บริษัท Bain & Company กับ เครื่องมือที่ที่นิยมใช้กันที่สุด 25 ตัว คือ
1. Balanced ScoreCard : BSC หมายถึง เครื่องมือที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพันธกิจ (Mission) และกลยุทธ์(Strategy) เป็นชุดของการวัดผลการปฏิบัติงานที่มีส่วนช่วยกำหนดกรอบของระบบการวัดและการบริหารกลยุทธ์ที่ครอบคลุมประเด็นครบถ้วน ตัวเลขที่ได้จากการวัดจะทำหน้าที่วัดผลการปฏิบัติงานขององค์การที่ครอบคลุมด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ครบถ้วน เช่น ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกิจการภายใน และด้านการเรียนรู้แลการเติบโตขององค์การ
2. Benchmarking คือวิธีการในการวัดและเปรียบเทียบ ผลิตภัณฑ์ บริการ และวิธีการปฏิบัติกับองค์กรที่สามารถทำได้ดีกว่า เพื่อนำผลของการเปรียบเทียบมาใช้ในการปรับปรุงองค์กรของตนเอง เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในธุรกิจ
3. Business Process Reengineering หรือ Business Process Redisign : BPR คือความพยายามเชิงการจัดการ ที่มีความมุ่งหมายเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของกระบวนการทำงานขององค์กรตลอดทั้งระบบ
4. Collaborative Innovation Collaborative Innovation เป็นการใช้แนวทางของความเสรีทางการค้ากับตลาดกลาง(marketplace) สำหรับความคิดใหม่ต่าง ๆ อันเป็นการส่งเสริมตามแนวทางความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อผลักดันการกำหนดทรัพยากรทางด้านวิจัยและพัฒนาขึ้นมาอย่างพอเพียง โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่อยู่ภายนอกองค์กร อันได้แก่ ลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย หรือแม้กระทั่งคู่แข่ง คนเหล่านี้จะทำให้บริษัทสามารถดึงเอาแนวความคิดที่ดี ๆ (แต่มีค่าใช้จ่ายต่ำ)ออกมาจากทรัพยากรที่สุดยอดของโลก
5. Core Competencies คือ ความรู้สั่งสมที่ได้จากการเรียนรู้ในองค์การ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการ และสร้างความแตกต่างหลากหลายให้แก่ผลิตภัณฑ์ ทักษะ และการบูรณาการให้เกิดความหลากหลายทางเทคโนโลยี
6. Customer Relationship Management : CRM คือกระบวนการซึ่งบริษัทนำมาใช้ เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าของบริษัทและสนองตอบความต้องการได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
7. Customer Segmentation คือ การแบ่งตลาดออกเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีคุณลักษณะคล้าย ๆ กัน เพื่อทำให้บริษัทค้นหาความต้องการของลูกค้าลงไปในรายละเอียดได้มากขึ้น ทำให้ค้นพบในส่งที่ยังไม่เคยพบมาก่อน ในกรณีเช่นนี้ถ้าบริษัทสามารถรองรับความต้องการเช่นนี้ได้ก็จะเกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน
8. Decision Rights Tools เครื่องมือที่ชวยให้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง
9. Downsizing คือยุทธวิธีขององค์กรที่ตอบสนองความจำเป็นในการลดขนาดของธุรกิจที่ทำลง ให้เหลือแต่เฉพาะธุรกิจที่นำไปสู่ผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้น หรือการลดอัตรากำลังที่มีมากเกินไปในธุรกิจหลัก
10. Growth Strategy Tools มุ่งเน้นไปที่การใช้ทรัพยากรเข้าเกาะกุมโอกาสเพื่อให้ผลประโยชน์เติบโตมากขึ้น จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การเติบโตของผลกำไรซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้สามารถทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่าผลกำไรซึ่งได้มาจากการลดต้นทุน ประมาณ 25-100%
11. Knowledge Management : KM เป็นการสร้างระบบและกระบวนการเพื่อรวบรวมองค์ความรู้อันถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาและแบ่งปันให้พนักงานแต่ละคนหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้เรียนรู้
12. Lean Six Sigma สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกกระบวนการ เพื่อขจัดลดสาเหตุความสูญเปล่าทางด้านเวลา โดยเฉพาะการวิเคราะห์ขั้นตอนหรือกิจกรรมที่ใช้เวลาการไหลในกระบวนการสูงสุดและส่งผลให้เกิดปัญหาคอขวด และดำเนินการขจัดสาเหตุหลักของความสูญเปล่าด้วยปรัชญาไคเซ็นและเครื่องมือลีน เพื่อให้กระบวนการเกิดความน่าเชื่อถือทั้งในด้านต้นทุน คุณภาพ และมีความยืดหยุ่นในการการตอบสนองกับความเปลี่ยนแปลง ทำให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น
13. Loyalty Management Tools เป็นการเพิ่มรายได้และผลกำไรให้กับธุรกิจโดยการปรับปรุงการรักษาเอาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าของบริษัท พนักงาน และ ผู้ลงทุนทั้งหลาย
14. Mergers and Acquisition คือการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ
15. Mission and Vision Statement เป็นการกำหนดธุรกิจขององค์กร เป้าประสงค์ และแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ข้างต้น
16. Online Communities การสร้างชุมชนออนไลน์
17. Outsourcing การจัดหาจากภายนอก เป็นวิธีการที่องค์กรธุรกิจจัดหาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ซึ่งครั้งหนึ่งอาจจะเคยถูกดำเนินการภายในองค์กร มาเป็นการจัดหาจากแหล่ง ภายนอกแทน (Outsourcing) จะทำให้องค์กรเล็กลงแต่คล่องตัวขึ้น ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆลงได้ และสามารถเน้นการดำเนินการเฉพาะแต่กิจกรรมที่เป็นกิจกรรมหลักซึ่งองค์กรมีความถนัดจัดเจน ทำให้สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
18. Price Optimization Models หากแปลตรงตัวก็คือแบบของการใช้ราคาที่เหมาะสม เป็นเครื่องมือในทางธุรกิจที่ผู้บริหารใช้ในการช่วยในการหาราคาที่เหมาะสมที่จะทำให้เกิดกำไร เป็นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่คำนวณปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความยืดหยุ่นของราคา อุปสงค์ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงราคา รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้า รวมตลอดถึงข้อมูลการ Stockสินค้าของบริษัทของบริษัท เพื่อกำหนดเป็นราคาที่เหมาะสมที่จะทำให้เกิดกำไร และราคาที่สอดคล้องกับอุปสงค์/อุปทาน หรือราคาที่ขายสินค้าหรือบริการได้ ซึ่งมองทั้งด้านของผู้ขายและผู้ซื้อ หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นเครื่องมือในการคำนวณราคาที่เหมาะสมที่จะทำให้เกิดกำไร โดยดูจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แทนที่ผู้บริหารจะมากำหนดราคาสินค้าหรือราคาของบริการโดยอาศัยสัญชาตญาณ หรือความรู้สึกส่วนตัว
19. Scenario & Contingency Planning : SCP เป็นการวางแผนรองรับสิ่งที่ถ้าเกิดขึ้นในวันข้างหน้า โดย Scenario Planning จะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูง สำรวจและเตรียมการทางเลือกต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในอนาคต เนื่องจากเป็นการวางแผนรับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
20. Shared Service Centers : SSC เป็นการลดต้นทุนโดยการใช้การดำเนินการร่วมกันจากหลาย ๆ แผนก เช่น แผนกการเงิน แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ แผนกให้บริการลูกค้า แผนกทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น (จะเห็นว่า เป็นแผนกที่อยู่ด้านหลัง (Back office))
21. Strategic Alliances คือข้อตกลงระหว่างองค์การต่าง ๆ โดยแต่ละฝ่ายมุ่งมั่นว่าจะ ให้ทรัพยากรต่าง ๆ บรรลุถึงเป้าสงค์อันใดอันหนึ่งในกลุ่มของเป้าประสงค์หลาย ตัว
22. Strategic Planning คือ กระบวนการทำความเข้าใจในการหาว่า ธุรกิจจะเป็นอะไร และจะทำอย่างไรธุรกิจจึงจะไปถึงเป้าหมายได้ดีที่สุด
23. Supply Chain Management : SCM เป็นการการบริหารวัตถุดิบ ข้อมูล และการเงิน นับตั้งแต่กระบวนการจากผู้ส่งมอบวัตถุดิบ ถึงผู้ผลิต ถึงผู้กระจายสินค้า ถึงตัวแทนจำหน่าย และถึงผู้บริโภคในขั้นตอนสุดท้าย การบริหารห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นการประสานกลยุทธ์การทำงานของหน่วยธุรกิจทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดจำนวนสินค้าคงคลัง และเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้สูงสุด
24. Total Quality Management : TQM หรือการบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์การ และการบริหารคุณภาพแบบองค์รวม เป็นต้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า TQM หมายถึง การบริหารคุณภาพโดยรวม
25. Voice of the Customer Innovation หากแปลตรงตัวก็คือการรับฟังเสียง(ความคิดเห็น)ของลูกค้าหรือผู้รับบริการเพื่อนำไปสู่นวัตกรรม มองจากภาคเอกชน กระบวนการรับฟังเสียงของลูกค้าจะเริ่ม จำแนกลูกค้า กลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวข้องออกอย่างชัดเจน แล้วจึงกำหนดว่าลูกค้าประเภทใด หรือกลุ่มลูกค้าลักษณะใดเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสามารถกำหนดวิธีการและกลยุทธ์ที่จะทำให้ลูกค้าเป้าหมายหันมารับบริการหรือซื้อสินค้า ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ไม่มีความเห็น