Silver cloud
พระพิทยา ฐานิสสโร เสวกพันธุ์

ธรรมสวัสดี


ธรรมสวัสดี
           หลวงพี่มีความสุขมากเมื่อเห็นเพื่อน พี่น้อง พยายามที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีสติ กลับมารักตัวเองอย่างแท้จริง สิ่งเหล่านั้นช่วยหล่อเลี้ยงความเบิกบานในใจหลวงพี่เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเขารักตัวเองเป็น ไม่ต้องห่วง หรือต้องบอกว่ารักคนรอบข้าง วิถีชีวิตจะเป็นพยานที่ตรง ชัดเจน
    หลวงพี่อยากแบ่งปันเรื่องราวในวันแรกที่ถึงประเทศไทย วันนี้มีโอกาสนั่งเครื่องบินแอร์เอเชีย ไม่ทราบว่าที่นครศรีธรรมราช จัดงาน 12 นักษัตริย์  และอาจเป็นช่วงปิดสามวัน คนใช้บริการเต็มเครื่องบิน เดินทางมาค่อนข้างเหนื่อยจากบอร์โด ปารีส อียิปต์ สุวรรรณภูมิ นครศรีฯ กลับครั้งนี้ใส่จีวรพระเซ็น ก็รู้สึกดีมากๆ ไม่ค่อยมีใครใส่ใจ ไม่มีสิทธิพิเศษอะไร รู้สึกเบาสบาย  เห็นหลายๆ คนมีคำถามในดวงตา หลวงพี่แค่ส่งพลังขอให้เขาคิด และทำให้เขามีความสุข เพราะหลายครั้ง เราคิดทำให้ตัวเราเป็นทุกข์ เพราะเรายึด กับคำว่า ถูก ผิด ควร ไม่ควร ใช่ ไม่ใช่ เราไม่เข้าใจธรรมชาติของสิ่งนั้น อย่างแท้จริง เราเป็นเหยื่อของสิ่งที่เรารับรู้มา เมื่อมีอะไรที่แตกต่างจากสิ่งที่เราไม่รับรู้ เราคิดว่าไม่ใช่  ไม่มี ไม่ดี ไม่ถูกฯลฯ เหมือนปลาไม่รู้เรื่องที่นกกำลังเล่าว่า เหนือพื้นน้ำมีสิ่ง สวยงามมากมายเพียงใด ถ้าปลายยอมรับในสิ่งที่ไม่รู้ ก็ดี เป็นสุข และได้คิดว่ารู้เพิ่ม และถ้าปลาดื้อ คิดว่าไม่จริง ไม่ถูก ไม่ปล่อยวาง ปลาก็จะทุกข์อย่างมหันต์  และยิ่งถ้านกก็ไม่ยอม ปลา นกอาจทะเลาะกันใหญ่โต หรืออาจเป็นศัตรูกันในที่สุด ความเป็นเพื่อนเริ่มเปลี่ยน เพราะความไม่เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงนั่นเอง     
      หลวงพี่เองก็เคยตกเป็นเหยื่อกับสิ่งที่รับรู้นับครั้งไม่ถ้วน  แต่เมื่อเรากลับมาสัมผัสความสุข เล็กๆ กับการตามรู้ลมหายใจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง การรับประทาน การดื่ม อย่างมีสติรู้เท่าทัน เราจะเข้าใจชีวิตภายใน และภายนอกมากขึ้น เพราะใจของเราจะกว้างขึ้น ตัวเราจะเล็กลง เราจะขอบคุณ และสำนึกบุญคุณ ในทุกสิ่งที่ทำให้เราดำรงอยู่ตรงนี้ แม้แต่อากาศบริสุทธิ์ที่เรามองไม่เห็น แค่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า ก็ช่างมหัศจรรย์แล้ว ยิ่งถ้าเราอยู่ในชนบท ช่างวิเศษจริงๆ        
   เมื่อขึ้นเครื่องบิน หลวงพี่ได้ที่นั่งติดทางเดินแถวที่ 5 ผู้หญิงสาวได้ที่นั่งตรงกลาง หลวงพี่เลยขอเปลี่ยนเป็นนั่งตรงกลางเพราะผู้หญิงคงเดินเข้าลำบาก แล้วหลวงพี่บอกเปลี่ยนกับคุณลุงที่ริมกระจก แต่คุณลุงไม่ยอม หลวงพี่เลยนั่งสบายๆ แต่นั่งชิดมาทางด้านคุณลุง ถ้าห่มจีวรเถรวาท คงวุ่นวายตั้งแต่ยังไม่ได้นั่งผู้หญิงคนนั้นคงไม่กล้านั่ง แต่เห็นหลวงพี่ห่มจีวรเซ็น เลยคิดไม่มาก แต่ก็คงคิด หลวงพี่แค่อยู่กับลมหายใจอย่างผ่อนคลาย เพราะเราได้พยายามให้สถานการณ์เหมาะสม แต่เราเกี่ยวพันกับหลายเหตุปัจจัยเมื่อไม่ได้ ต้องวางใจ และที่สำคัญคือ สุขสงบ หลังจากนั้นมีพระขึ้นมาอีกสองรูป แอร์ฮอสเตส เลยขอร้องให้ผู้หญิงไปนั่งแถวหลัง เธอยินยอมแต่โดยดี ด้วยท่าทีที่มีความสุข แอร์ออสเตสก็ขอร้องให้คุณลุงที่นั่ง ริมหน้าต่างเช่นเดียวกัน อยากให้พระสามรูปนั่งด้วยกัน แต่คุณลุงแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ และถอนหายใจ เธอขอโทษคุณลุงว่าไม่เป็นไรค่ะ และเปลี่ยนไปขอร้องหนุ่มท่าทางซ่าๆ นั่งแถวหน้าแทน และหนุ่มนั้นยินยอมด้วยความเต็มใจ สถานการณ์เลยดีขึ้น  พระ 1 รูปนั่งหน้า 1รูป นั่งติดกับหลวงพี่ แอร์ออสเตสขอบคุณหนุ่มซ่า อย่างสุดใจ หนุ่มซ่าเลยได้โอกาส แซวว่า เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม เธอได้แต่ยิ้มอย่างขอบคุณ
    หลวงพี่รู้สึกสงสารคุณลุง ไร้ซึ่งการตำหนิ ติเตียน ว่าคุณลุงไม่มีน้ำใจ แต่กลับรับรู้สัมผัส ความไม่สบายใจที่คุณลุงได้รับในเวลานั้น เหมือนคุณลุงอยากปล่อยวางในสิ่ง ที่ตัวเองยึดไว้ เพราะคุณลุงจ่ายเงินพิเศษ เพื่อให้ได้นั่งที่นั้น และคุณลุงอยากมองวิวด้านนอก เพราะเมื่อเราอยากนั่ง 5 แถวแรกต้องจ่ายเงินพิเศษ  หลวงพี่เห็นความทุกข์ในตัวคุณลุง ไม่ใช่คุณลุงไม่อยากมีน้ำใจ แต่ความคิดต่างหาก และความคิดอีกนั่นแหละทำให้เราทุกข์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยากที่จะปล่อยวาง หนุ่มซ่า ทำให้คุณลุงเห็นอะไรบางอย่างที่งดงาม เพราะแค่เราให้ที่นั่งของเรา สิ่งที่เราได้รับ คือ คำขอบคุณ พลังงดงาม ทั้งในตัวเรา และคนรอบข้างเรา  หลวงพี่ได้เรียนรู้ ว่าเมื่อใครทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือทำผิด สิ่งดีที่สุดคือไม่ตำหนิ แต่ต้องเป็นกำลังใจให้คนนั้น เพราะใจเขาบอบช้ำเพียงพอแล้ว กับสิ่งที่กระทำ เรารักเขา เราต้องไม่ซ้ำเติมเขา การซ้ำเติมเขาจะทำร้ายทั้งเราและเขา เพราะเราก็เป็นทุกข์กับการไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจ ธรรมชาติของเขา และเราว่าต่างกัน ไม่ใช่เขาไม่อยากทำดี แต่พลังยังไม่เพียงพอเท่านั้นเอง
    อีกทั้ง หลายครั้ง เราเองตกเป็นเหยื่อกับรูปลักษณ์ภายนอก รัก เคารพนับถือคนที่ภาพภายนอก มิได้มาจากได้จากเนื้อแท้ จากการกระทำ เรายึดติดกับสิ่งที่รับรู้ และตัดสินในทันทีที่เห็น ซึ่งส่วนใหญ่ ก็หาใช่เป็นจริงอย่างที่คิดไม่ เราไม่ให้โอกาสตัวเองเปิดหัวใจให้กว้าง ทำให้ความคิดแคบๆ เป็นนายบงการเรา และปฏิบัติตามกันเรื่อย ไม่กล้าที่เปลื่ยน ทั้งภายในและภายนอก
   ขอให้มีความสุขที่จะเรียนรู้เปิดหัวใจให้กว้างขึ้นทุกๆ วัน ยอมรับสิ่งภายในและภายนอกอย่างที่เป็น ปล่อยวาง วันนี้อยากแบ่งปันความสุขที่หลวงพี่ได้รับจากพลังรอบข้างต่างๆ มากมาย แม้กายจะเหนื่อยล้า แต่ใจช่างเบาสบายเหลือเกิน                                                           
หลวงพี่พิทยา
คำสำคัญ (Tags): #ธรรมะ
หมายเลขบันทึก: 429344เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2011 17:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

นมัสการเจ้าค่ะ

มีความสุข ยิ้มรับกับการอ่านบันทึกนี้ด้วยได้รับพลังแห่งความดีงาม  จากเรื่องเล่าและความรู้สึกอ่อนโยนมีเมตตา ดังคำสอนของท่านติช นัท ฮันห์  เจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

คุณลุงท่านนั้นเป็นคนที่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก และได้รับการกำชับจากลูกสาวให้คอยมองภาพบรรยากาศทั้งหลายบนท้องฟ้าที่ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อน และคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณลุงเคยฝันไว้และลูกสาวคุณลุงก็ต้องใช้แรงงานทั้งหลายกว่าจะให้ได้มาซึ่งเงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวและเลือกที่นั่งให้คุณลุงได้เป็นพิเศษ....หากนี่คือเหตุผลที่คุณลุงไม่อยากสละที่นั่งจากริมหน้าต่าง เราคงเข้าใจคุณลุงมากขึ้นนะคะ

ขออนุญาตแลกเปลี่ยนมุมมองกับพระคุณเจ้าด้วยค่ะ การยอมรับการตัดสินใจของผู้อื่นโดยไม่ตัดสินว่าผิดถูกคือสิ่งที่ทำให้เราเบา สบายด้วยค่ะ 

คำสอนจะไม่เป็นจริง ถ้าเราไม่ลงมือปฏิบัติ  @คุณโอ๋ อโณ ขอบคุณในปัญญาที่ทุกคนล้วนมีอยู่ในตน ไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ความเข้าใจที่แท้เท่านั้นที่ทำให้เรา รักได้อย่างบริสุทธิ์ ไม่มีใครผิดหรือถูกอย่างเช่นคุณโอ๋ว่า ดอกกุหลาบ คงไม่สามารถเป็นกล้วยไม้ จงงามอย่างที่เป็น ไม่มีใครดีกว่ากัน ไร้ซึ่งการตัดสิน ไร้ซึ่งการครอบครอง การให้อย่างไร้เงื่อนไข คือการให้ที่แท้ ยิ่งสิ่งไหนทีเรารักมาก ยึดมาก เมื่อได้ให้ อิสระและความสุขที่แท้จะปรากฏ ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่เราคิดว่าเรา ปล่อยวางทำให้เราเบาสบายที่สุด ถ้ายังยึดอยู่ เรายังคงขังตัวเองไว้ ทุกอย่างมีความงามในตัวของสิ่งนั้นเอง

เด็กนักเรียนหญิงตัวเล็กๆ เดินออกจากโรงเรียนเพื่อที่จะนั่งรถกลับบ้าน บริเวณที่จอดรถประจำทาง มีขอทานหญิงแก่ดูท่าทางอิดโรย นั่งอยู่ เมื่อเด็กคนนั้นเห็นเข้าก็รู้สึกสงสารจับใจ รีบหยิบเงินในกระเป๋า ให้กับหญิงชราผู้นั้น และเธอก็รู้แก่ใจว่า หลังจากที่เธอให้เงินหญิงขอทานไปแล้ว เธอต้องเดินกลับบ้าน ซี่งเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร แต่หัวใจของเธอพองโต เธอเดินกลับบ้านด้วยความสุข และไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่ได้คิดว่าหญิงขอทานนั้น จะหลอกเพื่อเอาเงิน หรือ เป็นขอทานปลอม

กราบนมัสการพระอาจารย์ขอรับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท