DSRR
มูลนิธิเพื่อการเยียวยาและสร้างความสมานฉันท์ชายแดนใต้ มูลนิธิเพื่อการเยียวยาและสร้างความสมานฉันท์ชายแดนใต้

ณัฐชินี ยูโซะ โดดเดี่ยวแต่ไม่อ่อนแอ


ณัฐชินี ยูโซะ  โดดเดี่ยวแต่ไม่อ่อนแอ


มูฮำหมัด ดือราแม

 

บ่ายวันหนึ่งในช่วงปลายเดือนเมษายน 2553 ภายในโรงงานผลิตยางแท่งของบริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ จำกัด สาขาปัตตานี ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม บ้านท่ายาลอ ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ยังมีคนงานทำงานอยู่อย่างประปรายใต้ร่มอาคารโกดังเก็บสินค้า เนื่องจากส่วนใหญ่จะเดินเครื่องผลิตในช่วงเวลากลางคืน

ขณะที่ด้านหน้าโกดังมีกองเศษยางพาราซึ่งเป็นวัตถุดิบหลายกอง กำลังถูกฉีดน้ำทำความสะอาด รอเข้ากระบวนการผลิต ส่วนภายในอาคารสำนักงานที่อยู่ตรงข้ามกับโกดังเก็บสินค้ามีความคึกคักพอสมควร เนื่องจากมีพนักงานงานเกือบ 10 คน กำลังทำงานอยู่ บางส่วนก็กำลังเกาะกลุ่มพูดคุยกัน หนึ่งในนั้นก็คือนางณัฐชินี ยูโซะ

นางณัฐชินี มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ จำกัด สาขาปัตตานี สาวใหญ่วัย 45 ปี ผู้นี้ดูกระฉับกระเฉงเหมือนกับสาวทำงานสำนักงานทั่วไปและเข้มแข็ง

สภาพภายในโรงงานผลิตบางแท่งของบริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ จำกัด สาขาปัตตานี ริมถนนเพชรเกษม อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งโรงงานแห่งนี้ถูกลอบวางเพลิงมาแล้วถึง 2 ครั้ง


หากไม่รู้จักเธอมาก่อนก็จะไม่รู้ว่าเธอคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ใบหน้าที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้ มักยิ้มแย้มเสมอเมื่อต้องต้อนรับแขกผู้มาเยือน ผลกระทบที่เธอได้รับคือ สามีของเธอถูกยิงเสียชีวิต ทำให้เธอต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกสองคนที่กำลังอยู่ในวัยเรียนและวัยศึกษา

สามีของเธอชื่อนายอาซิ  ยูโซะ เป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 19/3 หมู่ 1 ตำบลบาราเฮาะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ถูกยิงเสียชีวิต ขณะนั่งคุยกับเพื่อนเมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 23 กรกฎาคม2552 เหตุเกิดในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบาราเฮาะ

นางณัฐชินี อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 4 ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านที่ร่วมสร้างกันมากับสามี เธอมีลูก2คน คนโตเป็นผู้ชาย อายุ 19 ปี กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร ส่วนคนเล็กเป็นผู้หญิง อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเดชะปัตนยานุกูล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี

นางณัฐชินี เล่าว่า หลังจากสามีถูกยิงเสียชีวิต เธอได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลเป็นเงิน 500,000 บาท โดยนายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีเป็นผู้นำเงินมามอบให้ นอกจากนี้ ยังได้รับเงินจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จังหวัดปัตตานี 50,000 บาท จากกองอาสารักษาดินแดนอีก 30,000 บาท ส่วนลูกทั้งสองคน ได้รับเงินช่วยเหลือจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 1  กระทรวงศึกษาธิการ เป็นรายเดือนจนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรี โดยลูกชายคนโตได้เดือนละ2,500 บาท ส่วนลูกสาวคนเล็กได้เดือนละ 1,500 บาท

ณัฐชินี ยูโซะ


แต่สิ่งที่เธอยังรู้ค้างคาใจก็คือ เหตุใดการที่สามี ซึ่งเป็น อส.เสียชีวิตแล้ว จึงไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน หรือค่าตอบแทนที่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ด้วย แต่เธอก็ให้คำตอบเองว่า อาจเป็นเพราะสามีไม่ได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นได้

