รำบวงสรวงศาลหลักเมืองอุดรธานี


สวัสดีค่ะ หนึ่งห่างหายจากการเขียนบันทึกไปซะนานอีกแล้ว ช่วงปลายปีถึงต้นปีที่ผ่านมางานเข้าตลอดๆ อิอิ
วันนี้หนึ่งมีเรื่องมาเล่าอีกแล้วค่ะ เป็นเรื่องของงานพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองประจำปีของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งบางครั้งคนในจังหวัดอุดรเองก็อาจยังไม่เคยทราบว่ามีกิจกรรมนี้ อย่างหนึ่งเองย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอุดรปีนี้เข้าปีที่ ๙ แล้ว เพิ่งจะได้ทราบถึงกิจกรรมนี้จากน้องน้อย (หัวหน้าห้อง LAB ศูนย์มะเร็งอุดรฯ) หนึ่งลองเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ใน google อีกแล้วค่ะ จะมีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา การประกอบพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ท้าวเวสสุวัน พระพุทธโพธิ์ทอง และการรำบวงสรวงศาลหลักเมือง มีข้อมูลเกี่ยวกับการก่อตั้งจังหวัดอุดรฯและศาลหลักเมืองอุดรฯ ตามไปอ่านข้อมูลได้ที่นี่ค่ะ => คลิกเลย^^
ภาพจาก : http://udon-city.blogspot.com/2009/07/blog-post_4931.html
พิธีบวงสรวงครั้งนี้ ได้กระทำติดต่อกันเป็นปีที่ 12 แล้ว ถือเป็นพิธีที่ชาวอุดรธานีร่วมใจกันประกอบพิธีขึ้น เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เป็นผู้แทนพระองค์เสด็จประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองอุดรธานีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2542
คือน้อยมาชวนหนึ่งไปรำบวงสรวงด้วยกัน วันที่ ๒๙/๐๑/๕๔ ซึ่งปีนี้ดีหน่อยที่ตรงกับวันเสาร์จะได้ไม่ต้องลางาน เค้านัดซ้อมรำกัน ๔ วันค่ะ (๒๕-๒๘/๐๑/๕๔ ช่วงเวลาหลังเลิกงาน ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐น.)
หนึ่งยังคิดว่าอย่างหนึ่งเนี่ยนะจะรำได้เหรอ อิอิ เพราะแขนขายาวๆ ผอมๆ มือไม้ก็แข็งไปหมด ไม่เคยรำมาก่อนด้วย น้อยบอกว่าไม่เป็นไรทุกคนก็รำไม่เป็นกันทั้งนั้น มีอาจารย์มาสอนรำและต้องซ้อมก่อนรำจริง ลองไปดูเค้าซ้อมกันก่อนก็ได้ ไม่รู้อะไรมาดลใจทำให้หนึ่งตัดสินใจไปรำด้วย นอกจากไปเองแล้วหนึ่งก็ยังชวนน้องสามไปรำด้วยกัน ไม่คิดว่าสามจะไปรำด้วยซะแล้วค่ะ เพราะดูเหมือนงานเข้าแทบไม่มีเวลาว่างเลย แต่ในที่สุดหนึ่งกับสามก็มาซ้อมวันแรก ตอนแรกคิดกันว่าถ้าไม่ไหวค่อยเป็นปีหน้าละกัน ปรากฏว่าเมื่อไปถึงบริเวณลานหน้าศาลหลักเมือง แทบจะไม่มีที่จอดรถเลยค่ะ คนเยอะมาก ยืนกันเต็มพื้นที่ล้นออกมาถึงริมฟุตบาทข้างนอกเลย ส่วนใหญ่เป็นสตรีชาวจังหวัดอุดรฯ มีตั้งแต่วัยเด็กไปจนวัยสูงอายุเลยค่ะ และปีนี้หนึ่งสังเกตเห็นมีชาวต่างชาติมาร่วมรำด้วย นอกจากสตรีแล้วยังมีหนุ่มๆมาร่วมรำด้วย เรียกได้ว่าทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ ทุกคนที่มามากันด้วยใจไม่มีใครถูกบังคับ มาด้วยศรัทธาจริงๆ หนึ่งกับสามรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของทุกคน และไม่คิดว่าจะยิ่งใหญ่มากๆขนาดนี้ เราตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องทำให้ได้ ขอเป็นส่วนหนึ่งในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยค่ะ
รวมภาพสมาชิกชาวศูนย์มะเร็งอุดรฯ(รวมสามเภสัชรพ.หนองหานด้วยอีกคน อิอิ)ที่ไปร่วมรำบวงสรวงศาลหลักเมืองปีนี้ค่ะ
เช้ามืดวันพิธีฝนตกลงมา แม่หนึ่งยังบอกว่าจะไปรำได้เหรอ พื้นบริเวณลานหน้าศาลหลักเมืองคงเปียกหมดแล้ว แต่ปรากฏว่าฝนก็หยุดตก และฟ้าก็ค่อยๆเปิด ท้องฟ้าวันนั้นสวยงามมากค่ะ เนื่องจากฝนตกลงมาในช่วงเช้าตรู่ทำให้อากาศวันนี้เย็นค่อนไปทางหนาว ลมที่พัดมาก็เย้น..เย็นค่ะ แต่ไม่นานแดดอันอบอุ่นก็ช่วยเราไว้ ขณะรำไม่น่าเชื่อว่าถึงจะมีแดดแต่เราก็ไม่ร้อนเลยค่ะ 
และแล้วก็ถึงวันจริงแล้ว หนึ่งขอเล่าด้วยภาพดีกว่านะคะ ^^
หนึ่งและสาม เช้าวันพฺธีรำบวงสรวงศาลหลักเมืองอุดรฯ หน้ายังซีดๆกันอยู่ค่ะ ผมก็ยังไม่ได้ติดดอกจาน
ระหว่างรอพิธีกรรมทางศาสนา
เมื่อมาครบทีมค่ะ ^^
ในที่สุดก็รำได้ค่ะ ^^
ท่ารำมีทั้งยืน นั่ง หมอบ ครบเลยค่ะ ^^
ท่านี้คือท่าจบของการรำบวงสรวง แต่พิธีกรบอกว่านักข่าวและช่างภาพยังเก็บภาพได้ไม่ครบจึงขอให้รำอีกรอบ อิอิ สรุปแล้วเราได้รำที่ศาลหลักเมืองกันทั้งหมด ๓ รอบค่ะ ^^
รำเสร็จเราก็มาเติมพลังกันที่โรงทานค่ะ ^^
เก็บภาพบริเวณใกล้ๆศาลหลักเมืองมาฝากค่ะ วันนั้นฟ้าสวยมากมาย ลมพัดเย็นสบายค่ะ
นอกจากที่ศาลหลักเมืองแล้วนางรำทุกคนยังนัดกันไปรำต่อที่ศาลเทพารักษ์ และศาลเจ้าปู่ย่า ด้วยค่ะ
ศาลเทพารักษ์
เบื้องหลังสิงโตหิน ^^
นางรำที่เริ่มจะจำท่ารำได้บ้างแล้ว อิอิ
ถึงแม้ว่าทั้งสามแห่งที่เราไปรำกันนั้นจะอยู่ไกลกันคนละทิศก็ตาม จะเห็นได้ว่าที่ศาลเจ้าปู่ย่าซึ่งเป็นที่สุดท้ายในการรำครั้งนี้ จำนวนนางรำยังคงมีมากดังเช่นที่ศาลหลักเมืองค่ะ ด้วยแรงศรัทธาจริงๆ ที่นี่รำอีก ๒ รอบค่ะ
จากนั้นหนึ่งและสามก็ได้ชื่นชมกับบรรยากาศที่ไม่เคยเห็นในเมืองอุดรฯ
 
