ระบบการควบคุมคุณภาพหรือกลุ่มคูณภาพ
(Quality Control Circle :Q.C.C)
ความหมายของ Q.C.C.
Q.C.C. หมายถึง กิจกรรมที่ดำเนินการโดยคนกลุ่มน้อย ณ สถานปฏิบัติงานเดียวกัน รวมตัวกันโดยความสมัครใจ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับต้น (first Line Supervisor) เป็นแกนกลางเพื่อทำกิจกรรมเกี่ยวกับการปรับปรุงโดยตนเองอย่างเป็นอิสระ แต่ต้องไม่ขัดต่อนโยบายหลักขอรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจากความหมายของ Q.C.C. จะประกอบไปด้วยคุณลักษณะ 10 ประการคือ
1. คนกลุ่มย่อย
2. ดำเนินกิจกรรมเพิ่มพูนคุณภาพ
3. โดยตนเองอย่างอิสระ
4. ณ สถานที่ทำงานเดียวกัน
5. ร่วมกันทุกคน
6. อย่างต่อเนื่อง
7. ปรับปรุงและควบคุมดูแลสถานที่ทำงานให้สะอาดแจ่มใสน่าอยู่
8. โดยใช้เทคนิควิธีการ Q.C.
9. พัฒนาตนเองและพัฒนาร่วมกัน
10. โดยถือว่ากิจกรรมควบคุมคุณภาพทั่วทั้งบริษัทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
หลักการของ Q.C.C.
2.1 การงางแผน (Plan: P)
2.2 การปฏิบัติ (Do : D)
2.3 การตรวจสอน (Check:C)
2.4 การแก้ไขปรับปรุง (Action : A)
โครงสร้างการบริหารงาน การควบคุมคุณภาพ
โครงสร้างการบริหารการควบคุมคุณภาพออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. หน้าที่ตรวจรับ (Acceptance Function) เป็นงานที่ต้องปฏิบัติประจำ ได้แก่การตรวจสอบตัดสินว่าผลผลิตภัณฑ์ได้ตามมาตรฐานที่กำหนหรือไม่ และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงตลอดจนการจดบันทึกที่จำเป็นทั้งปวง รวมถึงหน้าที่การเก็บรักษา เครื่องมือเครื่องใช้ในการตรวจสอบและการใช้ประโยชน์จากของเสียด้วย
2. หน้าที่ป้องกัน (Prevention Function) ได้แก่การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์การสำรวจและการวิจัยขีดความสามารถของกรรมวิธี การวางแผน ทดลอง การตรวจสอบตัวอย่าง การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล การให้การวิธีการทางสถิติ และฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องกับงานต่างๆ ข้างต้น
3. หน้าที่ประกัน (Assurance Function) ได้แก่ การทำรายงานเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพสำหรับผู้บริหารระดับสูง หรือเรียกว่ามีหน้าที่สนับสนุนผู้บริหารระดับสูงในสายบริหารที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพ
ฝ่ายส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มคุณภาพ
โดยทั่วไปหน้าที่ของฝ่ายส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มคุณภาพ มีดังนี้
เทคนิคต่างๆ ในกิจกรรมกลุ่มคุณภาพ
1. ปาเรโตกราฟ (Pareto Diagram Graph) ใช้สำหรับพิจารณาระดับของปัญหาในบรรดาปัญหาทั้งหมด โดยเขียนแสดงลำดับความสำคัญมากไปหาน้อย มีลักษณะเป็น Accumulative Histogram
2. ผังก้างปลา หรือผังแสดงเหตและผลของปัญหา (Cause and Effect Diagram) ใช้ค้นหาสาเหตุของปัญหา แล้วจัดเรียงลำดับซึ่งเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาอย่างมีระบบ
3. การระดมปัญญา (Brain Storming) เป็นการรวมกลุ่ม 5-10 คน เพื่อพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการใช้ความคิดอย่างเสรี ลักษณะการระดมปัญญา ประกอบด้วยลักษณะ 4 ประการ ดังนี้
3.1 ต้องไม่มีการวิพากวิจารณ์ด้วยความคิดเห็นว่าดีหรือไม่
3.2 ความคิดเห็นยิ่งมากยิ่งดี คุณภาพไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
3.3 ต้องรับความคิดเห็นเสริมหรือสนับสนุนความคิดเห็นของผู้อื่น
3.4 ต้องรับความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระและเป็นกันเอง
การนำกิจกรรมกลุ่มคุณภาพไปใช้งาน
…………………………………….
ไม่มีความเห็น