“แต่เงินช่วยเหลือลูกๆ นั้น ถือว่าใช้ได้” เธอกล่าว แม้ว่าเธอจะได้รับการช่วยเหลือเป็นตัวเงินที่เรียกได้ว่า ไม่น่าจะขาดตกบกพร่องจากภาครัฐ แม้เธอบอกว่า ได้รับเต็มที่แล้ว แต่เธอก็ยืนยันว่ายังไม่พอ

ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาด้านอื่นๆ ไม่มีเลย หลังการช่วยเหลือในรูปของเงินจากรัฐแล้ว ยังไม่เคยมีหน่วยงานไหนมาเยี่ยมเยือนหรือให้อะไรอีกเลย ยกเว้นครั้งเดียวที่เคยเข้าร่วมอบรมเรื่องการเยียวยาที่โรงพยาบาลปัตตานีเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ซึ่งก็พอจะเรียกได้ว่าเป็นการเยียวยาทางด้านจิตใจได้บ้าง

อาจเป็นเพราะว่า หลังจากสามีเสียชีวิตได้ 1 สัปดาห์ ตนเองก็ยังต้องมาทำงานที่โรงงานตามปกติ จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาและโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมการเยียวยากับหน่วยงานต่างๆ ที่จัดขึ้น บวกกับมีวันหยุดวันอาทิตย์วันเดียว แต่เวลาที่มีก็หมดไปกับการจัดการกับเรื่องส่วนตัวภายในบ้าน

ประกอบกับ เมื่อสามีเสียชีวิตแล้ว ภาระในการเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คน จึงตกอยู่กับเธอคนเดียว โดยต้องส่งเงินให้ลูกชายเดือนละประมาณ 6,000 บาท ส่วนลูกสาวเดือนละประมาณ 2,000 บาท แต่ยังดีที่มีเงินช่วยเหลือจากภาครัฐมาช่วยบ้าง แม้ในบางเดือนเงินช่วยเหลือไม่ออก แต่ก็ถูกนำไปทบกับเดือนถัดไป

นอกจากเงินช่วยเหลือรายเดือนแล้ว ลูกทั้ง 2 คน ยังได้รับทุนการศึกษาด้วย โดยลูกชายได้ปีละ 25,000 บาท ส่วนลูกสาวได้ปีละ 15,000 บาท ได้รับปีละ 2 งวด นอกจากนี้ เธอยังมีภาระหนี้สินที่มีขึ้นตั้งแต่สามียังอยู่ คือ การผ่อนบ้าน เดือนละ 3,300 บาท จากเดิมต้องผ่อนเดือนละ 6,600 บาท เนื่องจากตนและสามีกู้เงินจากธนาคารมาสร้างบ้าน โดยกู้เงินมาคนละ 500,000 บาท และต้องทำประกันชีวิตกับธนาคารด้วย  การทำประกันชีวิตดังกล่าว กลายเป็นผลดีตรงที่ว่า เมื่อสามีเสียชีวิตธนาคารเจ้าหนี้จึงได้หักเงินประกันชีวิตไป ทำให้หนี้สินในส่วนของสามีไม่ต้องชำระอีกต่อไป

เธอยังบอกว่า แม้ปัจจุบันมีรายได้ เป็นเงินเดือน เดือนละ 15,000 บาท แต่ก็เป็นรายได้ทางเดียว ที่เธอต้องนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่างภายในบ้าน จึงยังไม่พอเหลือเก็บ ซ้ำยังต้องนำเงินที่เก็บที่มีมาตั้งแต่สามียังอยู่มาใช้ด้วย ยิ่งในช่วงเปิดเทอมยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ปัจจุบันเธอทำงานที่โรงงานแห่งนี้มา 21 ปีแล้ว นับตั้งแต่เรียนจนที่โรงเรียนยุวชิตบริหารธุรกิจ จังหวัดปัตตานี งานหลักๆ ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ คือ งานเอกสารการจ้างงาน งานประกันสังคม และดูแลรับผิดชอบอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ภายในสำนักงาน
แน่นอนว่า การที่สามีถูกยิงเสียชีวิต ต้องรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา แต่เธอบอกว่า “ตอนนี้ก็ทำใจได้แล้วค่ะ”

เธอรู้สึกว่า สามียังอยู่ เพียงแต่ไม่อยู่บ้าน สามีไปทำงาน เพราะปกติในช่วงที่สามียังอยู่ ก็มีเวลาเจอกันเพียงสัปดาห์ละ 3 – 4 วัน เพราะปกติ อส.จะเข้าเวรครั้งละ 3 วัน ส่วนตัวเองก็ต้องออกมาทำงานทุกวัน กลับถึงบ้านค่ำ

สำหรับประวัติส่วนตัวของนายอาซิ สามีของเธอนั้น ก่อนที่จะเป็น อส. เขาเคยเป็นกำนันและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บาราเฮาะมาก่อน โดยเป็นนายก อบต.ได้เพียงสมัยเดียว จากนั้นก็ออกมาสมัครเป็น อส.

เธอเล่าด้วยว่า ถึงแม้ว่าในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงมีคนที่สามีถูกยิงเสียชีวิตหลายคน เช่นเดียวกับญาติๆ ของสามีของเธออีกหลายคน แต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยปรึกษาหารือกับญาติๆ ของคนเหล่านั้นมากนัก เนื่องจากตนเองต้องทำงาน จึงไม่มีเวลาว่างมากนัก
“ช่วงแรกๆ ที่สามีถูกยิงเสียชีวิต ก็รู้สึกกลัวมาก ยิ่งต้องขับรถจักรยานยนต์ไปทำงานทุกวัน ยิ่งกลัวมาก รู้สึกว่า อยู่ที่ทำงานปลอดภัยกว่า มาถึงที่ทำงานแล้วไม่อยากกลับบ้าน แต่ก็ไม่เคยนอนที่ทำงานเลย”

“ช่วงหลังๆก็ไม่ค่อยรู้สึกกลัวมากนัก ยกเว้นถ้ามีเหตุการณ์ขึ้นมา ก็จะรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกทีหนึ่ง คิดว่า ต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก” นั่นคือความรู้สึกของเธอ กับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  นอกจากสามีที่ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ยังมีญาติของสามีอีก 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วย โดยเชื่อว่ามาจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ด้วย

ทั้ง 3 คน ดังกล่าว ได้แก่ น้าชายซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ถูกยิงในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลบาราเฮาะ เช่นเดียวกับลูกชายของน้าสาวสามี ส่วนลูกชายของลุงสามี ซึ่งเป็นครูสอนศาสนาอิสลาม ก็ถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบาราเฮาะ

เธอบอกว่า เหตุที่มีคนในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงถูกยิงเสียชีวิตจำนวนมาก ก็เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ มีคนนอกผ่านไปมาจำนวนมาก

เดิมตนเองเป็นชาวอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อแต่งงานกับสามีก็เข้าไปอยู่อาศัยในหมู่บ้านของสามี แม้ตอนนี้สามีเสียชีวิตแล้ว ก็ยังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิม ส่วนกับญาติๆ ของสามีก็มีความสัมพันธ์เป็นปกติดี

ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ ที่โรงงานที่เธอทำงานอยู่ด้วยนี้ ก็เคยถูกลอบวางเพลิงมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลาห่างกันประมาณ 2 เดือน

เหตุลอบวางเพลิงทั้ง 2 ครั้ง สร้างความเสียหายเป็นร้อยล้านบาท ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งบริษัทเองและต่อพนักงาน เพราะถึงกับต้องจ้างพนักงานให้ออกเป็นร้อยคน ขณะที่ลูกค้าของโรงงาน ก็ไม่ไว้วางใจอีกแล้วว่าทางโรงงานจะผลิตสินค้าได้ตามที่ต้องได้อีกหรือไม่

เธอบอกว่า ตอนนี้ทางโรงงานยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้ามีไม่มาก บางวันก็ว่างงาน ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 133 คน ถือว่ายังไม่มาก แต่ถ้าเป็นช่วงที่มียอดสั่งซื้อสินค้าเยอะ จะจ้างพนักงานเพิ่มอีกกว่า 200 คน ปริมาณการผลิตตอนนี้มีไม่ถึงครึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด

“ทางโรงงานตั้งเป้าการผลิตไว้ที่ 2,000 ตันต่อเดือน แต่ยังผลิตได้ไม่ถึง”
สำหรับลูกค้าสำคัญของโรงงาน คือ บริษัท บริดจ์สโตน ผู้ผลิตยางรถยนต์ยี่ห้อดังของโลก โดยจุดหมายปลายทางของผลิตภัณฑ์ยางแท่งของโรงงาน คือประเทศญี่ปุ่น
ถึงแม้สถานการณ์ทางธุรกิจของโรงงานจะเป็นไปอย่างไร แต่สำหรับนางณัฐชินี ยูโซะแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัวไปแล้ว ซึ่งเธอต้องเข้มแข็งเท่านั้น จึงจะนำพาตัวเองกับอีกลูก 2 ชีวิตไปได้ ยังไม่มีใครมาเดินเคียงข้างเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

..........

ความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เขียน

สำหรับนางณัฐชินี ยูโซะแล้ว ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบที่เข้มแข็งมากคนหนึ่ง โดยสามารถที่จะนำพาตัวเองให้หลุดพ้นจากความโศกเศร้าเสียใจได้อย่างรวดเร็ว ไม่จมปลักอยู่กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นได้ อาจเนื่องมาจากเธอการที่เธอมีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบประจำอยู่ โดยเมื่อผ่านพ้นจากการจัดการเกี่ยวกับการเสียชีวิตของสามีแล้ว เธอก็ต้องเข้ามารับผิดชอบหน้าที่การงานต่อไปอย่างปกติ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของเธอมากกว่า เนื่องจากไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านไป หรือไม่ทันทำให้รู้สึกว้าเหว่มากกับการจากไปอย่างกะทันหันของสามี

แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามีได้สร้างความรู้สึกหวาดกลัวให้กับเธอด้วยก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้ปิดตัวเอง อยู่แต่ในโลกส่วนตัวอย่างที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอีกหลายรายเป็นเช่นนั้น
อีกทั้งน่าจะเป็นลักษณะนิสัยของคนทำงานทั่วไปที่ไม่อาจอยู่ว่างได้ เธอจึงยังต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป โดยมีลูก 2 คน ที่เป็นแรงผลักดันให้เธอต้องยิ่งแบกรับภาระในการเลี้ยงดูให้ดีที่สุด ในภาวะที่ขาดไร้ผู้นำครอบครัว

ดังนั้น เชื่อว่าหน้าที่การงานของเธอเองที่เป็นเครื่องช่วยเยียวยาจิตใจให้เธออย่างดีที่สุดสำหรับเธอในยามนี้ แม้บางครั้งอาจดูเหมือนว่าเธอว้าเหว่อยู่บ้าง ส่วนเพื่อร่วมงานก็อาจช่วยให้คลายเหงาได้บ้างในระดับหนึ่งเท่านั้น

จึงทำให้ดูเหมือนว่าเธอเองก็ยังต้องการอะไรบางอย่างที่มาช่วยเยียวยาจิตใจให้เข้มแข็งมากกว่านี้อยู่ แต่ยังมองหาไม่เจอ ครั้งจะออกไปร่วมงานหรือกิจกรรมอื่นๆ ภายนอกก็ไม่มีโอกาสมากนัก

ดังนั้นแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากสำหรับเธอ ก็คือ อาจต้องให้นักเยียวยาหรือนักกิจกรรมจากภายนอกเข้าไปหาเธอมากกว่าที่จะรอให้เธออกมาร่วมกิจกรรมภายนอก ซึ่งอาจจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้าน เช่น การเข้าไปเยี่ยมเยือน หรือมอบหมายให้ทำกิจกรรมอะไรบางอย่างที่ไม่กระทบกับงานของเธอ เป็นต้น

อันที่จริงแล้ว สำหรับนางณัฐชินี ยูโซะ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีคุณภาพคนหนึ่งในสังคม และมีหน้าที่การงานที่ดีพอสมควร จึงเชื่อว่า น่าจะเป็นบุคคลหนึ่งที่มีศักยภาพในการช่วยเหลือเยียวยาคนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบได้อีกด้วย

สิ่งที่ยังของไปสำหรับนางณัฐชินี ยูโซะ คือโอการในเรื่องการเยียวยาจิตใจมากกว่า ถึงแม้ว่าเธอจะดูเข้มแข็งมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังดูเหมือนว่าเธอยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่นั่นเอง

********************

คำสำคัญ (Tags): #เยียวยา
หมายเลขบันทึก: 421944เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2011 18:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 01:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท