สอนลูกให้ถูกวิธี...เริ่มให้ดีติดตัวไปนานเท่านาน


ไม่กี่วันมานี้ได้มีโอกาสช่วยพานักศึกษาแพทย์ปี 3 จากคุนหมิง ที่มาแลกเปลี่ยนระยะสั้นๆที่คณะแพทย์ ม.สงขลานครินทร์ของเราไปซื้อของก่อนจะกลับบ้านเมืองของเธอ ในวัยยี่สิบปี หนูอีวา หรือ อิ้วหัว เป็นเด็กที่นอกจากจะหน้าตาน่ารักแล้วยังเป็นคนอ่อนน้อมและมีความคิดดีๆ เป็นตัวของตัวเองและกล้าพูดกล้าทำ

เรียกได้ว่าเป็นนักศึกษาจากประเทศจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากเป็นคนที่สองที่เคยพบมา (จากที่เคยพบมาประมาณ 5-6 คน) คนแรกนั้นพบที่ออสเตรเลียค่ะ พูดได้ดีมากเพราะเขาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มาเรียนต่อทางด้านภาษาศาสตร์ (จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพูดได้ชัดเจน ติดเสียงจีนน้อยมาก) ส่วนหนูอีวานี้ท่าทางจะเป็นคนที่มีลิ้นทางภาษา เพราะเวลาที่ออกเสียงภาษาไทยเธอก็ออกได้ค่อนข้างชัดมากทีเดียว  

สิ่งที่ประทับใจจนอยากเก็บมาบันทึกฝากไว้เกิดจากการที่ได้พาเธอไปซื้อของและกินอาหารเย็น เธอกินราดหน้าได้หมดจาน เมื่อชมเธอว่ากินผักได้หมดดีจัง เด็กบางคนเขาไม่กินกัน เธอบอกว่าพ่อสอนให้กินได้ทุกอย่าง คุณพ่อของเธอเป็นนักธุรกิจ คุณแม่เป็นนักประวัติศาสตร์ ตัวเธอเองแม้จะเรียนแพทย์ และมีความตั้งใจที่จะเรียนต่อที่ต่างประเทศ (เธอพูดถึงสหรัฐอเมริกา) แต่เธอก็ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่ที่เมืองจีนกับคุณพ่อคุณแม่ และสิ่งที่เธอสนใจมาเรียนรู้ในครั้งนี้ ก็เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาในท้องถิ่นที่เธออยู่ ฟังแล้วประเมินได้ว่าเธอตั้งใจที่จะกลับไปทำงานให้ท้องถิ่นในบ้านเมืองของเธอเองแน่นอน 

เห็นได้ชัดว่าเธอได้รับการเลี้ยงดูปลูกฝังมาดี พร้อมๆกับมีธรรมชาติในตัวเองที่ดีซึ่งน่าจะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนที่ดีจากคุณพ่อ คุณแม่ของเธอนั่นเอง ได้พูดคุยแล้วก็ชวนให้คิดถึงลูกๆของตัวเอง เพิ่งได้คุยกับพี่วั้น ที่ตอนนี้เป็นนักศึกษาปีที่ 2 ของ SIIT ซึ่งถือเป็นนักศึกษาของม.ธรรมศาสตร์ด้วย กำลังไปช่วยฟื้นฟูสภาพหลังน้ำท่วมที่อ่างทอง ทั้งๆที่ลูกก็มีควิซ มีเรียนที่ค่อนข้างหนัก ฟังลูกเล่าแล้วก็นึกดีใจที่เขาแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมด้วย เรียนวิศวะ แต่ก็ยังมีไปร่วมกิจกรรมแข่ง speech ทำโน่น ทำนี่ตามแต่เทศกาลงานอะไรที่มีของมหาวิทยาลัย คิดว่าลูกใช้ชีวิตนักศึกษาได้คุ้มค่าทีเดีย

ทำให้อยากบันทึกฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายที่กำลังมีลูกวัยเด็กเล็กว่า ให้ใช้เวลาช่วงก่อนที่ลูกจะถึงวัยออกสู่โลกกว้างให้คุ้มค่าที่สุด เพราะเวลาที่เราให้กับลูก สิ่งที่เราได้เล่น ได้คุย ได้สอน ได้ใช้กับลูกนั้น ลูกซึมซับเก็บไว้กับตัวเขาได้เป็นอย่างดี เป็นภูมิคุ้มกันที่มีค่ายิ่ง เป็นช่วงเวลาที่เราคือคนสำคัญที่สุดของลูก เวลาเหล่านี้ไม่นานเลยค่ะ และเมื่อผ่านไปแล้วเราไม่สามารถจะเรียกกลับมาได้อีก ยืนยันได้จากผลงานที่เกิดกับตัวเองว่า สมบัติที่ดีที่สุดที่เราให้ลูกได้คือเวลาที่มีคุณค่าในวัยต้นๆของชีวิตลูกนี่เองค่ะ ไม่ใช่สมบัตินอกกายอะไรทั้งสิ้น  

หมายเลขบันทึก: 413411เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2010 01:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

I like what you say.

I think using right approaches (วิถี rather than methods วิธั) in showing to our kids how to spend their time of life in learning, practicing and living a "righteous" endeavor (or purpose of life) is commendable, But their endeavor should be true to each individual -- not to be forced upon by 'our' values (judgment) or biases.

สวัสดีค่ะ

สมบัติที่ดีที่สุดที่เราให้ลูกได้คือเวลาที่มีคุณค่าในวัยต้นๆของชีวิตลูก

ขออนุญาตเพิ่มนะคะว่า

สมบัติที่ดีที่สุดที่เราให้ลูกได้คือ คำสอนที่ปลูกฝังให้เขามีคุณธรรม (Virtue) เพราะจะทำให้เขามีชีวิตที่สุขสงบและไม่ตกในที่ต่ำเลย

ขอบคุณคุณ sr [IP: 124.179.129.38] มากเลยค่ะที่มาเพิ่มเติม เป็นสิ่งที่ระวังมากเหมือนกันค่ะ เพราะจะใช้วิธีสอนลูกด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด สิ่งที่เราอยากให้ลูกทำ เราจะต้องฝึกฝนที่จะประพฤติปฎิบัติให้ได้ด้วยตัวเราเองเสียก่อน ถ้าลูกเห็นว่าดี เขาก็เก็บเอาไปทำเอง ไม่อยากให้เป็นการบีบบังคับด้วยการพร่ำสอนอะไรค่ะ อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเป็นคนดีอย่างที่เราตั้งเกณฑ์เอาเอง เพราะตัวเองก็จะเป็นคนแบบที่ไม่ชอบตัดสินคนอื่น คิดว่าทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น 

ดังนั้นสิ่งที่อ.mee_pole เพิ่มให้นั้น โอ๋เองต้องทำค่ะ ไม่ใช้คำสอนใดๆ เป็นคนฟังความคิดเห็นลูกมากกว่าเอาความเห็นเราไปใส่ให้ลูกค่ะ โดยเฉพาะตั้งแต่เขาคิดเองเป็น จะแลกเปลี่ยนความคิดเรากับลูกมากกว่าจะเอาความคิดเราไปหักล้างของลูกค่ะ 

พวกรุ่นผม ติดนิสัย ด่าไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เลยเอามาใช้กับลูกๆ เพราะเคยคิดว่าพ่อแม่สอนเราไว้อย่างนั้น เรายังได้ดี  สมัยนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ว่าลูกมากๆ เคยได้ยินว่าลูกมันจะต่อยพ่อก็มี  เราลืมปิยวาจา อันเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า  เราไม่พูดโกหก  แต่เราลืมพูดวาจาอันอ่อนหวาน  พวกคุณแม่ทั้งหลายโชคดี เพราะเกิดมาก็พูดกันเพราะๆอยู่แล้ว เสียแต่คุณพ่อนั่นแหล่ะ  พูดหวานๆกับลูกไม่เป็น  เคยดูละครเรื่อง บางรักซอยเก้า  คุณพ่อแม้จะเจ้าชู้  แต่พูดกับลูกเพราะๆทุกคำ  ดูหลายวันก็ติดอยู่ในใจ  เอาคำพูดดีๆมาพูดกับลูกบ้าง  บ้านเมืองสงบขึ้นครับ 


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท