เมื่อผู้ป่วยมาใช้บริการที่โรงพยาบาล อาจจะมีความรู้สึกและการรับรู้ร่วมกัน คือความทุกข์ หรือความคับข้องใจ จากระบบสุขภาพ โดยจากการทบทวนการทำงานในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการสร้างหลักการที่ดี แต่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันหรือในการทำงานนั้นยังก่อให้เกิดความทุกข์อย่างต่อเนื่อง และเป็นจริงในทุกมิติ ความทุกข์ที่ว่านี้ดูเหมือนว่าจะเป็นความทุกข์ทั้งสองด้านคือ ทั้งทางด้านผู้ที่ทำงานจากแรงกดดัน ความต้องการที่มากขึ้นของสังคมและด้านผู้รับบริการที่การบริการไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ด้วยเหตุนี้สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล( องค์การมหาชน) เมื่อได้นำแนวคิดเรื่อง” มาตรฐาน” และ” การรับรองคุณภาพโรงพยาบาล” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกณท์การทำงาน เพื่อเน้นมาตรฐานการรักษาและความปลอดภัยในการให้บริการเป็นประเด็นสำคัญ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมุ่งเน้นด้านระบบบริการตามมาตรฐานแล้ว ทางสถาบัน ก็ยังพบว่าอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการตอบสนองต่อผู้ป่วยและประชาชน ตามสถานการณ์ของสังคม และ เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจนเป็นสาเหตุของทุกข์ในระบบบริการสุขภาพดังกล่าว
โดยเฉพาะมุมมองของการดูแลผู้ป่วย ที่จะต้องครอบคลุมในลักษณะองค์รวม ทั้งจิตใจ ร่างกาย และผู้ให้บริการเองควรต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นแบบอย่าง ส่วนผู้รับบริการเองก็ต้องควรมีความรู้และมี พลังขับเคลื่อนของตัวเองให้เป็นคนที่มีสุขภาวะที่ดีได้จึงนับเป็นความท้าทายที่สำคัญของแวดวงสุขภาพของประเทศ
ปรากฏการณ์ที่สำคัญซึ่งนับว่าเป็นมิติใหม่ของระบบคุณภาพสถานพยาบาลได้เริ่มเกิดขึ้น เมื่อสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ( สรพ.)ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้ดำเนินงาน” โครงการสร้างเสริมสุขภาพผ่านกระบวนการคุณภาพสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ( sustainable Health Care& Health promoting by Appreciation and Accreditation ) SHA.
โดยการขับเคลื่อนองค์กร หรือสถานพยาบาลไปสู่การบริการด้วยมิติจิตใจ แสวงหาความร่วมมือ ใช้แนวคิดเชิงบวก เห็นคุณค่าที่ดีของคนอื่น และการเรียนรู้ร่วมกัน สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ให้บริการ และผู้ป่วย ประชาชน
และการ สร้างพลังให้กับคนไข้ และประชาชน ด้วยการนำเอาสิ่งที่เป็นพื้นฐานและคุณค่าที่ดีงามของคนไทยที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม อันได้แก่ ความรัก ความเมตตา ความเอื้อาทรซึ่งกันและกัน มาผสมผสานในการทำงานประจำวันได้อย่างงดงาม จนกลายเป็นนิยามใหม่ของการพัฒนาคุณภาพที่ประชาชนต้องการนั่นคือ
“ การบริการที่มีความงาม และความหมาย” จนพัฒนามาเป็น โรงพยาบาลแห่งความสุข
ที่โรงพยาบาล พระยืน จังหวัดขอนแก่น เป็นอีกหนึ่งแห่งในจำนวนหลายๆโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในโครงการนี้ การพัฒนาทีมทำงานให้มีลักษณะของผู้ที่มีเมตตา อ่อนน้อมถ่อมตน จากการออกแบบและเคี่ยวกรำ จากการปฏิบัติตนให้เห็นเป็นแบบอย่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจากผู้นำองค์กร
ภาพของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่มีความอ่อนน้อม พูดจากับคนไข้และชาวบ้าน และสัมผัสได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นออกมาจากจิตใจที่กรุณา ทำให้ทีมทำงานถือปฏิบัติเป็นแบบอย่าง และนำมาใช้ในการทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ ค่อยๆหล่อหลอมจิตใจ และแนวคิด ขยายผลสู่การสร้างความรัก ระหว่างทีม ระหว่างผู้ให้บริการ คนไข้และขุมชน
เรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่น ภูมิปัญญา ตลอดจนความเชื่อ ความศรัทธาของ ประชาชน เช่น นำรำผีฟ้า มาผสมผสานกับ ระบบการดูแลต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านเห็นคุณค่าภูมิปัญญาที่มีมาแต่ดั้งเดิมของบรรพบุรุษ มีกำลังใจที่ดี
โรงพยาบาลยังเป็นแหล่งที่เรียนรู้ของเด็กเล็กและเยาวชน เป็นแหล่งจัดกิจกรรมของชาวบ้าน เช่นงานวันเด็ก ที่ทุกๆคนรอคอย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออก ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในรั้วของโรงพยาบาล โดยมีประชาชนเป็นผู้ให้การสนับสนุน
พลังของความสุขเหล่านี้ จึงทำให้โรงพยาบาลไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนา และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ จากจิตใจมีความสุขในการทำสิ่งที่ดีงามเป็นแนวคิดที่สำคัญ การดูแลผู้ป่วยอย่างปลอดภัย การทำงานอย่างมีมาตรฐาน การพัฒนาด้านอื่นๆ เช่น สิ่งก่อสร้าง สถานที่ทำงานอันสะอาดเป็นระเบียบ และสีสรรที่สวยงาม ล้วนแล้วแต่เป็นผลจากความร่วมมือที่ดี และจากความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นอิสระของทีมงานที่ใช้เวลาว่างมาร่วมกัน
ทีมงานของโรงพยาบาลจึงร่วมกันขนานนามแนวคิดการทำงานของพวกเขาอย่างภาคภูมิใจว่านี่คือ “ พระยืน โมเดล”
การใช้มิติจิตใจในการทำงานจึงเป็นกระบวนการหล่อหลอมให้คนทำงาน รับรู้ความต้องการของผู้อื่น มีความรัก และมีความเสียสละ เอื้ออาทรต่อกัน ขยายผลสู่ผู้ป่วยและประชาชน
เป็นการทำงานที่แสดงออกอย่างชัดเจนของรูปธรรมของความหมายที่ว่า “ อยู่รอด อยู่ร่วม และ อยู่อย่างมีความหมาย “อย่างแท้จริง
สวัสดีค่ะ
"... รับรู้ความต้องการของผู้อื่น มีความรัก และมีความเสียสละ เอื้ออาทรต่อกัน ขยายผลสู่ผู้ป่วยและประชาชน..."
นี่แหละค่ะโรงพยาบาลแห่งความสุข
อยากให้ทุกๆโรงพยาบาลเป็นแบบนี้แหละค่ะ
บรรยากาศในโรงพยาบาลแสดงธรรม
ความจริงให้เห็นได้มากกว่าที่อื่น
อริยะสัจแท้ๆ
เรียนแม่ต้อยที่นับถือ
สวัสดีค่ะอาจารย์แม่ต้อย
มิติด้านจิตใจนี้สำคัญ ใส่ใจ เติมใจ ผู้รับบริการได้รับการเยี่ยวยาที่ครอบคลุม
เคยไปโรงพยาบาลนี้ค่ะ ประทับใจท่านผอ.และบุคลากรทุกท่านค่ะ
เป็นโรงพยาบาลแห่งความสุขที่น่าชื่นชมและเอาเป็นแบบอย่างค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะแม่ต้อย
แวะเข้ามาทักทายและเยี่ยมโรงพยาบาลแห่งความสุข
แวะมาทักทาย เพื่อ "คูณ" ความสุขรายทางให้ทวีขึ้น ทวีขึ้นครับพี่ต้อย
บริการด้วยใจ
ดูแลผู้ป่วยเหมือนดูแลญาติของเราครับ
มาขอร่วมซึมวับความปิติที่เกิดจากความสุขแห่งนี้ค่ะ ขอให้แม่ต้อยมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