โปรแกรมเอ็กเซลเปรียบเทียบบำเหน็จบำนาญแบบปกติกับกบข.ใหม่ล่าสุดก่อนตัดสินใจออกมิถุนายน2557นี้


เงินบำนาญหายไปกี่บาท? และจุดคุ้มทุนเมื่อมีอายุเท่าไร? ในการรับบำนาญแบบกบข.กับแบบเดิม

โปรแกรมเอ็กเซลคำนวณบำเหน็จบำนาญกบข.นี้ เป็นโปรแกรมที่คำนวณบำเหน็จบำนาญทั้งแบบปกติและแบบ กบข. พร้อมทั้งนำมาเปรียบทียบกันด้วย โดยการรับบำนาญแบบ กบข. จะมาวิเคราะห์ตัวเลขจุดคุ้มทุนว่าข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.สมควรที่จะมีอายุยืนยาวที่เท่าไรเมื่อนำบำนาญแบบปกติมาเทียบเคียง ซึ่งท่านต้องกรอกข้อมูลที่เป็นตัวเลขที่ท่านคาดการณ์ว่าท่านจะได้รับเงินเดือนตอนเกษียณเท่าใดและจะมีเงินประเภทต่างๆเป็นจำนวนเท่าไร ทั้งนี้ในโปรแกรมยังได้เตรียมช่องกรอกข้อมูลที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายการคิดบำเหน็จบำนาญจากเงินเดือนสุดท้ายเฉลี่ยน้อยลงเป็น 2-4 ปี (อาจเปลี่ยนเป็น 48 เดือน) และการคิดอัตราส่วนเกินของบำนาญไม่เกินร้อยละ 80-90 (อาจเปลี่ยนเป็นร้อยละ 80) 

อ่านข้อมูลองค์กรเครือข่ายสมาชิก กบข. แห่งประเทศไทย  1) แถลงการณ์ 19 มี.ค. 2555, แถลงการณ์ 9 มี.ค. 2556,  2) นัดชุมนุม 26 มี.ค. 2556 คลังเมินรื้อสูตรบำนาญ กบข., 3) รายงานการเคลื่อนไหวในการชุมนุม 26 มี.ค. 2556, 4) ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล ประธานองค์กร แถลงข่าวผลการชุมนุม 29 มี.ค. 2556, 5) ข่าว กบข.จัดประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ประจำปี 2556  

ท่านสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมเอ็กเซลได้ที่นี่ไฟล์รุ่น 2003 คลิกที่นี่ 2003, ไฟล์รุ่น 2007 คลิกที่นี่ 2007

สำหรับคำถามสำคัญของมวลหมู่สมาชิก กบข. ก็คือ สมาชิกที่ได้รับเงินผลประโยชน์ต่างๆ รวมกับเงินบำนาญที่ลดลงจะคุ้มค่ากันหรือไม่กับการสละรับบำนาญแบบปกติ โปรแกรมนี้ช่วยท่านคำนวณได้ แต่ช่วยแก้ไขปัญหาให้ท่านไม่ได้ ท่านต้องใช้พลังของมวลหมู่สมาชิกจำนวนมากในการแก้ไขระเบียบต่างๆในการดำเนินการ โดยขอสรุปประเด็นสำคัญที่สมาชิกควรได้รับทราบอย่างตรงไปตรงมาจากกองทุน กบข. แต่ไม่ค่อยได้รับทราบ ดังนี้

1.จากปรัชญาบำเหน็จบำนาญ ที่จัดเป็นสวัสดิการของข้าราชการ ที่ควรเป็นขวัญกำลังใจหรือบำเหน็จความดีของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กองทุน กบข.ที่ควรจดจำและระลึกถึงอยู่อย่างเสมอ

2.การปรับเปลี่ยนเงินต้นและผลประโยชน์ต่างๆของสมาชิกเป็นหน่วยลงทุนนั้น สมาชิกท่านทราบหรือไม่ว่า การคำนวณหน่วยลงทุนที่สมาชิกได้รับนั้น จะต้องหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆก่อนแล้วทุกปี (คำนวณเป็นวัน ก็มีการประมาณการค่าใช้จ่ายก่อน)

3.กองทุน กบข.มีจำนวนมากมายมหาศาลขึ้นเรื่อยๆตามกฎหมาย ย่อมทำให้ยอดการลงทุนเสี่ยงภัยในหุ้นมากมายมหาศาลตามไปด้วย ถึงแม้ว่าจะกำหนดอัตราการลงทุนประเภทเสี่ยงภัยไว้ที่ร้อยละ 40 (ตามทัศนะของผม ยอดเงินและการเสี่ยงภัยขนาดนี้เป็นอัตราที่มากเกินไป) ถึงแม้ว่าจะมีคณะกรรมการควบคุมและคณะกรรมการบริหารชั้นเยี่ยมก็ตาม ทั้งยังไม่สามารถให้คณะกรรมการบริหารรับผิดชอบได้ในกรณีการขาดทุนที่หน่วยลงทุนลดลง ดังเช่นกรณีปี พ.ศ.2551 เพราะการอ้างเหตุผลที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ซึ่งถ้าเป็นมืออาชีพแล้ว จะไม่มีการกล่าวอ้างเช่นนี้ เพราะเป็นปัจจัยที่เราควบคุมเองไม่ได้ แต่เราสามารถที่จะคาดการณ์หรือพยากรณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ (ถ้าเป็นมืออาชีพจริง มันท้าทายดี และถ้าเป็นอย่างนี้ให้ใครที่เล่นหุ้นเป็น ก็บริหารได้) การไม่มีผู้รับผิดชอบเช่นนี้ ต่อไปในอนาคต กลัวว่าจะเป็นแบบอย่างให้ดำเนินการอย่างขาดความรอบคอบหรืออาจมีการช่วยเหลือกันได้ ซ้ำคดีความต่างๆหลายร้อยคดี สมาชิก กบข.แพ้อยู่เรื่อย

4.ในกรณีที่ในปีใดมีการขาดทุน หน่วยลงทุนลดลง ที่เป็นการลดลงในกระดาษมูลค่าหุ้นเท่านั้น แต่ถ้าสมาชิกเกษียณและอยากได้เงินในปีนั้นพอดี ก็จะได้รับเงินตามมูลค่าที่ลดลงนั้นด้วย จะเห็นว่าเงินลงทุนของสมาชิกส่วนใหญ่ก็ยังมีการลงทุนอยู่ต่อไป ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ามวลหมู่ในกลุ่มสมาชิกไม่สามารถช่วยเหลือกันได้เลย เพราะตัวใครตัวมัน หน่วยลงทุนก็เป็นของใครของมัน ขาดหลักธรรมเมตตาสามัคคีกันในขณะที่สามารถทำได้ ถ้าการขาดทุนนั้นทำให้สมาชิกได้รับเงินผลประโยชน์ที่ต่ำกว่าเงินต้น+อัตราของเงินเฟ้อในแต่ละปีแบบสะสมตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นสมาชิก เพราะเงินบำเหน็จบำนาญที่คิดให้ก็ต่ำกว่าแบบปกติแล้วยังไม่เพียงพออีกหรือยังต้องขาดทุนเงินผลประโยชน์ที่ได้อีก แต่จะมีคำถามจากกองทุน กบข.ว่าจะช่วยอย่างไร ผมว่าไม่ยากหรอก อาจจะรู้แล้วแต่ไม่ทำก็ได้ ก็ให้กองทุนท่านสร้างระเบียบเพื่อสร้างหลักประกันให้แก่สมาชิกในกรณีนี้ โดยหักรวมกับค่าใช้จ่ายก่อนคำนวณเป็นหน่วยลงทุนเท่านั้นเอง

5.จึงมีคำถามจากสมาชิก กบข.อีกมากมายว่าทำไมเราต้องเข้ามาเล่นหุ้นด้วยหรือ ทำไมเราต้องมาเสี่ยงภัยด้วยหรือ เราไม่ชอบ เราไม่อยากเสี่ยง เราไม่อยากได้เงินมากมายหรอก เราอยากได้ในสิทธิที่เราควรได้เหมือนแต่ก่อน เราต้องการเพียงหลักประกันความมั่นคงในชีวิตเราเมื่อเกษียณอายุแล้วเท่านั้น แต่เราทำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็เราก็ก้มหน้ารับกรรมนี้ต่อไป ในสังคมไทยๆเช่นนี้

6.มีคำถามที่พบเห็นอยู่บ่อยๆคือถ้าเราได้เป็นสมาชิก กบข.อย่างไม่ตั้งใจ หรือเป็นสมาชิกเพราะในตอนที่มีการรณรงค์ครั้งแรกปี 2540 มีโปรแกรมคำนวณทดลองให้ดู แต่ปัจจุบันไม่อยากเป็นสมาชิกแล้ว หรือเงินได้ที่คำนวณนั้นน้อยกว่าเมื่อตอนรณรงค์ เช่นนี้จะทำอย่างไรดี จะออกก็ไม่ได้เพราะกฎหมายบังคับให้ได้รับเงินได้ลดลงเป็นจำนวนมาก อย่างนี้แล้วจะทำอย่างไรดี ช่วยกันคิดดังๆทีครับ (หรือเปลี่ยนกฎหมายเป็นเงินเดือนเฉลี่ย 2 ปีก็พอแล้ว และเงินบำนาญก็ไม่เกินร้อยละ 90 ดีไหมครับ)

 ตัวอย่างรูปโปรแกรมเดิมนี้

 

หมายเลขบันทึก: 433351เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2011 22:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:43 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (39)
  • เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ  ยกให้ กบข.เลย
  • ขอลาออกจากเป็นสมาชิก ( แก้กฏหมายให้หน่อย )
  •  กบข.ต้องฟังความเห็นสมาชิกบ้าง
  • กบข. เป็นระบบเผด้จการ น่าจะศึกษาระบบสหกรณ์บ้าง

สมาชิก กบข.ที่เป็นทหาร,ตำรวจ ที่ปฏิบัติราชการชายแดน เขาได้วันทวีคูณ แต่เมื่อ กบข.กำหนดให้ไม่เกินวันรับราชการไม่

เกิน 35 ปี เช่น รับราชการตั้งแต่ อายุ 20 ปี จนถึงอายุ 50 ปี อายุราชการ 30 ปี ในระหว่างรับราชการได้มีคำสั่งให้ไป ปฏิบัติงานป้องกันประเทศ (ออกสนาม, ออกชายแดน) 20 ปี (การออกราชการเอาชีวิตไปเสี่ยงต่าง ๆ นา ๆ) รวมมีอายุราชการ 50ปี ถ้าเป็นสมาชิก กบข.ลาออกเมื่ออายุ 50 ปี คิดแล้วได้รับเงินจำนวนเต็ม (เวลารับราชการ คูณ เงินเดือนสุดท้าย หาร 50)แต่เข้า กบข.เขาคิดให้ไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ (ให้เวลารับราชให้ แค่ 35 ปี ) หายไป 15 ปี ถ้ารอเกษียญ อายุ 55 ปี หายไป 20 ปี แล้วจะอยู่ปฏิบัติงานไปทำไหม วันรับราชการได้มาก็ไม่สามารถคิดบำเหน็จ/บำนาญได้ ขอลาออกเป็นจาก กบข.ขอแค่ เงินที่หักไป เงินประเดิม และเงินสมทบไม่เอา

นอ ระบิล อิ่มเอิบธรรม

ก่อนeariyปี๔๗ ผมขอลาออกก็ไม่ได้ ได้เงินมา๕แสน๕ แต่บำนาญลดลง๘พัน เงิน30เท่าลดลง๓แสน ๘พันคูณ๑๒เท่ากับ๙หมื่น๖ ผ่านมาแล้ว๘ปีเป็นเงิน๗แสน๖หมื่น๘พันบาท หากกู้ธนาคารก็คงหมดไปแล้ว แต่ก็ยังถูกหักบำนาญเดือนละ๘พันอยู่ เงิน๓แสนก็หายไปเฉยๆ คุ้มค่าใหม


ถึงเวลานี้คงไม่ต้องมาส่งสัยอะไรกันอีกว่า กบข.ดีหรือไม่อย่างไร   และที่เคยอ้างมาตลอดว่า คนกลุ่มนี้เขาได้รับเงินก้อนจาก กบข.ไปแล้ว (เงินประเดิม เงินสมทบ เงินชดเชย)  เพราะเงินก้อนที่ได้รับมันน้อยกว่าที่ขาดหายไป    อยากกลับไปใช้สูตรเดิมจริง ๆ  ไม่เอาแล้วเงินล้านลม ๆ แล้ง ๆ ที่นำมาหลอกล่อ   ความจริงมันปรากฏแล้ว  เลิกอ้างเสียที  สูตรบำนาญโหด  ขูดรีด ขรก.  ให้เวลาราชการแค่ 35 ปี   ตัดวันทวีคูณ   เฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือน  .ให้ไม่เกิน 70 %  บำเหน็จตกทอด 30 เท่า ก็ได้น้อย  เพราะบำนาญมันน้อย   เฮ้อ..เวรกรรม

ตอนโปรโมท เงินกบข.บอกความจริงไม่หมด ขรก. ส่วนมากหลงเชื่อคุณแม่ เป็นสมาชิกกบข รุ่นแรก แล้วมา เกษียณราชการปี 2542 ทั้งที่รับราชการมาไม่น้อยกว่า30ปี สุดท้ายรับบำนาญไปไม่คุ้มเลย ตอนนี้มาได้กับตนเองเช่นกัน


นึกไว้แล้วตั้งแต่แรกว่าต้องออกมาแบบนี้เชื่อสิพวกมันได้ผลประโยชน์มากไม่แก้ให้ หรอก

ขอบพระคุณผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

เรารวบรวมรายชื่อเพื่อขอแก้กฏหมายจะได้มั๊ยครับ อยากลาออกจาก กบข.มากเอาเปรียบ ขรก.สุดๆ


วันทนา ทวีธนาปภาวี


ต้องการลาบอกจาก กบข แล้วไปรับระบบเดิมจะต้องทำอย่างไร ช่วยบอกด้วยค่ะ

เสื้อแดงเผา  ได้ 7ล้าน..เดี๋ยวให้เสื่อแดงไปเผาตึก กบข.ทิ้งดีกว่ามั้ง..โกหกกันดีนักไอ้ กบข.

อยากให้ตึก กบข.เป็นเหมือนตึกที่สหรัฐจังเลยตอนที่คณะผู้บริหาร กบข.อยู่กันครบทีม


ข้าราชการที่ถูกหลอก

ทำไมต้องคิดแค่ 35 ปี เอาอะไรมาคิดว่าต้อง 35 ปี ทำไมไใ่เอาอายุราชการที่เขารับจริงบวกวันทวีคูณมาคิดเลยแค่นี้คณะกรรมการบริหาร กบข ก็มีเงืนกินกันมะหาสารแล้ว

ศึกษาข้อมูลดีๆครับ ศึกษาให้ถ่องแท้ อย่าฟังข้อมูลผิดๆแล้วไปตีโพยตีพายกันเอง ได้อย่างเสียอย่างครับ ดีสำหรับคนกลุ่มนึงแต่ก็เสียสำหรับคนอีกกลุ่มนึง ตอนนี้เขามีให้เลือกแล้วว่าท่านจะเลือกรับผลปรัโยชน์แบบเดิมหรือจะรับแบบ กบข. ต่อไป สำหรับสมาชิกที่สมัครใจเป็นสมาชิก ส่วนสมาชิกภาคบังคับไม่มีสิทธิ์เลือกนะครับ แต่เมื่อคำนวนผลประโยชน์ที่จะได้รับแล้ว ถือว่าเหมาะสมดีครับ ตัวอย่างง่ายๆนะครับ กบข กับ รับ บำนาญแบบเดิม เปรียบได้เหมือนเราไปซื้อรถน่ะครับ ถ้าเรามีเงินดาว เงินผ่อนเราก็น้อยลง แต่ถ้าเราไม่มีเงินดาว เงินผ่อนเราก็มากครับ เช่นเดียวกัน กบข จ่ายเงินก้อนให้เราหนึ่งก้อน พร้อมกับเงินรายเดือนส่วนนึง เหมือนกับการซื้รถแบบมีเงินดาว แต่ถ้ารับบำนาญแบบเดิมทางรัฐไม่มีเงินก้อนให้ มีแต่เงินรายเดือนให้เท่านั้น เปรียบกับซื้อรถไม่มีเงินดาว ดังนั้นการรับบำนาญแบบเดิมถึงได้เงินรายเดือนมากกว่าไงครับ ถ้าเราเกษียรแบบพร้อมแล้วก็เหมาะสำหรับการไปรับแบบเดิมครับ คือ มี บ้าน รถ พร้อมหมดแล้วน่ะ แบบไม่ต้องไปสร้างอะไรอีกแล้งหลังเกษียร แต่ถ้าเกษียรไปแล้วยังไม่มีอะไรเลยก้ลองคิดดูแล้วกันครับ ว่าเงินรายเดือน กับเงินก้อน อันไหนน่าจะทำประโยชน์ให้กับตัวท่านได้มากกว่ากัน รายละเอียดมีเยอะครับ

ทหารเก่ารับใช้ชาติออกสนามชายแดน 14 ปี

ผมเข้ารับราชการตั้งแต่ปี พ.ค. 2516 ถึง 30 ก.ย. 55 รวมรับวันรับราชการปกติ 40 ปี 1 เดือน ออกปฏิบัติราชการสนามชายแดน ทั่วประเทศไทยรวม 13 ปี เงินเดือนสุดท้าย 31,880 บาท พ.ส.ร.2,213.บาท รวมเงินเดือนสุดท้าย 34,093.-บาท แต่เมื่อเออรี่เมื่อ 2 ต.ค.55(ปีงบประมาณ 56) ถ้าผมรับบำนาญระบบเดิม ผมก็จะได้รับเดือนเท่ากับเดือนสุดท้ายเพราะวันทวีคูนผม 13 ปี ผมเป็นสมาชิก กบข.ปัจจุบัน่่ได้รับบำนาญเดือนละ 18,719.87บาทหายไป 15,373.13บาท แต่รับเงินก้อน กบข.มา 632,565 บาท ผมมานั่งคิดว่าเงินเดือนของผมที่ลดลงไปนั้นเดือนละ 15,373.บาท ถ้า 1 ปี เงินก็จะหายไป

15,373x12=184,477.56.บาท ตอนนี้ผมอายุ 57 ปี อีก  3 ปี ครบ 60 ปี เอา 3x184,477.56.= 553,432.68บาท แล้วนะครับนี่เฉพาะเงินที่ขาดหายไปนะครับ และมาคิดเงินบำเหน็จตกทอด คือ 30 เท่าของบำนาญ ปัจจุบันผมได้รับเงินบำนาญ 18719x30=561,570บาท รับามแล้ว 200,000 บาทเหลือ 361,570.บาทญาติรับเมื่อตาย และ ถ้าผมไม่ได้เป็นสมาชิก กบข. ผมได้รับบำนาญเดือนละ 34,093x30=1,022,790.บาท คิดแล้วเงินบำเหน็จตกทอดผมหายไปอีก 461,220.บาท ผมก็ไม่รู้เหมือนกั้นว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ผมสมัครเข้าเป็นสมาชิก กบข. ถ้าผมได้บำนาญเดือนละ 20,000 ขึ้นไปผมก็ไม่คิดอะไรมากหรอกครับ แต่นี้เงินผมลดหายไปเกือบครึ่งของเงินเดือนสุดท้ายของผม ก็เลยอยากให้เพื่อน ๆ ที่เป็นสมาชิกก่อนปี 40 คิดให้ดีนะครับว่าจะอยู่หรือจะไปสำหรับผู้ที่มีวันทวีคูณเกิน 5 ปีขึ้นไป

ผมสนับสนุนให้รัฐบาลรีบนำ พรบ.กบข.ใหม่เข้าสภาและถ้าท่านเห็นสมควรก็ยกมือผ่านร่างถ้าไม่เห็นสมควรก็เอามือซุกเอาไว้พวกเราสมาชิก กบข.จะได้จำพวกท่านไว้ให้ถูกต้อง  ขออย่าใช้การซึ้อเวลาไปเรี่อยๆผลจะออกมาอย่างไรพวกเราจะได้ดำเนินการต่อไป

กล้ากล้ากันหน่อย   พวกเราต้องการรู้ความตั้งใจจริงของท่าน ส.ส.ทั้งหลาย

 

+++คุณทหารเก่าฯ เรื่องของคุณเป็นเรื่องน่าเห็นใจมาก คุณมีความคิดคล้ายผมตรงที่ ถ้าได้รับบำนาญเกิน 20,000 บาทขึ้นไปสักเล็กน้อยจะไม่คิดอะไรมาก ผมรับราชการทหารเช่นเดียวกับคุณ เวลาราชการรวมวันทวีคูณ 44 ปี ผมเกษียณปี 51 เงินเดือนเดือนสุดท้าย 32,480 บาท ปัจจุบันรับบำนาญระบบ กบข. 19,119 บาท ถ้าผมกลับไปรับบำนาญตาม พ.ร.บ.ฯ พ.ศ. 2494 จะได้รับบำนาญเดือนละ 28,582 บาท ซึ่งต่างกับเงิน กบข. เดือนละ 9,462 บาท 1 ปีเป็นเงิน 113,551 บาท ถ้าถึงวันที่ 30 กย. 51 ผมยังไม่เบื่อโลก ส่วนต่างจะเป็น 681,306 บาท ผมรับเงินก้อนจาก กบข.579,015 บาท เป็นเงินสะสม+ผลประโยชน์ 118,365 บาท เงินประเดิม,เงินสมทบและเงินชดเชย+ผลประโยชน์ 460,649 บาท ถ้าไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ. กบข. 6 ปีผมจะขาดทุน 220,657 บาท เท่านี้ยังไม่พอ ถ้าเบื่อโลกเมื่อไรความต่างของบำเหน็จตกทอดที่จะตกแก่ทายาทก็จะต่างกันอีกหลายแสน/พอเท่านี้ก่อนนะครับ/ตัวเลขที่ผมแสดงให้ดูอาจจะไม่ตรงนักเนื่องจากตัวเลขจริงมีเศษสตางค์ด้วย/ขอบคุณครับ

