มองยือนหลัง 2553 และมองปี 2554


บทความแนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2553

ติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้

http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1

 

มองย้อนหลัง 2553 และมองปี 2554

 

ผมอวยพรปีใหม่ 2554 ให้แก่ท่านผู้อ่านและทีมงานของแนวหน้าที่กรุณามองคอลัมน์วันเสาร์กับผมสม่ำเสมอ คอลัมน์ “บทเรียนความจริง” ของผม ก็กลายเป็นแหล่งข้อมูลและแนวคิดที่ผู้อ่านหลายๆท่านนำไปคิดต่อ บางท่านก็ใช้ในการทำกิจกรรมร่วมกับผมต่อไป อย่างน้อยเป็นสื่อความรู้และสื่อทางเลือก

ผมยินดีเป็นแนวร่วมกับทุกๆท่าน การได้ความรู้ได้แรงบันดาลใจ กระจายข้อมูลต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยของเราอยู่อย่างยั่งยืน

จะพึ่งพากลุ่มใด กลุ่มหนึ่งคงไม่ได้ โดยเฉพาะภาครัฐ คนไทยมีหน้าที่อะไรก็ทำให้ดีที่สุด ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งไว้

ปี 2553 ที่กำลังจะผ่านไป มีหลายเรื่องเกิดขึ้น

แต่เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือความสุขของประชาชนคนไทยที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ มีกิจกรรมที่พระองค์ทรงพอพระทัย เป็นเรื่อง ดนตรี กีฬา (F1) ที่ทำให้ทรงพระเกษมสำราญ

ปี 2554 ก็เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา การเฉลิมฉลองควรจะยิ่งใหญ่กว่าปีนี้ คนไทยควรจะเริ่ม วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นวันแรกของการเฉลิมฉลอง

คนไทยทุกๆ คนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ คงจะต้องค้นหา รากเหง้า ของตัวเองว่า อยู่เมืองไทย ค้นหาการเป็นคนไทย พระเจ้าอยู่หัวทรงทำอะไรให้แก่ราษฎรมากมาย คนไทยเรียนประวัติศาสตร์ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ

ปี 2553 เป็นปีอัปยศ ขาดศักดิ์ศรีของกีฬา ฟุตบอลทีมชาติไทยยังกู่ไม่กลับภายใต้การนำของคุณวรวีร์ มะกูดีก็ล้มเหลวติดต่อกัน 2 ปี แต่ด้วยความไม่เห็นความสำคัญในเกียรติและศักดิ์ศรีก็ยังตะแบง บอกว่าฉันไม่ผิด ผมพูดเรื่องนี้หลายหน จะพูดอีกไม่บ่อยแล้ว เพราะในขณะนี้มีคนคิดและแค้นคุณวรวีร์มากมายทั่วประเทศ

อยากให้คุณวรวีร์ มองกีฬาฟุตบอลว่าเป็นความ ภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีของคนชาติไทย ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มเท่านั้น ปี 2554 ชีวิตของคุณวรวีร์ก็จะชอกซ้ำมากขึ้นเพราะความไร้ประสิทธิ์ภาพก็จะฉายแสงออกมาเรื่อยๆ และที่สำคัญอย่าใช้วิธีสกปรกให้นักข่าวเขียนเชียร์แบบไร้เหตุผล นักข่าวเหล่านั้นก็ควรสำนึกตัวเองว่า

“ทำไปเพื่ออะไร? ประเทศไทยได้อะไร?”

ถ้าทีมชาติไทยเข้มแข็ง ก็ไม่มีใครว่าอะไร คุณจะเป็นกี่สมัยก็ไม่มีใครแย่งตำแหน่งคุณหรอก

ปี 2553 เป็นปีของการเมืองที่รุนแรง ก่อน 19 พฤษภา และในที่สุดหลังพฤษภา 2553 ก็สงบ คำถามก็คือ ปี 2554 จะสงบจริงหรือไม่?

ผมฟังธงเลยว่า ไม่มีอะไรแน่นอน อยู่ที่ คนไทย ทุกคนจะต้องเฝ้ามอง โดยไม่ประมาทเด็ดขาด

ก็มีนักคิดหลายๆ คนมองว่าโอกาสจะรุนแรงอย่างแดงทั้งแผ่นดินหรือสงครามการเมือง น่าจะลดโอกาสไปบ้าง แต่ก็อย่าวางใจ

ยิ่งการเลือกตั้งจะมาถึง ฝ่ายคุณทักษิณก็ดูว่าถ้าโอกาสชนะการเลือกตั้งของ พรรคเพื่อไทยยังมีโอกาสเป็นรัฐบาลอยู่ก็จะสงบชั่วคราว แต่ถ้ามองว่ามีโอกาสเป็นฝ่ายค้าน ก็คงจะต้องดูกันต่อไป ความรุนแรงอาจจะมากขึ้น

ทุกๆอย่างอยู่ที่ คุณอภิสิทธิ์ว่าจะจัดการการเมืองอย่างไร? ตัวแปรที่น่าคิดก็คือฝ่ายคุมกำลัง โดยเฉพาะต้องอ่านความคิดลึกๆ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาด้วย

เศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าระดับ Macro โตขึ้นมาก 8% แต่ระดับรากหญ้ายังกระจายไปไม่ถึง แต่ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ก็บริหารเศรษฐกิจไดดีพอควร

ความเสี่ยงในปี 2554 คือ

* ราคาน้ำมัน

* เงินเฟ้อและดอกเบี้ย (ขาขึ้น)

* อเมริกาฟื้นตัวช้าเพราะมีปัญหาการว่างงาน

* เงินบาทแข็ง

* ยุโรปยังมีหนี้เน่าอยู่มาก

ปี 2554 ในด้านเศรษฐกิจ น่าจะเป็นปีที่เริ่มการมองระยะยาวว่า เศรษฐกิจในอนาคตจะเข้มแข็งยั่งยืนอย่างไร?

* การลงทุนในเรื่อง R&D

* การลงทุนในเรื่อง ทุนมนุษย์ เพื่อรองรับเปิดเสรี

* สร้างโอกาสของ SMEs อย่างจริงจัง

* กระจายความเจริญไปที่ภาคอีสานและภาคเหนืออย่างเป็นรูปธรรม

ปี 2554 เป็นปีที่ Social Media มาแรงที่สุด คนไทยจะต้องปรับตัวให้ทัน Social Media ยังกระจายให้ประชาชนทุกจุดของสังคมโดยเฉพาะชาวรากหญ้าน้อยเกินไป

การเรียนรู้จาก Internet ซึ่งมีวิธีการมากมาย จะทำให้การลงทุนในทุนมนุษย์ถูกลง การเร่งการใช้ไอทีกับภาษาอังกฤษ ก็จำเป็นอย่างยิ่ง

การใช้ Social Media จะกระทบการทำงานของระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เศรษฐกิจสร้างสรรค์จะใช้ Social Media มากขึ้น

2 เรื่องสุดท้าย ปี 2554 ประเทศไทยจะเปิดประเทศมากขึ้น จะรอดหรือไม่อยู่ที่คนไทยพร้อมจะเรียนรู้ พร้อมจะลงทุนในการหาความรู้และการเรียนรู้

* ภาษา

* คิดเป็น วิเคราะห์เป็น

* มีคุณธรรม จริยธรรม

* คิดดีต่อส่วนรวม

ผมเห็นความกระตือรือร้นของคนในอีสานที่จะต้องปรับตัวไปสู่การเปิดเสรี ASEAN การเปิดประตูไปสู่อินโดจีน ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชาและจีน โดยใช้ทางรถไฟหรือรถยนต์ผ่าน East West Corridor ที่ทำให้ภาคอีสานกลายเป็นแหล่งความเจริญยุคใหม่อย่างมาก การลงทุนในทุนมนุษย์ในภาคอีสานจะสร้างความเจริญให้ประเทศไทยอย่างมาก

สุดท้ายคือปัญหาสังคม รัฐบาลต้องเอาจริงในปี 2554

* ยาเสพติด ฝากให้เป็นงานชิ้นโบร์แดงของรองนายกฯสุเทพฯ ไม่ได้ดูเรื่องความมั่นคงแล้ว ปัญหายาเสพติดจะเป็นผลงานของท่านรองฯสุเทพ

* ปัญหาเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

* ปัญหาสื่อ ที่ขาดความรับผิดชอบ กระตุ้นให้เกิดปัญหาสังคม

รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ควรจะมีวาระแห่งชาติ เรื่องปัญหาสังคม ถึงเวลาแล้ว นำเอาครม.สังคมกลับมาใช้

ประเทศก็จะมีความสมดุลมากขึ้น

สัปดาห์ที่แล้วผมงานด้านทรัพยากรมนุษย์ที่น่าสนใจ 2 เรื่อง

เรื่องแรก ผมได้รับเกียรติจากสำนักงานส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในการเป็นอนุกรรมการจัดประชุมผู้บริหารระดับสูงเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจแห่งชาติ ซึ่งล้อกันไปกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 โดยจะมีเรื่องทุนมนุษย์อยู่ในแผนดังกล่าวด้วย

อีกเรื่อง ผมได้รับเกียรติให้ร่วมอภิปรายเรื่อง Strategy 2011 โดยมี รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ต่อบุญ พ่วงมหา ประธานบริหารสนุกดอทคอมและคุณพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด ใน Strategic Forum 2011 ณ โรงแรมเรดิสัน พระราม 9

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
[email protected]
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์ 0-2273-0181
หมายเลขบันทึก: 416760เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2010 13:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:47 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท