การสร้างมิติจิตวิญญาณสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลสู่การเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น


ถอดบทเรียนจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ                                      1.

SALTOGENESIS & SELF TRANSCINDENCE WORKSHOP

การสร้างมิติจิตวิญญาณสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลสู่การเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น 

วันที่  2-5  พ.ย  2553   ณ. โรงแรม ฮอลิเดย์   การ์เด้น จ.เชียงใหม่

บทเรียนเกี่ยวกับร่างกาย  หัวใจและจิตวิญาณของการเป็นมนุษย์                                                       

            อยากให้ทุกๆคนได้มีโอกาสเช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่ได้ถูกเลือก........ได้หยุด มองตัวเองและย้อนระลึกถึงความเป็นไปเป็นมาของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่ชีวิต เล็กๆเกิดมาลืมตาดูโลก  กี่มือ  กี่ลมหายใจ   ที่โอบอุ้ม ทะนุถนอม  ปกป้อง  ฝึกฝน สั่งสอน จนสามารถยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้    ข้าพเจ้าได้รับรางวัลของชีวิตจากอาจารย์สกลให้มีสิทธิได้หยุดลงนั่งพัก นิ่งๆ   หลับตาและกลับมาอยู่กับตัวเอง  อยู่กับลมหายใจและอากาศที่ไหลผ่านเข้า – ผ่านออกไปอย่างช้าๆ   มันเป็นเวลาที่มีความหมายและมีค่ามากที่สุดที่เคยได้มีและได้รับ  ได้ปลดปล่อยทุกอย่างที่เคยเกาะกุมและยึดมั่นถือมั่นเอาไว้และเป็นอิสระจากคำ ว่า....สิ่งนั้น....สิ่งนี้...    ดูสิ กว่าจะได้หยุดมองดูตัวเองจริงๆสักครั้ง      หลังจากกายภาวะนาก็พบว่าร่างกายของข้าพเจ้าดูอ่อนล้าลงไปมากแล้ว  ข้อต่อบางข้อมันเริ่มติด    กระดูกหลังและเข่าบางชิ้นมันคงเริ่มสึกยามเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เสียงกรึบที่ดังขึ้นมาจากภายในตัวข้าพเจ้าราวกับจะกระซิบว่าถึงเวลาที่ ข้าพเจ้าต้องดูแลเขาแล้ว    

            วันนี้ได้มีเวลาทบทวนหวนกลับไปดูชีวิตของตัวเอง ภายในห้องโล่งๆทิ้งตัวตนลงนอนบนหมอนสีขาวกับผ้าคลุมตัวสีน้ำตาลผืนหนึ่ง  พอเริ่มหลับตาจำได้ว่าเราคนนี้เองที่คอยเฝ้าหาไขว่คว้าแต่คำว่าความสุข  ความสุขและความสุข

เคยคิดว่ามันอยู่ตรงนั้นตรงนี้ อยู่กับคนนั้นอยู่กับคนนี้  จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานจึงพบว่ามันอยู่ในตัวของข้าพเจ้าเอง

             ช่วงชีวิตการทำงาน เคยเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมสองมือสองบ่าตลอดเวลามันช่างหนักอึ้งกับการแบก เรื่องราว  ความทุกข์  ความสุข  ความผิดพลาด  ความคาดหวังอะไรต่อมิอะไรเอาไว้มากมายทั้งของตัวเอง และ คนรอบข้าง ทุกอย่างดูหนักจนบางครั้งแทบจะก้าวเท้าต่อไปไม่ไหว ........เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ที่อาจารย์วิธานกล่าวว่า

      “ 95%ในสมองของเราเป็นความคิดด้านลบซึ่งทำร้ายเราสร้างความตึงเครียดให้กับตัวเรามันอยู่กับเราจนเราไม่รู้ตัว “

      “ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่เราต้องเกิดมาโดยถูกกำหนดให้มาทำหน้าที่ในการดูแลรักษา เยียวยาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน “

      “ เราได้มีอภิสิทธ์ที่จะเป็นผู้ทำงานเพื่อสุขภาวะของเพื่อนมนุษย์เหล่านั้น “       

           ยี่สิบสี่ปีกับชีวิตการเป็นพยาบาล   กี่ชีวิต  กี่ลมหายใจ ของเพื่อนมนุษย์ที่เคยผ่านเข้ามาและผ่านออกไปเรื่องราวเล่านั้นยังเป็นความ ทรงจำที่มีคุณค่าของข้าพเจ้าเสมอ    วันที่เหลือต่อไปข้างหน้าคงเป็นเวลาที่ได้เลือกเดิน.......ด้วยจิตและวิญญาณ ให้กับเพื่อนมนุษย์เพราะอย่างน้อยในวันนี้ข้าพเจ้ามียังมีต้นทุนชีวิตที่ได้ จากการเยียวยา  ยอมรับคุณค่าในตนเองและได้รับการแบ่งปันจุดประกายภาพฝันแห่งจินตนาการที่เคย ถูกฝังลึกให้กลับคืนมาโดยเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในวันนั้น

 

            อยากขอบคุณทุกๆคนที่เคยเป็นผู้ให้.........แก่ข้าพเจ้าตลอดการเดินทางของ ทุกช่วงชีวิตที่ผ่านมา                                       

            อยากจะบอกว่าขอบคุณจริงๆ

 

 

 

                                                                                                        ถอดบทเรียนจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ                                        2.

SALTOGENESIS & SELF TRANSCINDENCE WORKSHOP

การสร้างมิติจิตวิญญาณสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลสู่การเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น 

 

 

บทเรียนเกี่ยวกับการเป็น Coach      Give  and  Believe  Care

        “โค้ชบางทีเป็นแค่ป้ายบอกทางแยกข้างหน้าเขาจะต้องเจออะไรสุดแท้แต่เขาจะเลือกไปทางไหนเขาจะต้องเลือกเอง

             “โค้ชแค่เป็นเพียงคนที่คอยหล่อเลี้ยงให้เขาเหล่านั้นสามารถดำรงอยู่หรือทำงานอยู่ต่อไปได้เท่านั้น

             “ เคยคิดบ้างไหมทำอย่างไรให้เขาเหล่านั้นขึ้นไปยืนอยู่อย่างสง่างามกว่าเรา

“ วันนี้เราทำอะไรให้ใครเกิดแรงบันดาลใจ  ทำให้ใครมีศักยภาพมากขึ้นหรือยัง

              “ I   be  me    หรือ    I  be  you  

            อาจารย์ วรวุฒ์ ให้ถามตัวเองว่ามีหลายครั้งใช่มั้ยที่เรากลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้าโดยคิด เองว่าฉันเหนื่อยล้าเพราะว่าฉันต้องรับภาระเป็นผู้ดูแลเป็นผู้รักษา   หรืองานนั้นเพราะฉันเป็นคนทำมันมันจึงยังอยู่  องค์กรคงไม่อยู่รอดพ้นมาได้ถ้าไม่มีฉัน  หรือ เพราะสิ่งเหล่านั้นฉันเป็นผู้สร้างมัน     ทุกวันนี้ เราสร้างคนให้อ่อนแอและรู้สึกต้องพึ่งพาเราตลอดเวลาใช่หรือไม่   เราเป็นผู้แก้ทุกปัญหาใช่หรือไม่     เราต้องทำทุกอย่างในงานนั้นใช่หรือไม่   ควรกลับไปคิดใหม่ว่าทำอย่างไรให้องค์กรหรือระบบหรือคนที่เหลือสามารถดำรง อยู่อย่างเข้มแข็งบนความสำเร็จต่อไปได้    แม้ไม่มีเรา  เรามีใครที่จะเป็นทายาทคนต่อไป   สำหรับคนที่อยู่รอบข้างเรากลับมาย้อนถามตัวเองว่าที่ผ่านมาเราเคยทำอะไรไป บ้างเพื่อคนเหล่านั้น....    ใครเคยเป็นมือ  เป็นสมอง  เป็นกำลังใจ  เป็นแม้ลมหายใจให้เราได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง   คนที่เป็น winner มีอยู่ไม่กี่คนแต่คนที่เป็นตัวประกอบให้คนๆนั้นมีอยู่มากมาย   เราเคยขอบคุณคนเหล่านั้นมั้ย    ใครที่ทำให้เราสวยงามและเติบโตตั้งแต่เกิดมา  เราอาจต้องใช้เวลามากมายที่เหลืออยู่เพื่อขอบคุณและตอบแทนคนเหล่านั้น    

