ่อย่างดิฉันก็เบาแรงไปได้เยอะ เพราะได้ครูยู ต่างชาติหลากหลายสำเนียงมาช่วยสอนให้ฟรี  โดยไม่คิดค่าแรงเลยสักบาทนี่แหละค่ะ คุ้มจริงๆ สงสัยต้องเชิญมาเป็นวิทยากรบ่อยๆ ซะแล้ว

หมายเลขบันทึก: 413040เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2010 13:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 15:52 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท