เป็นเรื่องที่โดนใจเต็มๆ...เหตุเกิดเมื่อเดือนสุดท้าย ปลายปีที่แล้ว ในห้องผ่าตัด
เหตุที่เล่าเรื่องนี้มิได้มีเจตนาจะโจมตีใครหรือวิชาชีพใด... แต่อยากนำมาเล่าเพื่อเป็นการถอดบทเรียนชีวิตการทำงานของวิสัญญีพยาบาล ที่อาจมีเพื่อนๆได้ประสบเช่นกัน
ผู้ป่วยหญิงวัยสาว แข็งแรงดี มาทำการผ่าตัดปรับลวดที่ fixed กระดูกข้อมือ
การทำให้ไม่เจ็บขณะผ่าตัดเธอได้รับคำแนะนำเบื้องต้นว่าน่าจะเป็นเทคนิค Brachial plexus block ซึ่งประเมินว่าเหมาะสม แต่ทีมเราก็ไม่วายที่จะแนะนำเทคนิคดมยาสลบทั้งตัว(GA : General Anesthesia)เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพิ่มเติมไว้ด้วยเพราะหากการ block ล้มเหลวหรือทำได้ไม่สมบูรณ์ เธออาจต้องได้รับการพิจารณาให้ยาสลบ ผู้ป่วยท่านนี้เข้าใจในคำแนะนำดีมากๆ
แต่เมื่อเวลาจะเริ่มทำหัตถการจริงๆ...ผู้เขียนเชิญอาจารย์แพทย์มาทำหัตถการเนื่องจาก พชท.ติดเรียน ได้รับคำตอบว่าไม่ถนัดที่จะทำ block ซึ่งเป็นเหตุผลปกติที่สามารถนำมาประกอบการพิจารณาการเลือกเทคนิคให้ผู้ป่วยได้เนื่องจากหากเราไม่มีความชำนาญอาจเกิดความเสี่ยงตามมา
...คำตอบของแพทย์ดังกล่าวตามมาด้วยการมอบหมายให้ผู้เขียน “ให้ดมยาสลบไปเลย”
ถามว่าผู้เขียนทำได้หรือไม่ สิ่งนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะเราประเมินและเตรียมความพร้อมสำหรับการดมยาสลบไว้ก่อนแล้วเสมอแม้ว่าจะใช้เทคนิค block
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ผู้ป่วยท่านนั้นข้องใจ!
“ทำไมล่ะ ทำไมไม่ block ให้ ฉันไม่อยากดมยาสลบ”
“อาจารย์ท่านนี้บอกว่าท่านไม่ชำนาญการให้ยาชาเฉพาะส่วน(block)ค่ะ”
ผู้เขียนเริ่มอึดอัดใจในฐานะคนกลาง สิ่งที่ทำได้คือลองพยายามพูดคุยชี้แจงกับผู้ป่วยเพิ่มเติม...พยายามเท่าที่ทำได้ ทั้งที่ลึกๆแล้วอึดอัด กดดันมากมาย...
ผู้เขียนพูดคุยเพิ่มเติมเรื่องของความกลัวของผู้ป่วย เธอตอบว่าเข้าใจดีหมดแล้วทุกอย่างสำหรับภาวะแทรกซ้อนทั้งสองเทคนิค และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเลือก block… และเธอก็ยังยืนยันขอเลือกเทคนิค block
เธอถามกลับหลายคำถามเช่น
คำถาม : “ทำไมไม่ block ให้?”
ตอบเธอได้หรือไม่ว่า
คำถาม : “ฉันจะฟื้นช้าหรือไม่?”
คำตอบ : “เราจะเลือกใช้ยาสลบที่หมดฤทธิ์เร็วที่สุดเมื่อเลิกใช้”
คำถาม : “ฉันคลื้นไส้อาเจียนง่ายมาก และไม่อยากอาเจียนเลย”
คำตอบ : “ยาสลบส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงได้แก่อาการคลื้นไส้ อาเจียน แต่เราจะให้ยาลดอาการดังกล่าว”
สิ่งที่เป็นคำถามของผู้ป่วย คือสิ่งที่เราให้ข้อมูลเรื่องภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดเมื่อดมยาสลบทั้งสิ้น... ชัดเจนมากว่าการให้ข้อมูลพื้นฐานของเราได้ผลดีเกินคาดจริงๆ... confirm...
ณ ตอนนั้น ผู้เขียนมีความรู้สึกเหมือนเรากำลังต้อนคนไข้ให้ยอมรับสิ่งที่เราเลือกให้เขา...ไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก...บ้าชะมัด!
คำถาม : “ฉัน...ไม่อยากดมยาสลบ”
คำตอบ : “งั้นเราจะลองเรียนปรึกษาอาจารย์อีกครั้งนะคะว่าคุณไม่ยินดีเรื่องการดมยาสลบ อาจารย์อาจพิจารณาปรึกษาอาจารย์ผู้ชำนาญกว่าเรื่อง block มาทำให้” นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีระหว่างผู้ป่วยและแพทย์
ผู้เขียนโทรฯกลับไปหาอาจารย์ท่านเดิมด้วยความคับข้องใจ อธิบายว่า
“ผู้ป่วยอยากให้ block ... ไม่ค่อยยินดีกับการที่จะถูกดมยาสลบ”
“งั้นก็บอกคนไข้ไปว่า...หมอก็ไม่ยินดีที่จะ block... แต่ยินดีที่จะดมยา”
...ได้ยินเท่านั้น!... ผู้เขียนก็รู้สึกคอตีบ กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก...และไม่ได้อยากฟังอะไรมากไปกว่านั้นอีก
หวนกลับมาที่ผู้ป่วยตรงหน้า อธิบายให้ทราบอีกครั้งว่า อาจารย์ยืนยันอย่างไร
คนไข้มีสีหน้าบ่งบอกว่า เธอยังสับสน...ผู้เขียนเองก็อยู่ในสภาพไม่แตกต่างจากเธอ
“เราคงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน หลับนะคะ เราจะให้คุณหลับสลบและจะดูแลคุณใกล้ชิดเป็นอย่างดี...ไม่ต้องวิตก” เป็นคำพูดที่ผู้เขียนบอกผู้ป่วย
สีหน้าผู้ป่วยคลายกังวลลงบ้าง แต่ดูว่าไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และด้วยข้อจำกัดของเวลาทำงานที่ถูกกำหนดให้การเริ่ม case เย็นที่ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นผู้ป่วยอาจถูก off case ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำผ่าตัดวันนี้เพราะเลยเวลามากแล้ว
เราเริ่มการฉีดยาเข้าเส้นเลือดตามเทคนิคการระงับความรู้สึก ใช้เวลาทำผ่าตัดราว 30-40 นาที ซึ่งการทำผ่าตัดไม่เสร็จในเวลาราชการ ผู้ป่วยจึงได้รับช่วงการดูแลต่อโดยทีมทำงานนอกเวลา
ผู้เขียนไม่ห่วงเรื่องการดูแลขณะสลบเพราะไม่ว่าใครดูแล เราเชื่อมั่นว่าทุกคนกระทำภายใต้มาตรฐานเดียวกันเสมอ แต่ไม่วายบอกน้องในทีมว่าให้ดูแลและติดตามเยี่ยมผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อไขข้อข้องใจที่เธออาจมีค้างคาในใจ จากนั้นรีบไปพบแพทย์หัวหน้าเวรเพื่อส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยรายนี้ เล่าให้ฟังถึงปัญหาที่เกิด แล้วเน้นเรื่องของการใส่ใจในความรู้สึกของผู้ป่วยเป็นพิเศษเมื่อเสร็จผ่าตัด
อาจารย์ท่านนั้นได้ยินเสียงของผู้เขียน เธอออกมาอธิบายขยายความอีก...
“ทำไมล่ะ... คนไข้กลัวอะไร ทำไมจะดมยาสลบไม่ได้ เราอธิบายให้เขาเข้าใจได้นี่นา”
“พี่อธิบายหมดแล้ว เรื่องนั้นไม่มีปัญหา พี่พยายามอย่างที่สุดที่จะให้เขาพยายามเข้าใจเรา ไม่ให้เกิดปัญหาตามมา”
“แล้วทำไมคนไข้ถึงยังไม่ยินดีดมยา”
“อาจารย์ต้องลงไปเห็นเองแล้วจะรู้ พี่คิดว่าพี่ทำให้เต็มที่แล้วนะ อธิบายเหตุผลให้แล้ว (ในใจน่ะคิดว่าอาจารย์น่าจะลงไปอธิบายเองนะ...) ตอนนี้เพียงอยากฝาก dent ให้ช่วยไปดูผู้ป่วยด้วย...เพราะเคสนี้(ผู้ป่วยยอมรับ)ไม่ง่าย”
“นี่แหละ...เพราะ dent ไปให้ข้อมูลเธอทางเดียว ไม่เผื่อดมยาเลย” อาจารย์ว่า
“เปล่าเลย ผู้ป่วยได้ข้อมูลทั้งสองทางตามมาตรฐาน แถมแพทย์ผู้ผ่าตัดเองก็ให้ข้อมูลเธอว่าคงแค่ block” ผู้เขียนอธิบายเพิ่มเติม แล้วหันหลังกลับ ได้ยินแต่เสียงอาจารย์ยังคงพูดกับ dent ต่อ...ซึ่งผู้เขียนไม่ได้สนใจ
ผู้เขียนกลับมานั่งทำงานในห้องอาหารที่ชอบใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานทำงานที่ชอบต่อทุกวัน...เหมือนเดิม
ราว 1 ชั่วโมงจากนั้นน้องที่อยู่เวรแวะมาบอกว่าผู้ป่วยตื่นดี ไม่มีปัญหาอะไร
ถัดมาอีกราวครึ่งชั่วโมงขณะผู้เขียนกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน อาจารย์ท่านนั้นเดินผ่านมาหน้าห้องและตรงมาที่ผู้เขียน เธอบอกว่าเธอลงไปดูคนไข้แล้ว
“...(... : ชื่อเธอ) ไปคุยกับคนไข้แล้วนะ ก็ดูเขาไม่มีปัญหาอะไรนี่”
“... เรามีพยานได้ยินกันเต็มห้อง” ขี้เกีียจอธิบายขยายความมากกว่านี้จริงๆ เพราะพูดไปหมดแล้ว
“อืมมม..แต่เท่าที่คุยกับเขาตอนตื่นก็ดูเขาไม่ธรรมดาจริงๆด้วยแหละ...(... : ชื่อเธอ) ขอโทษ...”
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วค่ะ เพราะพี่พยายามอธิบายมากมายให้เธอเข้าใจ แต่เธอยังไม่หายข้องใจเรื่องที่ต้องดมยาน่ะ พี่ถึงอยากให้อาจารย์หาโอกาสไปพูดคุยด้วยตนเอง ดีแล้วที่อาจารย์ลงไปดู”
แล้วผู้เขียนก็กลับบ้าน… ด้วยอารมณ์เดียวกับบันทึกนี้ "คนไข้...คู่ชกที่เสียเปรียบ" เมื่อหลายปีก่อน
...แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ข้ามปี ก็พอรู้และบอกตัวเองได้ว่า มันเป็นหน้าที่ที่เราพึงทำ พึงช่วยให้ทุกอย่างลงตัวและหมดปัญหา...
ไม่หอบปัญหามาข้ามปีก็ดีแล้ว...อิอิ
(ขอขอบคุณตัวละครชีวิตทุกตัวที่กล่าวมาในที่นี้)
ขอบคุณ "พี่ติ๋ว" ที่เล่าเรื่องนี้ค่ะ
เพราะเคยมีประสบการณ์กับ "เหตุการณ์และความรู้สึก" แบบนี้เหมือนกัน
กลืนไม่เข้า..คายไม่ออก..
ชอบมากจริงๆค่ะ...คำว่า
"กลืนไม่เข้า..คายไม่ออก.."
ขอบคุณค่ะ
เคย block มาแล้วค่ะ แต่ไม่สำเร็จ แอบได้ยินพยาบาลบ่นๆ ให้กันฟังว่ายาหมดอายุ
แต่ก็ไม่ข้องใจอะไรทั้งนั้นค่ะ เชื่อมั่นในการรักษา ดมยาสลบก็ไม่เห็นเป็นไร หลับไปปลอดภัยดี......สมัยนี้ทำอะไรก็เป็นเรื่องไปหมดนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณติ๋ว เพื่อนรัก
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ เป็นธรรมดา ที่หลายสิ่ง ที่ถูกใจ แต่ไม่ถูกต้อง แต่ บางสิ่ง ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจค่ะ
มีความสุขมากๆๆนะคะ สุขภาพแข็งแรงนะคะ
*** ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่แบ่งปันค่ะ
ความรู้สึกที่กลืนไม่เข้า คลายไม่ออกแบบนี้ นักศึกษาวิสัญญีพยาบาลอย่างผม ต้องแบกรับทุกวันเลยครับอาจารย์ จนบางวันเริ่มท้อ แทบไม่อยากไปทำงาน (เรียน) ตอนนี้ความรู้สึกคงคุณค่าในตัวตน ลดลงไปทุกวัน ขาดความมั่นใจอย่างแรงเลยครับอาจารย์ (สงสัยใกล้ ๆ ผมคงได้พบจิตแพทย์เข้าสักวันครับอาจารย์ 55555)
from
นักศึกษาวิสัญญีพยาบาลสถานฝึกอื่น ที่เข้ามาขโมยความรู้ครับ (ยังสู้เฟ้ย ดาหน้าเข้ามาเลย ม่ะ )
สวัสดีค่ะ คุณครูนาย
ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้าใจพวกเราค่ะ
ครูอ้อยเพื่อนรัก
ถูกต้องอย่างครูอ้อยว่าค่ะ...แต่เมื่อใดที่สวมบทบาทของครู พฤติกรรมที่แสดงออกที่เหมาะสมจะเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกศิษย์ในภายหลังค่ะ
ขอบคุณครูอ้อยค่ะ
สวัสดีปีใหม่ คุณกิติยาค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ น้องninninkungX14
ความคับข้องใจเกิดได้ในทุกช่วงของชีวิตค่ะ
สำหรับน้องนั้นต้องฝึกเผชิญความเครียดค่ะ เราต้องอยู่และผ่านให้ได้กับความเครียดแต่ละสถานการณ์นั้นๆ...และเมื่อหวนกลับไปหลังจากผ่านมันมาได้ เราจะภูมิใจในตัวเอง มันเป็นการแสดงความ maturity ของตัวเราค่ะ
...แต่ก็นั่นแหละนะ มนุษย์ก็มีหลุดได้...แต่คงไม่ใช่น้องในเวลานี้เพราะงานของเราต้องเผชิญความเครียดอย่างมากในทุกเรื่อง จึงต้องฝึกฝนค่ะ
ขอให้อดทนและเข้มแข็งในการฝึกอบรมนะคะ ไม่มีการฝึกอบรมวิสัญญีพยาบาลในสถาบันใดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอนค่ะ...ฟันธง! อิอิ
โชคดีค่ะ