 

 

 

                  สำหรับฉันยังไม่สายใช่มั้ยที่จะยกมือไหว้ขอบคุณ..............โค้ชทุกๆคนที่ฝึกฝนให้เราเป็นเราเช่นทุกวันนี้.

                    และยังจำได้ดีตลอดหนทางที่ยาวไกลมีใครอีกหลายคนที่ยอมเป็นตัวประกอบอดทนให้กับเรา..................

                   สำหรับความหวังของวันนี้อยากมีใครสักคนร่วมส่งผ่านความรักและความห่วงใยให้กับใครก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัวเรา

 

 

 

                                                                                                         ถอดบทเรียนจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ                                        3.

SALTOGENESIS & SELF TRANSCINDENCE WORKSHOP

การสร้างมิติจิตวิญญาณสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลสู่การเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น 

 

 

บทเรียนเกี่ยวกับการเยียวยา.......  การมองเห็นคุณค่าในตัวเอง

                     บางครั้งหรือหลายๆครั้งเราเคยคิดหรือรู้สึกว่าจะเริ่มต้นทำอะไรที่ดีดีสัก อย่างสมองมันก็เริ่มถามตัวเองกลับมาอีกว่าจะตั้งต้นแบบใหน   กับใคร    หรือเพื่ออะไร.....สุดท้ายกลายเป็นการที่ยังไม่ได้เริ่มต้น.........สักที

                      อาจารย์พัฒนาบอกว่ากลับมาอยู่กับตัวเอง  ลองคิดให้ช้าลง    ลองมองให้ช้าลง   ลองทำให้ช้าลง   ช้าลงกว่าที่เคยทำ เธอรู้ดีมีกี่เรื่องที่เธอต้องทำ   จงคิด  มอง   ฟัง  แค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วจะรู้เองว่าเธอต้องทำอะไร  

                     เราก็ได้แต่นึกขำ  ขำ เพราะวันนี้สิ่งแรกที่ตัวเราได้ทำเป็นเพียงการที่เรานั่งเงียบๆแล้วก็หลับตา ลงรับรู้แค่ว่าลมหายใจของเรามันกำลังหายใจเข้าหรือว่าหายใจออก   ร่างกายของเราบางคนคงไม่ปฏิเสธว่าแม้มันจะอยู่กับเรามานานหลายสิบปีเราไม่ เคยรู้จักมันจริงๆ   เราไม่เคยได้ใส่ใจมันจริงๆสักครั้งว่าทุกวันนี้เราทำอะไรที่ดีดีกับมันบ้าง หรือยัง หรือว่าเรายังคงทำกับมันเหมือนเดิม  

                     อาจารย์วิธานบอกว่าถ้าการรับรู้ของเราเป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งที่เราเห็น เดี๋ยวรัก เดี๋ยวชอบ เดี๋ยวเกลียด เดี๋ยวชื่นชมวนเวียน เราเฝ้าเสพแต่สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนไป  เราเสพโดยไม่เข้าใจ   ทุกวันนี้เรากลัวอะไร   ทุกวันนี้เราทำอะไร ทำไมเราจึงยังไม่มีความสุขจริงๆสักที   เลิกเอาสิ่งที่เป็นด้านลบ   เลิกเอาสิ่งที่เป็นทุกข์   คำพูดที่เคยถูกสบประมาทและประสบการณ์เก่าๆที่เป็นฝันร้ายที่มาเก็บไว้กับตัว เราซะที       จิตใจเหมือนกระจกที่เริ่มพร่ามัว  ผ่านฝน  ผ่านลม  ผ่านร้อน  ผ่านหนาว   สุข   เศร้ามามากมาย    มาเช็ดกระจกให้กับจิตใจของเราเพื่อจะได้มองเห็นสิ่งต่างๆภายนอกได้ชัดเจน ขึ้น

