มีโอกาสขึ้นเขากระโจมครั้งแรกในชีวิต เพราะอยากเห็นทะเลหมอก
เมื่อตรุษจีนได้มาที่ตีนเขากระโจมครั้งหนึ่งแล้ว ในรายการ Rally
แต่ขึ้นไม่ได้ เพราะต้องใช้รถขับเคลื่นอ 4 ล้อเท่านั้น
ภูเขาเป็นดินทรายบางช่วงผสมดินเหนียวก็หนืด และบางช่วงต้องวิ่งข้ามลำธาร
ตลอดเส้นทางค่อนข้างวิบาก เส้นทางยังดิบๆอยู่พาให้ตื่นเต้นได้เหมือนกัน
ขับรถไปจอดที่รีสอร์ท์ใกล้ทางขึ้น ฝากรถ และสั่งอาหารมื้อเย็นที่นั่น
แล้วออกเดินทาง ขับขึ้นไปตามไหล่เขาที่มองดูออกจะเสี่ยงสำหรับมือใหม่
ระยะ 5 กิโลแรกดีค่ะ
ราดยางตลอด ต่อจากนั้นก็เป็นทางคล้ายลูกรัง ฝุ่นเยอะมาก
ถนนเป็นร่องลึกหลายที่ทีเดียวเราขึ้นถึงยอดเขาเกือบ 5 โมงเย็น
ตลอดระยะเวลาการเดินทางได้ฟังเรื่องราวของการผจญภัยของผู้คนที่มาเที่ยวที่นี่ และ
ได้ฟังเรื่องราวธรรมชาติที่เราเดินทางผ่านจากหนุ่มอาร์ตเจ้าของรถจนเพลิดเพลิน
รวมเวลาเดินทางจากทางเข้าเขากระโจมถึงยอดเขาก็ราวๆ 45 นาที
สัมผัสลมโชยต้อนรับเมื่อเปิดประตูรถลงมา
เหมือนจะต้อนรับผู้มาเยือน ดูเหมือนมีนักท่องเที่ยวกางเต้นท์ไว้แล้ว 2 หลัง
เรามาเป็ฯคณะที่สาม ไม่ทันถึง 10 นาที ลมเริ่มพัดแรงขึ้น และฝนตั้งเค้า
รีบกางเต้นท์เสร็จ โดยมีน้องอาร์ตช่วยจัดการให้ นับเป็นอีกหนี่งบริการของการเช่ารถ
ของชมรมคนรักเขากระโจม ซึ่งไม่ทราบว่ารถคันอื่นเขาบริการแบบนี้หรือไม่
และเราก็รู้สึกพอใจงานบริการของเขาค่ะ ก็เตรียมเครื่องนอนเข้าเต้นท์
ลมแรงมาก พ่อบ้านพูดเสียงดังว่าตกแน่คืนนี้
เสียงอีกคณะหนึ่งที่มาตั้งเป็นครอบครัวใหญ่บอกว่าไม่ตกหรอก
นี่มันละอองหมอก พ่อบ้านหันมามองหน้าฉันและถามเบาๆว่า
(คงเกรงใจเพื่อนเต้นท์ข้างๆจะอึดอัดในความคิด)
"ได้กลิ่นฝนไหม" ฉันพยักหน้า และเริ่มเตรียมถุงพลาสติก
เอาเครื่องนอนทั้งหมดใส่เต้นท์นอน
ดึงเสื้อยืดคอกลมสีขี้ม้าออกมา กระดาษหนังสือพิมพ์เตรียมไว้
และวิ่งไปห้องน้ำเตรียมกายให้พร้อมผจญภัยในค่ำคืนนี้
พระอาทิตย์ยามเย็นสีแดงอมส้มค่อยๆเคลื่อนลง เก็บภาพยังทัน
หยิบกล้องออกจากถุงแล้วเก็บภาพได้จุใจก่อนจะพาตัวเองเข้าเต้นท์
เพราะฝนลงเม็ดแล้ว ยังไม่ทันรูดซิปเลยลมกรรโชกเต้นท์กระเพื่อมหนัก
เสียงนักท่องเที่ยวร้อง...โกลาหล ตัดสินใจล้มตัวลงนอน
เพื่อช่วยให้เต้นท์มีน้ำหนักทั่วถึง
หลบฝนอยู่ในเต้นท์จนถึง 2 ทุ่มครึ่ง ฝนซาเม็ด นอนฟังเสียงฝนต่อ
และคอยซับน้ำฝนที่ไหลรินมาตามผ้าเต้นท์
นึกในใจครั้งหน้าต้องจัดการเรื่องเต้นท์อุปกรณ์สนามให้พร้อมรับฝนด้วย
แล้วก็เผลอหลับไปอีกท่ามกลางเสียงของนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม
ที่มาเที่ยวป่าเขาเหมือนยังกับว่า...เขามาซื้อขายของในตลาดสด
ตื่นมาอีกครั้งเที่ยงคืน โอโห...นึกว่าสว่างแล้ว
แต่เมื่อออกจากเต้นท์มากลับตื่นเต้นกับพระจันทร์ทรงกลด
สว่างจ้าดั่งกลางวัน รู้สึกรักธรรมชาติมากขึ้นมาทันที
อากาศสดชื่นต้องรีบหายใจลึกๆเข้าปอด
นี่ถ้าเป็นยามเช้า ก็คงอยากจะวิ่งขับเหงือสักตั้งหนึ่ง
คว้ากล้องออกมาเก็บภาพ รู้อยู่ว่าจะได้ภาพไม่ดีนัก
ด้วยไม่เคยถ่ายภาพกับสภาพอากาศอย่างนี้ ในเวลาดึกดื่น
และไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอ มันสวยตรึงตา ตรึงใจมาก
ที่สำคัญมากๆคือยังไม่เคยเปิดตำราอ่านเลยว่าเราควรจะตั้งเลนท์อย่างไร
แต่ถ้าขืนรอช้าไม่ดันทุรังถ่ายก็ไม่รู้อาจไม่ได้ภาพอะไรเลย
คิดแล้วจึงกดชัตเตอร์แชะๆ ไปตามใจสั่ง
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านค่ะ
*** สุข-สดชื่น กับธรรมชาติอันงดงามนะคะ ***
เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นดีนะคะ...
ภาพออกมาก็สวยดูดีค่ะพี่ ต้องหาโอกาสไปซะแล้ว..
อากาศสดชื่นมากค่ะ
แต่พอเช้ามืดมีนักท่องเที่ยวบางท่าน
ขึ้นมาผลิตควันทำให้เสีนจังหวะของการสูดโอโซน
ต้องย้ายฐานหาที่ชมธรรมชาติหลายครั้ง
บ้านเราความรับผิดชอบต่อสังคมและ
ใช้ทรัพยากรร่วมกันด้วยดียังเป็นปัญหาอยู่ค่ะ
ขอบคุณค่ะน้อง
สวัสดีค่ะ ครูต้อยติ่ง
เคยไปมาแล้วค่ะ ตอนเช้ามืด ชมหมอกและอาทิตย์ขึ้น
เสียดายไม่ได้นอนค้างค่ะ เลยไม่ได้สัมผัสบรรยากาศยามเย็น
ขอบคุณค่ะ
เย็นที่พี่ขึ้นไปมีลมกรรโชกแรงและฝนตกค่ะ
อีกบรรยากาศหนึ่งที่พลาดไม่ได้
ภาพข้างล่างนี้ก่อนเมฆฝนจะมา
และฟ้าเปลี่ยนสีเมื่อฝนหยุดในค่ำคืนนั้น