มีสถานที่สวยๆ สงบ ร่มเย็นแบบนี้อยู่ใกล้ๆ UD TOWN ด้วยค่ะ แหะๆ ขอสารภาพเลยว่าอยู่มา ๙ปี เพิ่งมาเป็นครั้งแรกค่ะ ^^"
ถ้าถามว่าหนึ่งได้อะไรจากการไปร่วมรำบวงสรวงครั้งนี้ 
- หนึ่งได้ฝึกซ้อมการรำ อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย (ว่าไปนั่น อิอิ) จริงๆคือนอกจากการรำแล้ว ยังมีเรื่องการแต่งตัวด้วยค่ะ ^^ เพราะเสื้อสีส้มคือสีของดอกจาน(ดอกทองกวาว) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอุดรฯ และนางรำทุกคนต้องติดดอกทองกวาวบนศีรษะฝั่งซ้าย ส่วนผ้าซิ่น คือผ้าพื้นเมือง ในวรรคนึงของคำขวัญประจำจังหวัดอุดรฯ (...ธานีผ้าหมี่ขิด...) 
- ได้รู้ว่าการรำนั้นไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราเลยค่ะ ^^ ทุกคนสามารถฝึกได้
- เมื่อได้ซ้อมรำวันละหลายรอบ และเป็นเวลาติดต่อกัน ๔ วัน ทำให้รู้ว่าการรำที่เห็นว่าอ่อนช้อย ช้าๆ ชิวๆ ก็สามารถทำให้เราเผาผลาญพลังงานไปได้มากเลยทีเดียวค่ะ หลังซ้อมรำจะรู้สึกได้ว่าตัวเบาขึ้น เหมือนการออกกำลังกายอย่างนึงเลยก็ว่าได้ (ถึงว่า...นางรำในวรรณคดีไทยส่วนใหญ่รูปร่างดีทุกคน ^^)
- หนึ่งได้พบกัลยาณมิตรอีกหลายท่านที่มารำและซ้อมอยู่ใกล้ๆกัน จนได้พูดคุยกันเหมือนรู้จักกันมานาน (การมาซ้อมรำก็สามารถเพิ่มเครือข่ายได้)
- หนึ่งได้มีโอกาสอ่านข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดอุดรฯมากขึ้น
- และเป็นโอกาสให้ได้ทำในสิ่งที่เป็นสิริมงคลด้วยค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน ทักทาย และร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ ^^ 

หมายเลขบันทึก: 423543เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2011 17:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

มาชมสาวงามชาวอุดร

ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  ได้เห็นแล้วสบายตา สบายใจ

ดูรูปแล้วเพลินเลย

ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ

สวัสดีปีใหม่จีนค่ะคุณคนบ้านไกล

แหะๆ หนึ่งห่างหายจากการเขียนบันทึกไปซะนานเลย

วันนี้วันดี คิดดี พูดดี ทำดี ทุกอย่างดี เฮงๆๆๆๆ ร่ำรวยๆ มีความสุขมากๆนะคะ ^^

ขอบคุณค่ะ ^^

ดูรูปแล้วเพลินดีค่ะ รูปแจ่มมากเยย เนื้อหาก็น่าอ่านนะค่ะ : )

คิดดี ทำดี พูดดี แล้วทุกอย่างที่ดีๆก็จะมาหาเราค่ะ

สวัสดีจ้าน้องพร

ขอบคุณมากจ้า ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ นะจ๊ะ ^^

เนื้อหาข้อความที่เขียนผสมกับรูปภาพใต้คำบรรยายทำให้อยากไปเที่ยวเมืองอุดรเลยหนึ่งอิจฉาหนึ่งจังได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมดีๆๆเก่งจริงๆๆๆเพื่อนเรา

สวัสดีจ้าแม๊ก

ขอบคุณมากจ้า ว่างๆพาครอบครัว มาเที่ยวอุดรบ้างนะจ๊ะ ยินดีต้อนรับจ้า^^

ภาพรำบวงสรวงปีนี้มีมั้ยค่ะ

แบ่งปันเพื่อเป็นวิทยาทาน ทางการศึกษาด้วยนะค่ะ

 

ขอเอารูปกลุ่มเราแก่ๆมาลงด้วยนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท