วันที่ 29 ธันวาคม 2553 ผมพร้อมน้องอิน(สมพงษ์ จวงพันธ์) เดินทางไปหมู่ 3 บ้านบางน้ำผึ้ง ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประเเดง จ.สมุทรปราการ เป้าหมายคือการสร้างการเรียนรู้ให้แกนนำชุมชน ตามโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นเเบบเฉลิมพระเกียรติ เรียนรู้เรื่องการจัดการความรู้ หรือการต้องลงไปถอดบทเรียนครอบครัวพัฒนาในชุมชน
ผมเดินทางไปถึงกว่า 9 โมงเช้าเเล้ว มีเเกนนำทยอยเดินทางเข้าห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง การฝึกอบรมเมืองติดกรุงเทพเเบบนี้เป็นเรื่องธรรมดามากที่ผู้เข้าอบรมจะมาถึงที่หมายช้าไปบ้าง(ทำใจ) เเต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม เพราะอย่างน้อยให้ผมมีเวลาในการเตรียมการเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในการจัดเวทีได้บ้าง ผมสังเกตุรอบๆบริเวณที่จัดประชุม การวางโต๊ะเก้าอี้ยังเป็นเเบบห้องเรียนซึ่งผมประเมินเบื้องต้นว่าเวทีนี้คงผ่านการบรรยายกันมาอย่างหนัก ผมตัดสินใจขณะนั้นว่าจำเป็นจริงๆที่ต้องปรับห้องเรียนรู้เสียใหม่ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ไม่มีกลิ่นไอทางวิชาการ ผมเชิญชวนพ่อเเม่พี่น้องช่วยกันคนละไม้ละมือเก็บ จัด เป็นวงกลมให้ทุกคนอยู่ในวงเดียวกันเห็นหน้ากันทุกคน ผมปล่อยกิจกรรมเเรกคือการเล่นเกมส์ สัตว์-ผลไม้ เพื่อปลุกจิตวิญาณทุกคนให้ตื่นตัวตอนสายๆ จากนั้นเปิดโอกาสให้ทุกคนวัดปรอทอารมณ์ ความพึงพอใจการฝึกอบรม 2 วันที่ผ่านมา(วัตถุประสงค์ผมต้องการรู้ว่าเขาHAPPYกับกระบวนการที่ผู้จัดมอบให้หรือไม่เเละต้องการเเบบไหน...ผมจะจัดให้) สิ่งที่เวทีสะท้อนมาคือ วิชาการมากไป นันทนาการน้อย เคลียด..( ผมว่าเเล้ว..อาการมันบ่งบอกเเต่เช้า)" เอาละพี่ป้า น้า อา ครับ สำหรับวันนี้..." ผมเริ่มเปิดประเด็นคลายความกังวลให้ผู้เข้าอบรม ว่าวันนี้จะไม่เหมือนวันก่อนๆ เพราะวันนี้ มีทุกรสชาด ฮา ฮา ได้พูด ได้คุย ได้เล่า ได้หัวเราะ ได้โต้เเย้ง(ทางความคิด) เเน่นอน เเละผมไม่ใช่ครู ไม่ใช่อาจารย์ แต่ผมมาเป็นผู้ชวนท่านคุยเพื่อหาเทคนิคการทำงานดีๆมาเเลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากกว่า
ดังนั้นกิจกรรมที่ผมใช้ในเวทีวันนั้น ผมจึงเป็นวิทยากรกระบวนการหรือนักจัดการความรู้ที่หยอดคำถาม หยอกเย้าให้ทุกคนได้เเสดงออก ได้โชว์ความสามารถของตนให้เวทีได้เห็น ขมวดข้อมูลเพื่อกลั่นเป็นความรู้ให้ที่ประชุม จับประเด็น เชื่อมโยงเเละสกัดเทคนิคการทำงานของกรณีศึกษาที่แกนนำชุมชนไปศึกษาดูงานเรียนรู้มา โจทย์ที่กรมการพัฒนาชุมชนกำหนดเเละสร้างเเนวทางให้จังหวัดดำเนินการ คือ การพาแกนนำไปดูงานกรณีครอบครัวที่สามารถลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ หรือ การจัดทำบัญชีครัวเรือน หรือ กลุ่มองค์กรที่มีผลการดำเนินงานประสบความสำเร็จ กลับมาเเล้วให้มีเวทีจัดการความรู้ร่วมกันว่าสิ่งที่ศึกษาเรียนรู้มีความสำเร็จอย่างไร กระบวนการ ขั้นตอน เทคนิคการทำงาน กลเม็ด เคล็ดลับในการดำเนินงาน ปัจจัยเเห่งความสำเร็จ บทเรียนทีได้ ผมมาวันนี้ก็เพื่อจัดเวทีนี้เเหละครับ ผมก็เเบ่งกลุ่มเลยเพื่อให้กลุ่มที่ไปศึกษาดูงานได้สะท้อนบทเรียนที่ว่านี้ เเต่สิ่งที่ผมพบเเละเวทีสะท้อนปัญหา คือ เวลาที่เข้าไปศึกษาเรียนรู้น้อยมากไม่สมามรถเก็บประเด็นได้ทั้งหมด ผมจึงปรับกลยุทธ์เเละวิธีการใหม่คือ ตั้งวงสนทนารวมกันหมดเเล้ว ถอดบทเรียนร่วมกัน โดยว่าไปทีละกรณ๊ มีประเด็นที่ร่วมกันจัดการความรู้ คือ
1. ชื่อกรณ๊ เเละบริบท/ความป็นมา การเริ่มต้นดำเนินการ
2. ปัญหาที่ส่งผลให้ต้องดำเนินการพัฒนาตนเอง
3.กระบวนการ/ขั้นตอน/เทคนิควิธีการ/ข้อพึงระวัง
4.ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร ทำไมสำเร็จ ทำไมไม่สำเร็จ
5.ปัญหาเเละเทคนิคการแก้ปัญหา
6.ปัจจัยเเห่งความสำเร็จ
7.บทเรียนหรือชุดความรู้ที่ได้รับ
ปรากฎว่าเมื่อเวทีดำเนินการจบสิ้นลง ผู้เข้าร่วมเวทีต่างให้ความร่วมมือ สนุกกับกิจกรรม ได้เเสดงออกโดยอิสระเเละเกิดการเรียนรู้เเละเข้าใจการจัดการความรู้หรือการถอดบทเรียนมากขึ้น ผมประเมินโดยการทำ AAR เเละให้ทุกคนได้สะท้อนจากใจ
บทเรียนสำคัญ
จากการถอดบทเรียนได้ชุดความรู้ในการสร้างความเข้าใจเรื่องการจัดการความรู้ ดังนี้
1) ใช้กิจกรรม เกมส์ เพื่อสร้างบรรยากาศเเละส่งเสริมการมีส่วนร่วม
2)จัดสถานที่ให้เป็นกันเองเหมือนการล้อมวงคุยกันตามรูปแบบวัฒนธรรมไทย
3) ตั้งคำถามกระตุ้นให้เวทีได้คิด พูดเเละเเสดงความคิดเห็น
4) ให้เกียรติ
5) ใช้ภาษาง่ายมีอารมณ์ขัน เป็นกันเอง
6) ประเมินอารมณ์ผู้เข้าอบรมตลอดเวลาเพื่อปรับบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้
เเละนี่เป็นบทเรียนที่หลายคนควรให้ความสำคัญในการนำสู่การประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สวัสดีค่ะ
มาสวัสดีปีใหม่
หวังว่าจะพบความสุข สงบ ตลอดปีใหม่
ที่กำลังจะมาถึงนี้นะคะ
คุณณัฐรดา ขอบคุณมากนะขอรับสวัสดีปีใหม่เช่นกัน
วันนี้ได้มาฟังอาจารย์เล่าเรื่องราวของ KM (จุดอบรมที่ภาคกลาง 20-22 เมย 54) ทำให้ได้แนวคิดการจัดการความรู้ในสำนักงานที่จะพัฒนาต่ออีกครับ ...เจอกันใหม่ในจุดอบรมที่เชียงใหม่ครับผม 2-4 พค.45
มาเยี่ยมครับ
มาเยี่ยมเพื่อนจ้า