เป็นอีกมุมมองที่มองเห็นได้ยาก ยกเว้นคนใน
พออ่านตามเนื้อหาแล้ว เห็นภาระหนักอึ้งทั้งผู้ปกครองและทั้งเด็กนักเรียน
ผู้ปกครองจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมาก สำหรับ การบ้านในยุคดิจิตอล และยังขาดแรงงานในบ้าน
เด็กนักเรียน หมดเวลาไปกับการบ้านที่ไม่ใช่งานบ้าน
ขอบพระคุณที่ให้มุมมองนี้ครับ
สภาพเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศยากจน ที่มีชนชั้นปกครองเป็นกลุ่มคนเห็นแก่ตัว
ทางแก้ปัญหาในเบื้องต้นที่เป็นไปได้มากที่สุด ก็คือชุมชนต้องพึ่งพาตนเองให้มากเข้าไว้
อย่ามัวอ้าปากรอรัฐบาลหรือข้าราชการให้มาช่วย หรือหวังลมๆแล้งๆกับการปฏิรูปการศึกษา
ซึ่งไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นเลย นอกจากการตีปีบและลมปากที่เฝ้าโฆษณาชวนเชื่อทุกวัน
ชุมชนต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อช่วยพัฒนาการศึกษาในท้องถิ่นเท่าที่ทำได้ เข้ามามีส่วนร่วม
ในการพัฒนาโรงเรียน เข้ามาให้ความเห็นและกระตุ้นให้โรงเรียนตระหนักว่า โรงเรียนนี้
เป็นของชุมชน ไม่ใช่ของกระทรวงศึกษาฯ ช่วยกันสะท้อนปัญหาของชุมชนให้โรงเรียนรับทราบ
ขณะเดียวกันก็ช่วยหาทางออกในการพัฒนาโรงเรียนพร้อมกันด้วย
การพึ่งพาตนเองเท่านั้น จึงจะแก้ปัญหาการศึกษาได้ อย่ารอรัฐ อย่ารองบประมาณ แต่ให้คิดเอง
ทำเอง แก้ปัญหาเอง อย่างร่วมมือไม่เห็นแก่ตัว ปัญหาทุกอย่างก็จะบันเทาลงได้...
สวัสดีครับคุณหมอ
สวัสดีครับท่าน ดร.
อ่านบทความของอาจารย์แล้วทำให้ผมมีความรู้สึกดีครับ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าบุคลากรที่อยู่ในวงการศึกษารับรู้ปัญหาทุกอย่าง แต่เป็นด้วยระบบการศึกษาที่ถูกกำหนดมา จึงพาให้เป็นอย่างที่เห็น ผมมีคำถามทุกครั้งเมื่อลูกกลับจากโรงเรียนว่า ทำไมๆๆๆๆ แต่ก็ไม่รู้จะไปขอความกระจ่างกับใครเพราะเป็นอย่างนี้ทุกโรงเรียน จนกลายเป็นเรื่องปกติ คนที่คิดสงสัยกลายเป็นคนแปลกแยกจึงอัดอั้นอยู่ในใจ ครูให้การบ้านเด็ก หลายๆ วิชาพร้อมๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วที่ให้มามันมากเกินกว่าธรรมชาติของเด็กวัยนี้จะทำไหว...ลูกต้องทำการบ้านถึงตีหนึ่งตีสอง ...ปีนี้จำนวนเด็กที่สอบเข้าเรียน ม.1 ในกาญจนบุรี เด็กที่สอบเข้าเรียนโครงการเด็กศักยภาพ เด็กอีพี ไอพี ล้วนแต่เป็นเด็กที่พ่อแม่มีเงินส่งไปเรียนพิเศษทั้งสิ้น เด็กที่พ่อแม่ยากจน หรือเด็กที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยการเรียนพิเศษกลายเป็นเด็กชั้น2 (ลูกผมด้วย 1 คน)และทราบมาว่าครูไม่ให้ความสนใจด้วย จะเอาใจแต่เด็กที่เก่งอยู่แล้ว...ปัญหาเหล่านี้ไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ในกระทรวงรับรู้เรื่องบ้างหรือเปล่า พอพูดถึงเรื่องปฏิรูประบบการศึกษาก็มีคนเยาะเย้ยว่า ให้ไปย้ายภูเขาหิมาลัยยังจะง่ายกว่ามาคิดปฎิรูปการศึกษาไทย...ฟังแล้วจะรู้สึกอะไรกันบ้างก็ไม่รู้...เฮ้อ ผมเตรียมใจไว้แล้วครับว่าถ้าระบบการสอนเป็นอย่างที่คนเขาว่าจริงๆ ผมจะเอาลูกผมออกนอกระบบแล้วมาจัดการเรียนการสอนเอง...เน้นทักษะชีวิตที่สามารถนำไปใช้ได้จริง...
สวัสดีครับ คุณหนุ่มเอม