ผมเสียวันทวีคูนทิ้งไปเฉยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

หมดกำลังใจเบื่อระบบไม่ช่วยอะไร มีแต่หาช่องเอา

เปรียบ ไม่มีจิตที่จะช่วบแล้วก็มาโทษคุณไม่รู้ไม่ศึกษาให้ดีเอง

ก็คนนั่งระวังแต่ภัยจับแต่ปืนจะเอาเวลาไหนมาศึกษา

ตอนที่สมัครเป็นสมาชิก กบข นั้น คิดว่า เป็นการช่วยชาติไปก่อน เพราะทราบข่าวว่า เศรฐกิจของประเทศกำลังมีปัญหา 

ณ ปัจจุบัน ถ้าสามารถเปลี่ยนกลับไปรับบำนาญระบบเดิม ก็จะมีความสุขมาก ๆ

เริ่มทำงานปี2538 ถือว่าฟลุ๊คมากคิดจะลาออกจาก กบข.แน่ คงทำงานให้ครบราชการแค่25-26ปี ก็คงออก เพราะระบบงานราชการทุกวันนี้มันแย่มากขึ้น มากขึ้น ท้อแท้กับผู้บริหาร ยังไงก็คงไม่ทำงานจนเกษ๊ยณแน่ โชคดีจังคงออกจาก กบข. อย่างน้อยเงินบำนาญรายเดือนก็เพิ่มขึ้นและมีความสุขกว่าให้ กบข.นำเงินไปลงทุนต่างประเทศแล้วทำอะไรไม่เป็น(ไม่ปล่อยให้คนกินมันหมุนเงินผมต่อไปแน่)

ตอนแรกมี กฏหมายออกมาก็ดีใจนะว่าจะลาออก  แต่เมื่อคิดใหม่แล้ว  ถ้าเราจะคุ้มทุนก็ต้องอยู่ให้ถึงอายุ 70 ปี  ซึ่งประเมินแล้วไม่น่าถึง  ข้อเสียที่พบก็คือเราขาดเงินออม  ถ้าลาออกตอนนี้ได้ไม่เกิน 4 แสน  ถ้าไม่มาหมุนต่อก็คงหมดภายในเวลาไม่นาน  และเงินออมที่เคยออมทุกเดือนก็จะหายไป  ยกเว้นว่าจะต้องมาศึกษาหาวิธีการออมใหม่ด้วยตัวเองและดอกผลการออมต้องชนะเงินเฟ้อด้วย  สิ่งที่เสียดายอีกอย่างคือรายได้แอบแฝงที่มาจากการลดหย่อนภาษีก็จะหายไปด้วย  ก็เลยคิดว่าไม่ออกดีกว่า  รอเอาเงินก้อนเพื่อมาใช้จ่ายหรือมาบริหารหลังจากเกษียณ  ค่อนข้างอุ่นใจมีเงินก้อนมากอดไว้ก่อน  ดีกว่าถูกเฉลี่ยให้รับเป็นเดือน ๆ ไป  เป้าหมายของเงินก้อนนี้คือ  ไว้ท่องเที่ยวยามเกษียณ  เป็นเงินก้อนสำรองยามเหตุการณ์ฉุกเฉิน  อย่างน้อยขอเอาเงินล่วงหน้าออกมาก่อนแล้วกัน  ดีกว่ามารับเฉลี่ยรายเดือน  ถ้าอายุสั้นต้องขาดทุนแน่ ๆ

ปัญหาของ กบข. คือ มันถูกออกแบบโดยคนที่มองข้าราชการเป็นแค่แรงงานเท่านั้น และเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานที่ต้องใช้ชีวิตแบบข้าราชการระดับล่างในพื้นที่เสียงภัย (ไปดูรายชื่อคนคิด กบข. และผู้บริหารชุดแรกดู) จึงไม่ได้มองข้าราชการว่าต้องเป็นผู้ที่ีต้องเสียสละในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการที่ต้องเสี่ยงภัยในสถานการณ์อันตราย เช่น ข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ดังนั้น การให้เงินตอบแทนภายหลังเกษียณจึงให้มูลค่าตำ่มาก (เพราะถือว่าคุณไร้ค่าแล้ว และเป็นภาระที่ต้องดูแล ยิ่งเอาเปรียบคุณได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีกำไรเท่านั้น) วันทวีคูณจึงไม่ถูกนำคิดให้กับข้าราชการที่เสี่ยงภัย (เพราะเขาคิดว่าคุณมันแค่แรงงาน ไม่ใช่ผู้เสียสละ)  ผมขอทำนายว่า ถ้าระบบคิดของ กบข. ยังเป็นอยู่เช่นเดิม ต่อไปมันจะทำให้ข้าราชการรุ่นใหม่ซึ่งถูกบังคับให้เข้า กบข. โดยไม่เต็มใจ กลายเป็นคนไม่มีแรงจูงใจที่จะทำงานเสี่ยงอันตรายเพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะแสวงหาที่ทำงานที่ปลอดภัย สะดวกสะบาย เพราะคุณได้เงินเดือนน้อยอยู่แล้ว สุดท้ายตอนเกษียณคุณก็ได้เงินเท่าคนที่นั่งทำงานในส่วนกลาง เพราะ กบข. มันไม่รู้จักวันทวีคูณ  ผมอยากให้ กบข. มีมุมมองต่อข้าราชการว่าเป็นผู้ที่อุทิศตัวทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำงานเพื่อหวังรวย ข้าราชการเรานั้นไม่ได้หวังเงินเดือนมาก แต่หวังว่าภายหลังเกษียณแล้วจะดูแลชีวิตตนเองและครอบครัวได้โดยไม่ลำบาก (อย่าลืมว่าคนแก่แล้ว ค่ารักษาพยาบาลจะมากกว่า ค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ผ่อนบ้าน หรือส่งเสียลูกเรียน ก็ยังไม่หมดไป) ดังนั้น ขอได้โปรดปรับเปลี่ยนสูตรคิดบำนาญหลังเกษียณใหม่ ให้ข้าราชการได้รับเงินมากกว่าสูตรบำนาญเดิมเถิดครับ

นักรบที่มีเวลาราชการเป็นทวีคูณหลายๆปี เสียเปรียบมาก

สำหรับข้าราชการที่มีวันทวีคูณก็น่าที่จะใช้บำนาญแบบเก่า แต่ปัจจุบัน ร่างพรบ.นี้ยังอยู่ในสภาในช่วงการรับหลักการและรัฐบาลได้ยุบสภาไปเสียก่อน จึงยังไม่สามารถออกเป็นกฎหมายได้ ก็ต้องคอยต่อไปจนกว่าจะผ่านเป็น พรบ.ที่ให้สมาชิก กบข.ได้เลือกอยู่หรือออก (ซึ่งไม่ทราบว่าจะนานกี่เดือน เพราะการเลือกตั้งไม่เสร็จสิ้น และไม่ทราบว่าจะหานายกได้หรือไม่) แต่ถ้ามีการปฏิรูปประเทศสำเร็จ ก็ฝากให้ปฏิรูปกฎหมายนี้เสียใหม่ หรือแปรญัตติใหม่ เช่น การเพิ่มอัตราเป็นร้อยละ 80 และลดเงินเดือนเฉลี่ยลงเป็น 3-4 ปีหรือ 36-48 เดือน เป็นต้น

