ความเป็นมา
โรงเรียนมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) เป็นนวัตกรรมการจัดการศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นำมาใช้เป็นมาตรการเร่งด่วนในการจัดยกระดับการศึกษาให้มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าสากล ให้ผู้เรียนมีศักยภาพและความสามารถแข่งขันทัดเทียมกับผู้เรียนนานาชาติ โลกศึกษา (Global Education) เป็นหนึ่งรายวิชาของสาระสากลที่บรรจุไว้ในหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล มีลักษณะเป็นสหวิทยาการ (Interdisciplinary) มุ่งเน้นการเพิ่มพูนความรู้ ความคิดรวบยอดและเนื้อหาสาระของวิชา หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาในมิติขยายกว้างระดับโลก
โลกศึกษาเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงลึก ทั้งด้านพื้นฐาน ความคิด ความรู้สึก และการกระทำที่มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเชื่อมโยงประสานความสัมพันธ์ ความเสมอภาคเท่าเทียม ความยุติธรรมในสังคม ความเข้าใจกันระหว่างมนุษย์ โดยมีขั้นตอนหลักในการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง การวิเคราะห์สถานการณ์โลกปัจจุบัน เพื่อการกำหนดทิศทางหรือพัฒนารูปแบบวิธีการในการแก้ไขปัญหา และกระบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อมุ่งสู่ความเป็นพลเมืองโลก การเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่นที่จะส่งผลต่อระดับโลก ทำให้ผู้สอนมีความสนใจที่จะพัฒนารูปแบบการสอนโลกศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยปัจจุบัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ในระดับท้องถิ่นกับระดับโลกกว้างโดยใช้แหล่งวิทยาการในชุมชนเป็นฐานของการจัดการเรียนรู้
วัตถุประสงค์
1. พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาโลกศึกษาของโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี
2. ศึกษาผลสัมฤทธิ์การจัดการเรียนการสอนวิชาโลกศึกษาโดยใช้แหล่งวิทยาการในชุมชน
วิธีการดำเนินการ
ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาโลกศึกษาของโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2553 ผู้สอนได้ดำเนินการดังนี้
1. ทำการวิเคราะห์บริบทของโรงเรียนและการจัดหลักสูตรมาตรฐานสากลของกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี ด้วยกระบวนการเรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติจริง (Action Learning) ผลการวิเคราะห์ได้ข้อสรุปในการดำเนินการควร พัฒนาจากรากฐานที่แข็งแกร่ง ยึดหลักการพัฒนาต่อยอดจากฐานเดิม ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยผลงานเด่นที่เป็นต้นทุนเดิมอยู่ 2 ประการ คือ
1.1 มีการจัดหลักสูตรที่หลากหลายสอดคล้องกับบริบทของสังคมและท้องถิ่น ด้วยการเปิดสอนรายเพิ่มเติม ได้แก่ วิชาตามรอยพระยุคลบาท ภูมิปัญญาไทย เพชรบุรีศึกษา ภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว จีนศึกษา Phetchaburi Studies Environment Studies และ วิชา World Today เป็นต้น
1.2 มีการจัดการเรียนรู้จากชุมชนสู่โลกกว้าง การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ของท้องถิ่นได้แก่ การพัฒนารูปแบบการสอนที่ใช้แหล่งวิทยาการภายในชุมชน ในรายวิชาต่าง ๆ
2. กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาวิชาโลกศึกษาดังนี้
2.1 เปิดสอนรายวิชาโลกศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 8 ห้องเรียน ภาคเรียนละ1 ชั่วโมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต
2.2 บูรณาการสาระโลกศึกษาในรายวิชาพื้นฐานต่าง ๆ เช่น วิชาสังคมศึกษา 6 หน่วยการเรียนโลกและวิทยาการ เป็นต้น
2.3 บูรณาการสาระโลกศึกษาในรายวิชาเพิ่มเติม ซึ่ง ได้แก่ รายวิชาภูมิศาสตร์กับการท่องเที่ยว รายวิชาประวัติสังคมและวัฒนธรรมไทย
3. พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโลกศึกษาโดยใช้แหล่งวิทยาการในชุมชน
คำว่า Community Resource เป็นคำที่นักวิชาการไทยได้ให้ความหมายแตกต่างกันไป เช่น แหล่งวิทยาการในชุมชน แหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน แหล่งความรู้ชุมชน แหล่งวิชาในชุมชน แหล่งทรัพยากรในชุมชน และแหล่งการศึกษานอกโรงเรียน เป็นต้น การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้หรือแหล่งวิทยาการในชุมชน มีความหมายรวมถึง ทุกสิ่งทุกอย่างในชุมชนที่นำมาใช้เป็นตัวอย่างให้เกิดแนวคิด ข้อสรุป ค่านิยมแก่ผู้เรียน เป็นแหล่งวิทยาการที่รวมไปถึงสถานการณ์ต่างๆ ในชุมชนทุกรูปแบบที่ครูผู้สอนสามารถนำมาออกแบบการเรียนรู้เพื่อนำมาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ฝึกฝนสติปัญญา ความคิด และเจตคติต่าง ๆ
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้จากแหล่งวิทยาการในชุมชน
3.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นขั้นตอนแรกที่ผู้สอนจะต้องกระตุ้นชักจูง โน้มน้าวให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้น และสนใจอยากค้นคว้าหาความรู้ โดยผู้สอนใช้เอกสาร การสนทนา ทบทวนประสบการณ์เดิม เพื่อเชื่อมโยงกับประสบการณ์ใหม่ที่ต้องเรียนรู้ โดยใช้กรณีศึกษาเรื่องราวจากชุมชนข้อมูลข่าวสารจากชุมชนในการสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนได้ตอบสนอง
3.2 ขั้นศึกษา/วิเคราะห์ เป็นขั้นตอนการแบ่งกลุ่มผู้เรียนทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกันโดยการแสวงหาความรู้ แสดงความคิดเห็นร่วมกันวิเคราะห์และหาข้อสรุปในประเด็นที่ได้ตั้งไว้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนผู้เรียนได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกกลุ่ม ศึกษาเรียนรู้จากสื่อและแหล่งวิทยาการในชุมชน ตัวแทนของกลุ่มนำเสนอผลงานของกลุ่มด้วยวิธีการที่หลากหลาย โดยที่ผู้สอนทำหน้าที่อภิปรายให้กลุ่มใหญ่ร่วมกันวิเคราะห์ให้ข้อมูลในประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน
3.3 ขั้นปฏิบัติ/ฝึกหัด/ทดลอง เป็นขั้นที่ผู้เรียนได้ทดลองฝึกปฏิบัติตามขั้นตอน ฝึกการคิดวิเคราะห์ จินตนาการ สร้างสรรค์ ผ่านการจัดทำโครงงานเรียนรู้ในชุมชน โดยผู้สอนเป็นที่ปรึกษาดูแล ช่วยเหลือและประเมินการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาหากมีปัญหาเกี่ยวกับแหล่งวิทยาการที่ใช้ในการศึกษา โดยผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันวางแผนในการใช้แหล่งวิทยาการในชุมชนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้
3.4 ขั้นสรุปและเสนอผลการเรียนรู้ เป็นขั้นที่ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะได้ประมวลความรู้จากประสบการณ์ทั้งหมดมาวิเคราะห์ สังเคราะห์เป็นความรู้ใหม่ วิธีการใหม่ สรุปและนำเสนอสิ่งที่ค้นพบต่อกลุ่มใหญ่ในรูปแบบที่หลากหลาย เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เกิดการขยายเครือข่ายความรู้อย่างกว้างขวาง ทำให้การเรียนรู้มีความหมายยิ่งขึ้น
3.5 ขั้นปรับปรุงการเรียนรู้/นำไปใช้ เป็นขั้นที่ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มปรับปรุงผลงานของตนเองที่ได้จากการนำเสนอของแต่ละกลุ่มในการปรับปรุงผลงานนั้นอาจนำความรู้ที่ได้จากกลุ่มอื่นมาพัฒนาให้ดีขึ้น หรือเกิดความคิดใหม่ สร้างสรรค์งานที่ต่างไปจากเดิม หรืออาจได้รับแนวคิดจากข้อเสนอแนะของผู้สอนมาประยุกต์สร้างผลงานใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงของสังคมและชุมชนของตนได้
3.6 ขั้นการประเมินผล วัดผลประเมินผลตามสภาพจริง โดยเน้นการวัดผลจากการปฏิบัติจริง จากชิ้นงาน รายงานผลการทำโครงงานที่ลงปฏิบัติจริงจากชุมชน ผู้เรียนประเมินตนเอง ผู้สอนมีบทบาทร่วมวัดและประเมินผลด้วย
ผลการดำเนินการ
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนรายวิชาโลกศึกษา 1 สูงขึ้นในระดับดีและดีมาก เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบริบทของโลกและชุมชนของตน
2. นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิชาโลกศึกษา มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนของตนในฐานะพลเมืองโลก มีความสุขต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่นในฐานะสมาชิกของกลุ่มสังคม
การสะท้อนความคิดเห็นต่อผลงาน
1. ความสำเร็จของการจัดการเรียนการสอนโลกศึกษาโดยใช้แหล่งวิทยาการในชุมชน เป็นผลมาจากวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เริ่มจากบริบทชุมชนของผู้เรียน นำสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวผู้เรียนมาเป็นฐานของการเรียนรู้ มาบูรณาการกับวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญหลายวิธีด้วยกัน เช่น การสอนแบบสืบสวนสอบสวน การสอนด้วยโครงงาน การสอนที่เน้นการปฏิบัติจริง
2. การจัดการเรียนรู้โดยใช้แหล่งวิทยาการในชุมชนสามารถนำไปใช้ในสาระมาตรฐานสากลอื่นๆ ได้ทุกสาระ ซึ่งได้แก่
1. ทฤษฎีความรู้ (Theory of Knowlededge : TOK) ด้วยการใช้ชุมชนเป็นฐานของประเด็นในการศึกษา ทดลอง วิจัย ตอบโจทย์ปัญหาสังคม การเปลี่ยนแปลงสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยองค์ความรู้ต่าง ๆ
2. ความเรียงชั้นสูง (Extended-Eassay : EE) ด้วยการเขียนเรียบเรียงผลงานการศึกษา วิจัย องค์ความรู้ใหม่ จากชุมชนนำมาเสนออย่างมีระบบ
3. กิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์ (CAS : Creativity,Action,Service) ด้วยการเรียนรู้ภูมิปัญญาจากชุมชน สร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนและชุมชน
การจัดการเรียนการสอนวิชาโลกศึกษาโดยใช้แหล่งวิทยาการในชุมชน จึงเป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนได้รู้เข้าใจบทบาทของตนเอง ท้องถิ่น ประเทศและสังคมโลก สอดคล้องกับความมุ่งหวังในการจัดการเรียนรู้โรงเรียนมาตรฐานสากลที่สังคมไทยต้องการ
ไม่มีความเห็น