                     วันนี้ฉันอยากให้ทุกๆคนได้มีโอกาสได้ ตื่นขึ้นมาพบกับความรักและการให้อภัยกับสิ่งที่เราเคยเรียกมันว่าความมัว หมองในจิตใจแล้วจะรู้ว่าวันนี้เรากำลังทำสิ่งที่เรียกว่าดี ดีให้ตัวเราเองอยู่เช่นกัน    ความสุขบางทีแค่อยู่ที่เรายอมรับคนที่เห็นต่างจากเราเท่านั้นเอง

 

 

 

                                                                                                         ถอดบทเรียนจากการ      ประชุมเชิงปฏิบัติการ                              4.

SALTOGENESIS & SELF TRANSCINDENCE WORKSHOP

การสร้างมิติจิตวิญญาณสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลสู่การเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น 

 

 

บทเรียนเกี่ยวกับการฟัง   

                         ฟังแต่ว่ากลับไม่ได้ยิน 

                         ฟังแต่ร่วมตัดสินใจ  / ร่วมออกความคิดเห็นผสมไป 

                         ฟังแบบตั้งใจ  และรับรู้   ไม่ตัดสิน   ไม่ต้องมีข้อมูลใดมาเพิ่มเติม

                  ฉันเชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าตัวเองเช่นเดียวกับตัวฉันว่าที่ผ่านมาเราเคยฟัง แบบไหน.......แล้วบางคนเคยได้ฟังเสียงเตือนตัวเองบางหรือไม่  อย่าหันหลังให้กับสิ่งดี ดีในชีวิตเพียงเพราะเราไม่คิดจะฟังเสียงของใครแม้แต่เสียงของความรู้สึกจาก จิตใต้สำนึกในด้านดีของตัวเราเอง

โดย คุณอรพรรณ มันตะรักษ์ งานอุบัิติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพิจิตร

หมายเลขบันทึก: 415290เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2010 13:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ไม่มีโอกาสได้ไปอบรมเรื่องนี้ค่ะ แต่เนื้อหาดีจังเลย ทำให้เราเห็นคุณค่าของตนเอง และคุณค่า -ความดี ของผู้อื่น

ที่ รพ.สีชมพูมีจนท.ไปอบรม 2 คนค่ะ พอกลับมาเราเลยมีเวทีให้แลกเปลี่ยน โดยผู้ที่ไปอบรมมามาเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง จริงๆแล้วเป็น

เรื่องที่น่าสนใจมากแต่เวลามีน้อยเลยไม่สามารถถ่ายทอดได้ ทั้งหมด แต่.. รับรู้ได้ว่าคนที่ไปอบรมมา มีความสามารถจริงๆ

มีความเข้าใจ ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนมากเลย

และขอชื่นชม คุณอรพรรณ นะคะถ่ายทอดได้ดีมากเลยค่ะ

ขอบคุณ คุณติ๋ม shs pink

เราเพียงอยากให้ถ้อยคำที่ดีดีของอาจารย์ถูกถ่ายทอดให้คนที่ไม่มีโอกาสไป work shop

ได้สัมผัสและรู้ว่าเราสามารถมีความสุขได้ไม่ยาก.....เพียงเราปิดประตูความคิดลบๆในใจ

อาจารย์บอกไม่ต้องพยายามบอกตัวเองให้คิดบวกแต่ให้เรียนรู้ที่จะคิดบวก

และขึ้นอยู่กับว่าเราจะกล้าเปลี่ยน...ตัวตนของเราเอง....หรือเปล่า

หรือจะลองมาเช็ดกระจกหัวใจ...ให้กับตัวเราเองดูบ้างไหม

ก็เท่านั้นเราก็จะเจอมัน...............ความสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท