เมื่อวานฉันไปตลาดเวลาเจ็ดโมงกว่า สายไปหน่อย จึงไม่ได้ปลากะพงเล็ก แม่ค้าบอกว่าน้ำท่วมคราวนี้ปลาที่เลี้ยงในบ่อไปกับ
น้ำหมด ต้องสั่งปลาจากกรุงเทพฯมาขาย แต่ไม่พอกับความต้องการของตลาด
ขณะที่ฉันกำลังคุยอยู่กับพี่เหลียด แม่ค้าปลา มีผู้หญิงคนหนึ่งวัยห้าสิบเศษเดินผ่านแผงปลาของพี่เหลียดไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่กำลัง
เลือกปลาอยู่ที่แผงปลาตรงกันข้ามกับแผงของพี่เหลียด เพียงแค่เห็นเธอแวบเดียว ภาพใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีไมตรียามที่สนทนาด้วย
ก็ผุดขึ้นมา แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร แต่รู้ว่าเธอคนนี้มีความสำคัญกับฉัน ฉันพยายามคิดว่าคนนั้นใช่ไหม คนนี้ใช่ไหม แต่ก็ไม่ใช่
แย่แล้ว...ประเดี๋ยวเจอกันซึ่งหน้าแล้วจะคุยกันยังไงนี่ ฉันจึงแอบกระซิบถามพี่เหลียดว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้นไหม พี่เหลียดหันไปมอง
แล้วบอกว่าไม่รู้จัก
ออกจากแผงปลาพี่เหลียดฉันเดินเลี่ยงไป ไปสั่งหมู แล้วไปจ่ายค่าไก่ ขึ้นชั้นบนไปสั่งของแห้งแล้วลงบันไดมานั่งทานบะหมี่น้ำ
ที่แผงหน้าตลาด ขณะที่ฉันกำลังทานบะหมี่อยู่ เธอคนนั้นก็เดินตามหลังชายคนนั้นผ่านมาพอดี เธอยกมือไหว้ฉันก้มศรีษะลงจรดปลายนิ้วมือ
เป็นการไหว้ที่งดงาม พร้อมกับทักทายว่า " สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาจ่ายตลาดหรือคะ" ฉันรีบรับไหว้ และตอบว่า " ค่ะ " เธอรีบพูดต่อว่า
" วันหลังจะไปทานที่ร้านอาจารย์กันอีกค่ะ" แล้วเธอก็รีบเดินต่อไปเพราะทางเดินระหว่างโต๊ะก๋วยเตี๋ยวแคบมากคนเดินสวนไม่สะดวก
ฉันนั่งทานบะหมี่ไป นึกไป เธอเป็นใครกันนะ เคยไปทานที่ร้านเราด้วย
ตอนกลางวัน ฉันยุ่งกับงาน ไม่ได้คิดถึงเธออีกเลย
ห้าทุ่ม ฉันเข้านอน ก่อนหลับฉันพยายามนึกทบทวนอีกว่า ฉันเคยพบเธอคนนี้ที่ไหน ฉันนึกถึงสถานที่ ที่ไปประจำ
ใช่พนักงานแบงค์กรุงไทยไหม...ฉันนึกหน้าพนักงาน...สาขาท่าวัง...สาขานคร...ไม่ใช่นะ
ใช่พนักงานแบงค์กสิกรไทยไหม...ติ๊กต๊อก ๆ...ไม่ใช่แฮะ
แบงค์ทหารไทย....แบงค์ UOB....oh! no...
หรือว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ...เจ้าหน้าที่ประกันสังคม..นึก..นึก..ไม่นะ ประกันสังคมไม่มีใครยิ้มแย้มให้บริการแบบนี้นี่
ฉันหลับไปตอนไหนไม่รู้.... แต่ในฝัน...ฉันรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร...เธอเป็นหัวหน้าหน่วยงานหนึ่ง...เธอนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เตี้ย ๆ เธอสวมเสื้อตัวหลวม ๆ
โคร่ง ๆ เธอกำลังพูดๆ ๆ ด้วยท่าทางเป็นมิตร ดูอบอุ่น เหมือนกำลังอธิบายบางสิ่งบางอย่างให้ฉันฟัง
เช้านี้ ฉันตื่นขึ้นมา ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ เธอเป็นใครกันนะ นึกถึงใบหน้าของเธอ เสื้อผ้าของเธอที่ฉันเห็นในความฝัน...นึก...นึก...ปิ๊ง!
ฉันแทบสำลักฟองยาสีฟัน...เธอ..หัวหน้าห้อง ไอ.ซี.ยู.2 โรงพยาบาลมหาราชนั่นเอง...โอ้ย! เหนื่อย
ขออนุญาตใช้สรรพนาม "ป้าแก้ว" นะครับ
เห็นชื่อเรื่องแล้วสะดุดกับความรู้สึกของตนเองมากครับ ชีวิตยาวนานของทุกคนต่างล้วนประสบกับสิ่งนี้ไม่มากก็น้อย ผมเคยเจอบางคนเหมือนกันที่ทั้งยิ้มและไหว้ทักทายก่อนที่ตัวเองจะทันทำอะไร พอเห็นเขาส่งไมตรีจิตนั้นจึงต้องรีบกระทำด้วยกิริยาเดียวกัน หลังจากนั้นหากได้พูดคุย จึงค่อยทบทวนว่า "เรารู้จักกันตอนไหน เมื่อไหร่" ครับ
ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันนะคะ
เราคนไทย ยังไงก็ยิ้ม แล้วก็รับไหว้คุยกันจนจบพบว่าทักคนผิดแต่ก็ไม่เป็นไรสุดท้ายเราก็ได้เพื่อนใหม่โดยไม่ได้เจตนา
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอบคุณ คุณคณิน อุดมความสุข คุณตัณฑลาวัฒน์ คุณ อ.นุ ที่ให้ดอกไม้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณคณิน อุดมความสุข ยินดีค่ะสำหรับ "ป้าแก้ว" ทำให้รู้สึกสนิทสนมกันดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณตัณฑลาวัฒน์ ยินดีกับเพื่อนใหม่นะคะ
ฮ่า...หัวหน้าห้องไอ ซี ยู...
เป็นอะไรที่ไม่น่าจดจำ...เมื่อนึกถึงว่าทำไมเราต้องไปอยู่ที่นั่น...
นับว่าความจำยังใช้ได้ครับ...
ขอบคุณค่ะ คุณ @-@ เส้าหลง @-@
สวัสดีค่ะ
ลุ้นตามแทบแย่ จะนึกตอนไหนนะ
ทีหลังนึกอะไรไม่ออกจะเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.อัมพร
ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยลุ้น
สวัสดีค่ะคุณ'แก้ว'
เป็นเหมือนกันค่ะ...ตอนเป็นใหม่ๆก็กลัวค่ะ...เพราะเป็นคนอ่านหนังสือมากเพื่อนๆบอกว่าสงสัยใช้สมองมากระวังสมองฝ่อก่อนวัย...ยิ่งกลัวใหญ่
เลยต้องใช้บันทึกช่วยจำค่ะ
จดเป็นเรื่องๆในกิจวัตรประจำวันค่ะ...จะช่วยได้มาก
ถ้าจะออกไปไหนก็วางแผนทำรายการไว้ก่อนว่าจะไปไหนบ้าง?จะทำอะไรบ้าง?
ถ้าจะไปซื้ออาหารก็ต้องจดว่าอะไร?บ้าง?ที่จะต้องซื้อ
ทำให้ไม่ต้องคิดนาน...การคิดในเรื่องเดียวนานๆและคิดไม่ออกจะทำให้สมองทำงานหนักนะคะ
ขออนุญาตนำวิธีของ อ.พจนา แย้มนัยนา มาใช้บ้างค่ะ ขอบคุณที่แนะนำค่ะ