คุณทหารเก่า

ผมขรก.สังกัด กพ. ตามความเข้าใจ เงินเพิ่มสู้รบพิเศษ ไม่น่านำมาคิดบำเหน็จบำนาญด้วย น่าจะคิดเฉพาะเงินเดือนอย่างเดียว

แก้ใหม่ซะ   เอา 85%   เงินเดือนย้อนหลัง 24 เดือน   หวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง(ได้เสีย)  จะเอาไปพิจารณา

แต่ละคนมี เหตุปัจจัยไม่เหมือนกัน  ใครมี อายุราชการ 35 ปี หรือใกล้เคียง น่าจะได้ประโยชน์
คนที่อายุราชการเกิน  35 ปี เยอะ ๆ ส่วนต่างจะมาก กบข จะไม่ค่อยดี

พ่อใหญ่คำก่ำ บ้านนาดอน

ปัญหาข้อสงสัยที่ร้องเรียนในครั้งนี้ มีดังนี้ เปรียบเทียบพ.ร.บ.บำนาญ ๒๔๙๔กบข UNDO

๑. ข้าพเจ้ารับมา ๑ ต.ค. ๒๕๔๓- ๓๐ ก.ย. ๕๗ =+3,798,319.392 บาท*=- 2,589,513.36บาท*เดือนละ 22,609.044X168 ด.ก.บข. 15,413.77X168 ด. ส่วนต่างบวก = 1,208,806.032บาท**๒.ภรรยารับมา ๑ ต.ค. ๒๕๔๗- ๓๐ ก.ย. ๕๗ = +3,127,314.00 บาท = - 1,914,765.60บาทเดือนละ 26,0609.95 X120 ด.ก.บข. 15,413.77X120 ด.ส่วนต่างบวก = 1,212,548.40บาท**

ข้อสงสัยข้อ ๑ เงินส่วนต่างของข้าพเจ้า +1,208,806.032บาท**ภรรยา +1,212,548.40บาท มีสิทธิ์จะไดรับหรือไม่ถ้าได้รับ รับจากส่วนไหน ตาม พ.ร.บ.บำนาญ ๒๔๙๔ และหรือ กบข.

ข้อสงสัยข้อ ๒ เงินบำนาญ พ.ร.บ.บำนาญ ๒๔๙๔ แก้ไข ๒๕๕๗ UNDO-Redo ข้าพเจ้า = +3,798,319.392 บาท* ภรรยา = 2,589,513.36บาท*จะได้รับจากส่วนไหน กรมบัญชีกลาง หรือ และ กบข. อนาคตถ้าข้าพเจ้าตายหลัง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ทายาทได้รับบำเหน็จตกทอดดังนี้เงินบำนาญ =22,609.044x30เท่ากับ 678,283.20 บาทกบข. 15,413.77 x 30“ 462,413.10 บาทผลต่างบวก = 215,870.10บาทคิดดูข้อสงสัย ๓ข้อมูลนี้เป็นเพียงตัวเลขที่คิดค้นด้วยตนเอง อาจจะถูกหรือผิด ก็ยอมรับ แต่ได้คำนวณตามหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่ กรมบัญชีกลางและ กบข. ส่งให้ก่อนวันเกษียณอายุราชการ ตามประกาศเดิมจะได้รับเงินตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปก็พอมีเวลาหายใจไปอีก๓๘ วันยังไม่ตาย แต่ถ้าขยายเวลาไป ถึง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ จะต้องหายใจไปอีก ๓๖๕ วัน รวมแล้ว เป็นเวลา๔๑๓ วัน ก็ไม่ทราบว่าชีวิตนี้จะมีบุญวาสนาอยู่ได้ไปถึงไหน เพราะเป็น...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้แต่สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ภาวนาจิต ให้ตัวเอง ภรรยา และข้าราชการบำนาญทั้ง แปดเก้า แสนกว่าคนทั่วประเทศ ขอให้ช่วยกันหายใจยาวๆ ไว้ให้ได้นานๆ๔๑๓ วัน ปีกว่าๆ คงไม่นานเกินรอนะขอรับแต่ก็ไม่ลืมว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจจะธรรม ทุกคนหนีไม่พ้นแต่มีบุญนำส่งคือ การทำความดี ความดีไม่มีขาย อยากได้ทำเอา ความดีทำได้ทุกที่ ทุกเวลานาที ไม่จำกัดกาล ถ้าเราหยุดนิ่งคือเราถอยหลัง ต้องก้าวไกลให้ทันการณ์ทุกเวลานาที ละชั่ว คือ ศีล, ทำดี คือ มีสมาธิ,ใจบริสุทธ์ คือ ปัญญา...? ด้วยความปรารถนาดี ขอรับ...…….ชยสิทฺธิธนํ ลาภํโสตฺถิ ภาคฺยํสุขํพลํ สิริอายุจวณฺโณ จโภคํวุฑฺฒิจยสวาสตวสฺสาจอายูจชีวสิทฺธีภวนฺตุเต. ฯ

***อดีต-ปัจจุบัน- อนาคต..ข้าราชการบำนาญ อดใจรอ หายใจไว้ให้ถึง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ต้องยังไม่ตาย....?

บทสรุป ปัญหาข้อสงสัยนายคำดีที่ร้องเรียนในครั้งนี้ มีดังนี้ เปรียบเทียบ พ.ร.บ.บำนาญ ๒๔๙๔ --- VS --- กบข.๒๕๔๐

อดีต-ปัจจุบัน ข้อมูลที่ ๑ คิดเวลาราชการตั้งแต่วันเกษียน๑ ต.ค.๒๕๔๓ –๓๐ ก.ย.๒๕๕๗...กรมบัญชีกลาง—VS-- กบข.เวลา ๑๖๘ เดือน

นายคำทอง บำนาญสูตรเดิม ได้ 22,609.044 X168 = 3,798,319.392 บาท(ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ กรมบัญชีกลาง*

-บำนาญ กบข.15,413.77X168 =2,589,513.36บาท + รับเงินสดจาก กบข.ไป 412,,647.18 บาท

รวมรับจาก กบข.ไป ๒ รายการเป็นเงิน 3,002,160.54บาทตัวตั้ง 3,798,319.392บาทลบ -3,002,160.54บาท

สิทธิประโยชน์ ควรได้รับ จำนวน 796,158.872บาท*หน่วยงานรับผิดชอบ กบข.** เด้ง ๒

ข้อมูลที่ ๒ คิดเวลาราชการตั้งแต่วันเกษียณ ๑ ต.ค. ๒๕๔๗ – ๓๐ ก.ย.๒๕๕๗ กรมบัญชีกลาง—VS-- กบข.เวลา ๑๒๐ เดือน

ก.นางคำเงินบำนาญ 22,924.00 X 120 =2,750.880.00บาท(ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ กรมบัญชีกลาง*

-บำนาญ กบข. 15,956.38 X 120 = 1,914,765.60 บาท + รับเงินสดจาก กบข.ไป 539,,447.00 บาท

รวมรับจาก กบข.ไป ๒ รายการเป็นเงิน 2,454,212.60บาทตัวตั้ง 2,750,880.00บาทลบ -2,454,212.60บาท

