ศุภัชณัฏฐ์ หลักเมือง ผู้อำนวยการ (เชี่ยวชาญ) กศน.อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
******************
31 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ถือเป็นวันสำคัญของชาติเพื่อประกอบงานรัฐพิธีถวายราชสักการะโดยมิต้องถือเป็นวันหยุดราชการ และเห็นชอบให้ถวายพระราชสมัญญามหาราชว่า พระมหาเจษฎาราชเจ้า แปลว่า พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นใหญ่
พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พระนามเดิมว่าหม่อมเจ้าชายทับเป็นพระราชโอรสลำดับองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) พระราชสมภพ เมื่อวันที่31 มีนาคม 2330 ณ พระราชวังเดิมธนบุรี เมื่อครั้งที่ทรงกำกับราชการกรมท่า (ในสมัยรัชกาลที่ 2) ได้ทรงแต่งสำเภาบรรทุกสินค้าออกไปค้าขายในต่างประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นในท้องพระคลังเป็นอันมาก พระราชบิดาทรงเรียกพระองค์ว่า "เจ้าสัว" เมื่อรัชกาลที่ 2 เสด็จสวรรคต มิได้ตรัสมอบราชสมบัติแก่ผู้ใด ขุนนางและพระราชวงศ์ต่างมีความเห็นว่าพระองค์(ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฏาบดินทร์) ขณะนั้นมีพระชนมายุ 37 พรรษา ทรงรอบรู้กิจการบ้านเมืองดี ทรงปราดเปรื่องในทางกฎหมาย การค้าและการปกครอง จึงพร้อมใจกันอัญเชิญครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 3 เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระนามว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมาจากคำว่า ทับ ซึ่งหมายถึง พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงประทับอยู่เหนือหัวของประชาชนชาวไทยทุกคน นั่นเอง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีเจ้าจอมมารดาและเจ้าจอม 5 พระองค์ มีพระราชโอรส-ราชธิดา ทั้งสิ้น 51 พระองค์ เสด็จสวรรคต เมื่อวันพุธ เดือน 5 ขึ้น1 ค่ำ ปีกุน โทศก จุลศักราช 1212 เวลา 7 ทุ่ม 5 บาท ตรงกับวันที่ 2 เมษายน 2394 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระนามเต็มว่า "สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวไสย สมุทัยดโรมน สากลจักรวาลา- ธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทราธาธิบดี ศรีสุวิบูลย คุณอถพิษฐ ฤทธิราเมศวร ธรรมิกราชาธิราช เดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธิ มงกุฏประเทศคตา มหาพุทธางกูร บรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ในปี พ.ศ.2394 นั้น ประเทศอยู่ในสภาพมั่นคงสมบูรณ์ รัฐบาลเป็นปึกแผ่นยิ่งกว่าตอนที่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระราชอาณาเขตขยายออกไปกว้างขวางกว่าเดิม เขตแดนทั้งทางบกทางน้ำมีความปลอดภัยยิ่งกว่าครั้งใดๆ ด้านเศรษฐกิจของประเทศก็มีเสถียรภาพ ยิ่ง สามารถนำเงินไปใช้ในการทะนุบำรุง ประเทศ การป้องกันประเทศ การศาสนา และด้านอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังมีเงินที่เหลือบางส่วนเก็บใส่ “ถุงแดง” เอาไว้ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงนำมาใช้เป็นค่าปรับ ในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ.112 ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตการณ์ทางการเมือง และสงครามระหว่างประเทศไปได้
เหตุการณ์สำคัญในสมัย
1. การค้าขายกับต่างประเทศและการเก็บอากรต่างๆ
2. เกิดสุริยุปราคาถึง 5 ครั้ง ฯลฯ
พ.ศ. 2367 เหตุการณ์สำคัญดังนี้
พ.ศ. 2368 เฮนรี เบอร์นี ขอเข้ามาทำสัญญาค้าขาย
พ.ศ. 2369 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
พ.ศ. 2370 เริ่มสร้างพระสมุทรเจดีย์
พ.ศ. 2371 ร้อยเอกเจมส์โลว์ จัดพิมพ์หนังสือภาษาไทยเป็นครั้งแรก มิชชันนารีอเมริกันเดินทางมาเผยแพร่ศาสนาในเมืองไทย
พ.ศ. 2372 เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) จับเจ้าอนุวงศ์ จัดส่งลงมากรุงเทพฯ ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชาที่สมุหนายก
พ.ศ. 2375 ประธานาธิบดีแจคสัน แห่งสหรัฐอเมริกา ส่งเอ็ดมันต์ โรเบิร์ต เข้ามาขอเจริญพระราชไมตรีทำการค้ากับไทย
พ.ศ. 2376 ญวนเกิดกบฏโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้สำเร็จราชการไปรบกับญวน
พ.ศ. 2377 ออกหวย ก.ข. เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2380 หมอบรัดเลย์ คิดตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้หมอหลวงไปหัดปลูกฝีกับหมอบรัดเลย์
พ.ศ. 2381 เกิดกบฏหวันหมาดหลี ที่หัวเมืองไทรบุรี
พ.ศ. 2382 ทรงประกาศห้ามสูบฝิ่น เพื่อส่งเสริมศีลธรรมในบ้านเมือง และมีการเผาฝิ่น และโรงยาฝิ่น พร้อม มีการปราบอั้งอั้งยี่ซึ่งค้าฝิ่น เหล่านั้น
พ.ศ. 2385 หมอบรัดเลย์ พิมพ์ปฏิทินภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2389 ญวนขอหย่าทัพกับเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโลหะปราสาทวัดราชนัดดาราม
พ.ศ. 2390 ทรงอภิเษกให้ นักองค์ด้วง เป็น สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี ครองกรุงกัมพูชา
พ.ศ. 2391 ญวนขอเจริญพระราชไมตรีดังเดิม กองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กลับกรุงเทพฯ
พ.ศ. 2392 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
ขอบคุณมากครับ "คนไม่มีราก"