สิทธิประโยชน์ ควรได้รับ จำนวน 296,667.40บาท*หน่วยงานรับผิดชอบ กบข.**เด้ง ๒

ข้อมูลที่ ๓ก. เงินสะสมนำมาคิดระยะเวลา ๑๖๘ เดือนนายคำทอง จำนวน 33,445.41 บาท พร้อมดอกผล

ข. เงินสะสมนำมาคิดระยะเวลา ๑๒๐เดือนนางคำเงิน จำนวน 36,627.80 บาท พร้อมดอกผล

รวม ก.+-ข. ทั้ง ๒ รายการหน่วยงานรับผิดชอบกรมบัญชีกลาง และ กบข. เด้งที่ ๓ ***

อนาคต ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปบำเหน็จตกทอดให้ทายาทเมื่อตาย

นายคำทอง บำนาญสูตรเดิม ได้ 22,609.044 X30 = 678,271.32บาท(ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ

-บำนาญ กบข. 15,413.77 X 30 = 462,413.10 บาทส่วนต่างบวก 215,858.22บาท

นางคำเงินบำนาญสูตรเดิม ได้ 22,924.00 X 30 =687,702.00บาท(ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ)

-บำนาญ กบข. 15,956.38 X 30 = 478,691.40 บาท ส่วนต่างบวก209,010.60 บาท

ข้อมูลที่แสดงเหล่านี้นี้เป็นเพียงตัวเลขที่คิดค้นด้วยตนเอง ตามประสาครูประชาบาลบ้านนอก อาจจะถูกหรือผิด ก็ยอมรับ แต่ได้คำนวณตามหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่ กรมบัญชีกลางและ กบข. ส่งให้ก่อนวันเกษียณอายุราชการ ตามประกาศเดิมจะได้รับเงินตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปก็พอมีเวลาหายใจไปอีก ๑๐ วัน ยังไม่ตาย แต่ถ้าขยายเวลาไป ถึง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ จะต้องหายใจไปอีก ๓๗๕ วัน (อัตราเสี่ยง ๑๐ วัน VS ๓๗๕ วัน)...ก็ไม่ทราบว่าชีวิตนี้จะมีบุญวาสนาอยู่ได้ไปถึงไหน เพราะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้แต่สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ภาวนาจิต ให้ตัวเอง ภรรยา และข้าราชการบำนาญทั้ง แปดเก้า แสนกว่าคนทั่วประเทศ ขอให้ช่วยกันหายใจยาวๆ ไว้ให้ได้นานๆ ๓๗๕ วัน ปีกว่าๆ คงไม่นานเกินรอนะขอรับ แต่ก็ไม่ลืมว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจจะธรรม ทุกคนหนีไม่พ้น แต่มีบุญนำส่งคือ การทำความดี ความดีไม่มีขาย อยากได้ทำเอา ความดีทำได้ทุกที่ ทุกเวลานาที ไม่จำกัดกาล ถ้าเราหยุดนิ่งคือเราถอยหลัง ต้องก้าวไกลให้ทันการณ์ทุกเวลานาที ละชั่ว คือ ศีล, ทำดี คือ มีสมาธิ,ใจบริสุทธ์ คือ ปัญญา...?คำถามนี้เพื่อสิทธิประโยชน์แก่ ๑ ผู้ทึ่มีสิทธิตาม พ.ร.บ.นี้แต่ได้ตายไปก่อนที่กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ ๒..ผู้ถามคำถามเหล่านี้และข้าราชการบำนาญทุกกระทรวงทบวงกรมที่ยังมีชีวิตอยู่ ณ เวลานี้๓.เพื่ออนาคต คือการคำนวณบำเหน็จตกทอดแก่ทายาท....ฯด้วยความปรารถนาดี...ขอรับพ่อใหญ่คำทอง สว.๗๕ ข้าราษฎรเต็มขั้น....ชยสิทฺธิธนํ ลาภํโสตฺถิ ภาคฺยํสุขํพลํ สิริอายุจวณฺโณ จโภคํวุฑฺฒิจยสวาสตวสฺสาจอายูจชีวสิทฺธีภวนฺตุเต.The Brunei Timeswww.bt.com.bn(ACT1985)searsolin.xu.edu.ph(Class 1976-77)

เรียน คุณพ่อใหญ่คำทอง/นายคำดี

ก่อนอื่นขอขอบคุณที่สนใจในบทความนี้นะครับ..

และก็นับว่าเป็นโชคดีของท่านนะครับที่จะสามารถเลือกรับบำนาญแบบเดิมได้ เพียงแต่ตอนนี้กฎหมายยังไม่ผ่านสภาครับ โดยท่านเลือก กบข. ปี 2540 แต่ท่านจะเกษียณปี 2543 และภรรยาเกษียณปี 2547 นับว่ามีเงินที่รัฐจัดสรรให้น้อยมาก เมื่อมารับเงินบำนาญแบบ กบข.ที่ลดลงไปมาก และท่านกับภรรยาก็นับว่ามีบุญกุศลที่สะสมไว้จึงมีอายุมั่นขวัญยืนทำให้คุ้มกับเงินบำนาญแบบเก่านี้อีก 

ท่านจึงไม่ต้องคิดมากหรอกครับ นับว่าเป็นโชคดีมหาศาลแล้วละครับที่ให้ไปเลือกแบบเก่าได้ ตอนนี้ก็ยังรับแบบ กบข.ไปพลางก่อน พอกฎหมายออกมากำหนดวัน ท่านก็รีบไปวันแรกเลยครับ (เผื่อมีคิว) ส่วนเงินก้อนที่รับมาจาก กบข.กับเงินบำนาญแบบเก่าที่เสียไป ทางรัฐจะหักลบกลบหนี้กันครับ ตอนนี้ปี 2557 แล้ว น่าจะมีเงินเหลือเยอะเลยละครับ ก็หมั่นสะสมบุญบารมีสวดมนต์ไหว้พระทำบุญทำทานและปฏิบัติธรรมภาวนาให้มากๆไว้ครับ จักได้อานิสงส์จากบุญของเราเอง แล้วจะอยู่หรือไปก่อนกฎหมายออกก็ช่างมันครับ คนเรามีชีวิตไม่แน่นอน แต่มีความตายแน่นอน..

(ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

มีมติเห็นชอบหลักการวาระแรก ร่างพ.ร.บ.การกลับไปใช้สิทธิ

ในบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494

คะแนนเสียงเอกฉันท์ 172 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง

พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณารายละเอียด 15 คน

ทั้งนี้ หลักการและเหตุผลควรให้ข้าราชการซึ่ง

เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและผู้รับบำนาญ

และทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัดซึ่งเคย

เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่รับราชการ อยู่

ในวันก่อนวันที่บทบัญญัติ หมวด 3 สมาชิก

และสิทธิประโยชน์ของสมาชิกแห่งพ.ร.บ.

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ใช้บังคับ

สามารถกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.

บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ได้)

๑.การเสนอข้อมูลส่วนตัวประกอบการพิจารณา  ในวันนี้  อาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ 

เวลา ๑๐.๕๔ น......เร่งเร้า ...เร่งรัด...ให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญ ๒๔๙๔  กบข.undo....ก่อนสิ้นปี ๒๕๕๗ นี้....ขอขอบพระคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับ...ขอรับ...?

***อดีต - ปัจจุบัน - อนาคต.. ข้าราชการบำนาญ อดใจรอ หายใจไว้ให้ถึง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ต้องยังไม่ตาย....?

บทสรุป ปัญหาข้อสงสัยนายคำทอง...ที่ร้องเรียนในครั้งนี้ มีดังนี้ เปรียบเทียบ พ.ร.บ.บำนาญ ๒๔๙๔ --- VS --- กบข.๒๕๔๐

อดีต-ปัจจุบัน ข้อมูลที่ ๑ คิดเวลาราชการตั้งแต่วันเกษียณ ๑ ต.ค.๒๕๔๓ –๓๐ ก.ย.๒๕๕๗...กรมบัญชีกลาง—VS-- กบข.เวลา ๑๖๘ เดือน

นายคำทอง บำนาญสูตรเดิม ได้ 22,609.044 X168 = 3,798,319.392 บาท (ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ กรมบัญชีกลาง*

-บำนาญ กบข.15,413.77X168 =2,589,513.36 บาท + รับเงินสดจาก กบข.ไป 412,,647.18 บาท

รวมรับจาก กบข.ไป ๒ รายการเป็นเงิน 3,002,160.54 บาท ตัวตั้ง 3,798,319.392 บาท ลบ -3,002,160.54 บาท

สิทธิประโยชน์ ควรได้รับ จำนวน +796,158.872 บาท* หน่วยงานรับผิดชอบ กบข.** เด้ง ๒

ข้อมูลที่ ๒ คิดเวลาราชการตั้งแต่วันเกษียณ ๑ ต.ค. ๒๕๔๗ – ๓๐ ก.ย.๒๕๕๗ กรมบัญชีกลาง—VS-- กบข.เวลา ๑๒๐ เดือน

ก.นางคำเงิน บำนาญ 22,924.00 X 120 =2,750.880.00 บาท(ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ กรมบัญชีกลาง*

-บำนาญ กบข. 15,956.38 X 120 = 1,914,765.60 บาท + รับเงินสดจาก กบข.ไป 539,,447.00 บาท

รวมรับจาก กบข.ไป ๒ รายการเป็นเงิน 2,454,212.60 บาท ตัวตั้ง 2,750,880.00 บาท ลบ -2,454,212.60 บาท

สิทธิประโยชน์ ควรได้รับ จำนวน บวก+296,667.40 บาท* หน่วยงานรับผิดชอบ กบข.** เด้ง ๒

ข้อมูลที่ ๓ ก. เงินสะสมนำมาคิดระยะเวลา ๑๖๘ เดือน นายคำทอง จำนวน 33,445.41 บาท พร้อมดอกผล....?

ข. เงินสะสมนำมาคิดระยะเวลา ๑๒๐ เดือน นางคำเงิน จำนวน 36,627.80 บาท พร้อมดอกผล......?

รวม ก.+-ข. ทั้ง ๒ รายการ หน่วยงานรับผิดชอบ กรมบัญชีกลาง และ กบข. เด้งที่ ๓ ***

อนาคต ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปบำเหน็จตกทอดให้ทายาทเมื่อตาย...แต่ยังไม่ตาย...?

นายคำทอง บำนาญสูตรเดิม ได้ 22,609.044 X30 = 678,271.32 บาท (ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ

-บำนาญ กบข. 15,413.77 X 30 = 462,413.10 บาท ส่วนต่างบวก +215,858.22 บาท

นางคำเงิน บำนาญสูตรเดิม ได้ 22,924.00 X 30 =687,702.00 บาท(ตัวตั้ง) หน่วยงานรับผิดชอบ)

-บำนาญ กบข. 15,956.38 X 30 = 478,691.40 บาท ส่วนต่างบวก +209,010.60 บาท

ข้อมูลที่แสดงเหล่านี้นี้เป็นเพียงตัวเลขที่คิดค้นด้วยตนเอง ตามประสาครูประชาบาลบ้านนอก อาจจะถูกหรือผิด ก็ยอมรับ แต่ได้คำนวณตามหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่ กรมบัญชีกลางและ กบข. ส่งให้ก่อนวันเกษียณอายุราชการ ตามประกาศเดิมจะได้รับเงินตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปก็พอมีเวลาหายใจไปอีก ..... วัน ยังไม่ตาย แต่ถ้าขยายเวลาไป ถึง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ จะต้องหายใจไปอีก ๓๖๕ วัน (อัตราเสี่ยง ...... วัน VS ๓๖๕ วัน)...ก็ไม่ทราบว่าชีวิตนี้จะมีบุญวาสนาอยู่ได้ไปถึงไหน เพราะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้แต่สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ภาวนาจิต ให้ตัวเอง ภรรยา และข้าราชการบำนาญ.......

ทั้ง แปดเก้า แสนกว่าคนทั่วประเทศ ขอให้ช่วยกันหายใจยาวๆ ไว้ให้ได้นานๆ ..... วัน VS๓๖๕ วัน ปีกว่าๆ คงไม่นานเกินรอนะขอรับ แต่ก็ไม่ลืมว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจจะธรรม ทุกคนหนีไม่พ้น ขอให้มีบุญวาสนานำส่งคือ การทำความดี ความดีไม่มีขาย อยากได้ทำเอา ความดีทำได้ทุกที่ ทุกเวลานาที ไม่จำกัดกาล ถ้าเราหยุดนิ่งคือเราถอยหลัง ต้องก้าวไกลให้ทันการณ์ทุกเวลานาที ละชั่ว คือ ศีล, ทำดี คือ มีสมาธิ,ใจบริสุทธ์ คือ ปัญญา...?คำถามนี้เพื่อสิทธิประโยชน์แก่

-๒-

๑ แด่ดวงวิญญาณข้าราชการบำนาญผู้ทึ่มีสิทธิตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้แต่ได้ตายไปก่อนหน้านี้ที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้

๒.ผู้ถามคำถามเหล่านี้และข้าราชการบำนาญทุกกระทรวงทบวงกรมที่ยังมีชีวิตอยู่ ณ เวลานี้กรุณาหายใจไว้นับถอยหลังไปอีกให้ถึง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ อย่าเพิ่งตาย...?

๓.เพื่ออนาคต คือการคำนวณบำเหน็จตกทอดแก่ทายาท......?

๔.เพื่อเศรษฐกิจไทยจะได้ BOOM โดยอัตโนมัติเพราะงบประมาณพร้อมจ่ายโดย กรมบัญชีกลาง และ กบข. เตรียมการไว้ ๑ ปีเต็มมาแล้วแต่มีการยึดอำนาจ จากการสร้างความวุ่นวาย กปปส./กกต./ศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้ง ๒ ก.พ.๕๗ เป็นโมฆะ...ก็มายึดอำนาจ ๒๒ พ.ค.๕๗ อีก จึงเป็นผีซ้ำดามพลอย....รัฐบาลฯอดีตนายกหญิงยิ่งลักษณ์ ที่ท่านทำไว้ดีแล้ว...*********ครับผม

สรุปได้ว่า กฎหมายฉบับนี้เดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ฉบับเดียวในประเทศไทย และฉบับเดียวในโลกก็ว่าได้ เพราะใช้บังคับเฉพาะผู้มีชีวิตอยู่ รอเวลาให้ กฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป

ในที่สุดนี้ขออวยพรให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๙ (เลขมงคล) ท่านประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติคณะรัฐมนตรีทุกท่าน บริหารบ้านเมือง และ ผู้มีอำนาจหน้าที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ตลอดข้าราชการผู้เฝ้ารอความหวังอยู่ขณะนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้มีอายุ วรรณ สุขะ พละ ขอให้สิ่งศักด์สิทธิทุกท้องที่ท้องถิ่นปกป้องคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยตลอดไปด้วยเทอญฯ

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

คำพอง – กุหลาบ

(นายคำพอง- นางกุหลาบ ขวัญทอง)

สมาชิก กบข.รุ่นแรก ๒๗ มี.ค.๒๕๔๐

โทร./โทรสาร 0-4579-1436 มือถือ 081-660-8374. หรือ 081-600-4776,

Email;[email protected].,[email protected]. The BruneiTimes www.bt.com.bn(ACT1985) Searsolin.xu.edu.ph(Class 1976-77)

ทำไมต้องบังคับกันให้เป็นสมาชิก กบข.ด้วย ลาออกก็ไม่ได้ เรามีหนทางการลงทุนที่ดีกว่าการบังคับให้เป็นสมาชิกโดยไม่สมัครใจ

ข้าราชการชั้นผู้น้อย

อยาก+++จะลาออกจาก กบข. ไม่ยุติธรรมเลย กินเลือดปู เงินเดือนข้าราชการขั้นผู้น้อย น้อยอยู่แล้ว แต่โดนหักอีก จตอนเกษียรก้อ เสียเปรียบ ใจร้ายมาก กบข. ประเทศไทย

ถ้าลาออกตอนอายุราชการ34ปี อายุ 55 ไม่รอเกษียณ ถ้ารอ40ปี ผลที่ได้จากการเป็นสมาชิกกบข. คิดเหมือนกับเกษียณหรือเปล่า

เรียน คุณเกษร จันทร์สวี

อายุราชการ สิทธิรับบำเหน็จ บำนาญ เงินที่ได้รับจาก กบข. เงินที่ได้รับจากคลัง
ไม่ถึง 10 ปี - สะสม+สมทบ+ผลประโยชน์ -
10 ปี ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 25 ปี บำเหน็จ บำเหน็จ
25 ปี ขึ้นไป เลือกบำนาญ ประเดิม(ถ้ามี)+ชดเชย+สะสม+ บำนาญ สูตรสมาชิก
สมทบ+ผลประโยชน์
เลือกบำเหน็จ สะสม+สมทบ+ผลประโยชน์ บำเหน็จ

การคิดคำนวณแบบ กบข. กับ แบบเดิม ก็ต่างกันตามที่กบข. ส่งให้มา

แต่การคำนวณเงินเดือนสุดท้ายจะน้อยกว่าจริง เพราะกบข.คำนวณจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 4

ส่วนเงินได้ทั้งหมดของกบข.ก็ลองคำนวณได้จากการคิดร้อยละหรือนำเอาตัวเลขขอกบข.มาใช้ดูก่อน

การพิจารณาตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับเหตุผลเฉพาะตัวเป็นสำคัญ ซึ่งโดยประมาณอายุคุ้มทุนก็จะอยู่ที่ 70-75 ปี ซึ่งต้องคำนวณละเอียดอีกที หากอยู่กบข.ก็จะได้เงินก้อนมาหมุนหรือชำระหนี้หรือฝากหรือประกันความเสี่ยง หากไม่อยู่ก็นำส่วนต่างมาฝากหรือลงทุนก็จะได้ดอกผล แล้วถ้าเกินจุดคุ้มทุนก็จะได้เงินบำนาญที่สูงกว่า มันดีกันคนละแบบ

ลองเข้าไปดูที่หัวข้อ ดาวน์โหลดไฟล์เอ็กเซลคำนวณดอกเบี้ยเพื่อเปรียบเทียบการรับบำนาญแบบเดิม (undo) กับ กบข. ได้ที่นี่........ อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/584367

กบข.ดูดี ๆ ก็ดี แต่คนที่บริหาร มีการโลภอยากได้เงินของคนอื่น มาเป็นของพวกตนเอง ก็เลยหาทางโกง

และให้พวกเราลงทุน แต่ไม่รับผิดขอบให้ ถ้าการลงทุนนั้นขาดทุน เท่านี้ก็รู้แล้วว่า สิ่งที่เขาทำนั้น มันบ่งบอกถึงความไม่รับผิดชอบ แล้วยังที่จะเบียดเบียนเงินของเราอีก นะ

ข้าราชการผู้น้อยธรรมดา รับราชการปี 2537 ไม่มีทวีคูณ ควรอยู่ในระบบ กบข.ไหมค่ะ

ข้าราชการผู้น้อยธรรมดา รับราชการปี 2537 ไม่มีทวีคูณ ไม่มีหนี้ สุขภาพดีปานกลาง ควรอยู่ในระบบ กบข.ต่อไปไหมค่ะ.....

ขอทราบผมรับราชการเป็นทหาร หน่วยของผมเป็นหน่วยที่เงินเพิ่มรายเดือน คือ พ.ด.ร. ไม่ทราบว่าเงินจำนวนนี้ จะนำมาใช้ประโยชน์การคำนวณสูตรของ กบข.ได้หรือไม่ครับ


กระผมขอรบกวนสอบถามเรื่อง กบข. สักนิดนะครับ กระผมอยากทราบว่า การคำนวณ กบข. จะคำนวณแบบไหนครับ ตัวกระผมเองเข้า กบข.ตั้งแต่ ปี 2540 (1. เริ่มรับรับราชการตั้งแต่เป็นพลทหาร พ.ศ.2522 แล้วก็ต่อนักเรียนนายสิบเลย ยาวมาตลอด คราวนี้ถ้ากระผมรับราชการถึงเกษียณ ก.ย.62 รวมอายุราชการก็ 40 ปี) จะคำนวณแบบไหนครับ จะได้รับเงินอย่างไร จะเหลือรับบำนาญต่อเดือนเท่าไหร่)/...ต่อไปข้อ (2. ถ้าเป็นกรณีนี้ กระผมรับราชการตั้งแต่พลทหาร พ.ศ.2522 แล้วก็เป็นนักเรียนนายสิบต่อเลย ยาวถึงเกษียณ ก.ย.62 รวมอายุราชการ 40 ปี + วันทวีคูณ 15 ปี รวมอายุราชการ 55 ปี ตัดเหลือ 50 ปีพอดี มี พ.ส.ร.อีก 3,360 บาท (เงินเดือนสุดท้ายกระผมตีไว้เลยประมาณ 34,000 + พ.ส.ร.3,360 บาท รวม 37,360 บาท) จะคิดอย่างไรครับ จะได้ทำไหร่ (เพราะมีแต่พูดกันหลายอย่างทำให้สับสน ก็เลยลาออกจากก็ กบข.เหมือนกับที่เขาลาออกกัน คราวนี้ถ้าเราจะเข้าไปเป็นสมาชิก กบข.ใหม่จะได้หรือไม่ (เริ่มลาออก กบข. เมื่อ ม.ค.58 นี่เองครับผม) ยอรมรับว่าสับสนกับผู้ที่ลาออกแล้วเอามาคุยกัน บ้างก็ว่าไม่ดี บ้างก็ว่าดี .... กระผมเลยขอเอากรณีของผมเป็นตัวอย่างนะครับ ลองคิดให้กระผมดูหน่อยครับ (ที่ฟังมา ก็ว่า รับราชการได้ 40 ปี วันทวีคูณไม่คิด อะไรแบบนี้ครับผม ก็เลยทำให้เราตัดสินใจถูกหรือผิดครับ) ขอบพระคุณมากครับผม (กระผม ร.ต.คชาเมษฐ ดิษฐโส สังกัด ร.153 พัน.2 ปัตตานีครับ) ก็คิดตัวเลขของผมเป็นตัวอย่างเลยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท