KM inside


วรภัทร ภู่เจริญ "ศิราณี" คลายปัญหา "KM inside"

 

"การจัดการความรู้" หรือ KM (Knowledge Management) ในวันนี้ แม้จะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์กรที่สำคัญที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้

แต่หลายองค์กรก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับการทำ KM มากมาย

โดยเฉพาะ KM inside ที่ต้องเริ่มต้นจากภายใน บางองค์กรแค่เริ่มต้นก็เจอปัญหารอบด้าน

ในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดโดยสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เชิญ "ดร.วรภัทร ภู่เจริญ" วิศวกรจากนาซ่า ที่เลือกใช้ความรู้ทางธรรมมาพัฒนาทางโลก ด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากรให้กับหลายองค์กร มาเป็น "ศิราณี" ไขปัญหาคาใจเรื่อง "KM inside" ให้กับองค์กรต่าง ๆ ในหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ

ถ้าใครติดตามผลงาน "ดร.วรภัทร" ก็จะรู้ว่า หลักที่ท่านใช้ในการพัฒนาบุคลากรให้กับองค์กรต่าง ๆ ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไร แต่เป็นหลักง่าย ๆ ที่ลักจำมาจากอาจารย์สมพร แซ่โค้ว ที่ใช้สอนลิง นั่นคือให้ความรักก่อนให้ความรู้

คำถามแรกจากใจผู้ทำ KM ระบุว่า

...ก.บอกหนูว่า "หน่วยงานกำลังทำ KM อยู่"

หนูพูดกับ ข. ว่า "ที่ผ่านมา KM ของเรานั้นเดินมาผิดทาง"

...ข.นำเรื่องนี้ไปพูดต่อจนเข้าหู ก.

ก.รู้ และโกรธมาก บอกกับหนูว่า "ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำ"

หนูอยากถามพี่ศิราณีว่า..."KM ที่หน่วยงานหนูกำลังทำอยู่นี้มีโอกาสจะสำเร็จหรือไม่ ? และ ข. กับ ก. มีอะไรกันหรือเปล่า ?

"ดร.วรภัทร" ตอบทันทีว่า เรื่องของ KM inside ถ้าไม่เข้าข้างในไม่มีทางสำเร็จ

"KM inside เป็นการพัฒนาที่มาจากใจ แต่ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่ว่าการพัฒนานี้มักไม่ทันใจเจ้านาย ผู้บริหารส่วนใหญ่บอกว่ารับไม่ได้ มัวแต่ไปพัฒนาจิตใจ แล้วองค์กรได้อะไร ไม่สามารถวัดผลที่เป็นรูปธรรมได้"

ตรงนี้ ดร.วรภัทรบอกว่า เป็นปัญหามาตรฐานซึ่งตอบได้หลายมิติ ในระบบพุทธศาสนาให้คิดว่าชาติที่แล้วเราอาจจะเป็นเจ้านายเขา ชาตินี้เขาเลยเล่นเรากลับ หรือชาติที่แล้วเขาอาจจะเป็นนายเรา จิตผูกกันอยู่ เราต้องเข้าใจแล้วยอมรับผู้บริหารแบบศิโรราบ เพราะคำถามสำคัญในวันนี้คือเราอยากจะประสบความสำเร็จในองค์กร หรืออยากประสบความสำเร็จแบบข้ามภพข้ามชาติ

"ถ้าเราไปทุบเจ้านายในขณะที่เขาอยู่ในอำนาจ เขาอาจศอกกลับ แต่วิธีหนึ่งที่ทำได้คือ มองสรรพสิ่งต่าง ๆ หรือเรื่องราวบ้า ๆ บอ ๆ ที่เข้ามาสู่ชีวิต ว่าเป็นแบบฝึกหัดที่ให้เราได้ฝึกสะสมสติ

ถ้ามองอย่างนี้ เราจะขอบคุณเจ้านายที่เขาจี๊ดใส่เรา ขอบคุณที่โกรธใส่เรา เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าทุกอย่างเป็นจังซี้นั่นเอง"

"ตำแหน่งหน้าที่เป็นแค่ภายนอก แต่ข้างในเป็นคนละเรื่อง นายเล่นละครว่าเป็นนายเรา พวกเราต้องอย่าลืมว่านายอาจจะรวยก็จริง มีฐานะ มีตำแหน่ง แต่นายก็แบกรับความรับผิดชอบไว้เยอะแยะมากมาย ความดันโลหิตเขาอาจจะสูง คอเลสเตอรอลก็สูง หน้าลูกเมียก็ไม่เคยเห็นเพราะต้องทำแต่งาน และเจ้านายหลายคนก็เลือกที่จะเอาดีทางโลก แต่โง่ทางธรรม ฉะนั้นเราอย่าไปมองเขาอย่างนั้น"

"การทำ KM inside เหมือนการเล่นกีฬาโอลิมปิก ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้นถ้าอยากให้ KM ในองค์กรดีก็ต้องกลับไปดูแลเจ้านาย ให้ความรักกับเขา"

"ผมชอบมองเจ้านายเหมือนคนป่วยที่มีจิตวิญญาณ เราจะเข้าหาเขา เราต้องไม่ป่วย ไม่เช่นนั้นจะปนเปื้อน ติดเชื้อกันไปหมด เขาเป็นเจ้านายเรา ไปโกรธเขาไม่ได้"

"ถ้าเรามองผู้บริหารเป็นผู้เจ็บป่วยทางจิตวิญญาณ เวลาคนป่วยแล้วเราไปกระแทกเขาแรง ๆ ได้ไหม เราเล่นเกมเดียวกับเขาได้ไหม คำตอบคือไม่ได้ การจัดการผู้บริหารต้องให้ความรัก เพราะผู้บริหารส่วนใหญ่ฉลาดมาก แค่แววตาเราเขาก็อ่านเกมออก เพราะถ้าเขาไม่แน่จริง เขาคงไม่มาใหญ่ในวันนี้หรอก แต่ผมเชื่อว่าผู้บริหารทุกคนมีความกลัว ขอให้เราเข้าใจขีดจำกัดของเขาว่าเขากลัวอะไร แล้วให้ความรัก ความเข้าใจในความกังวลของเจ้านาย เพราะข้างบนเจ้านายยังมีบอร์ดบริหารคุมอยู่อีก 4-5 คน"

"นายบางคนหน้าใสแต่ใจทุกข์ ป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ เราต้องคิดว่านายเป็นครูที่มาทดสอบอารมณ์เราเพื่อให้เรามีสติ ดังนั้นพวกเราต้องให้อภัย"

เคล็ดลับวิชาที่ "ดร.วรภัทร" ถ่ายทอดหลายคนอาจจะมองว่าหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ตอบไม่ตรงคำถาม เพราะทุกคนอยากรู้ว่าเปลี่ยนเจ้านายเปลี่ยนอย่างไร ไม่ใช่เปลี่ยนตัวเอง "ดร.วรภัทร" บอกว่า ถ้าคิดอย่างนี้ลาออกเถอะ อย่าทำ KM เลย เพราะแค่ให้อภัยเจ้านายยังทำไม่ได้เลย

เพราะคำว่า K คือการรู้เท่าทัน ความคิด

"การทำงานในองค์กรเดียวกันก็เหมือนอยู่ในชุมชนเดียวกัน เราไม่มีเวลาไปอยู่ป่าช้า เราไม่มีเวลาไปเดินธุดงค์ เจ้านายยิ่งโหดยิ่งต้องขอบคุณ เพราะทำให้เราบรรลุธรรมได้เร็ว"

สำหรับประเด็นคำถามถัดมา "คนเรามักไม่ค่อยจะฟังกัน โดยเฉพาะในหน่วยงานที่มีการแบ่งก๊กแบ่งกลุ่ม บางคนก็ไม่ถูกกัน อย่าว่าแต่ให้พูดกันเลย หน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำไป จะทำอย่างไรดีครับ"

"ดร.วรภัทร" หัวเราะก่อนจะบอกว่า ประการแรกต้องทำใจ

"การที่เราได้เจ้านายโง่ ๆ อาจจะ เป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ได้ เพราะอุตสาหกรรมปัจจุบันทำลายสิ่งแวดล้อม เทวดาจึงส่งเจ้านายโง่ ๆ มาเป็นซีอีโอ ถ้าส่ง คนเก่ง ๆ มาก็จะยิ่งทำลายโลกมากกว่านี้"

"เราต้องถามตัวเองอยากประสบความสำเร็จเยี่ยงเขา หรืออยากประสบความสำเร็จอย่างนักบวช ถ้าอยากประสบความสำเร็จเยี่ยงเขา นั่นแสดงว่าลึก ๆ เราก็อยากเป็นอย่างเขา สุดท้ายจึงต้องมาแก้ปมตัวเองก่อน"

"คนเราซุงในตาตัวเองมักมองไม่เห็น แต่ไปเห็นขี้ฝุ่นในตาคนอื่น ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ"

"ดังนั้นต้องอย่าหลงตัวเอง อย่ามั่นใจว่าตัวเองเก่งเกิน ชีวิตเราเกิดมาไม่รู้ว่าใครขุดร่องให้เดิน ต้องหัดโผล่จากร่องไปดูคนอื่นบ้าง อย่าหลงอยู่กับอดีต อย่าสร้างอนาคตที่คิดแทนคนอื่น แล้วอย่าไปขีดร่องให้คนอื่นเดิน จะเปลี่ยนแปลงอะไรต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน"

ทั้งหมดคือหลักคิดในการทำ KM inside ที่ "ศิราณีวรภัทร" ได้ให้แนวทางกับมือใหม่หัดขับจับ KM มาเติมเต็มงานประจำ และหลักปฏิบัติที่จะสนับสนุนงาน KM ในองค์กรให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น

เพราะถ้าทุกคนเข้าใจหัวใจของ KM ตรงกัน การก้าวเดินไปข้างหน้า โอกาสจะสะดุดขาตัวเองก็มีน้อยลง

ที่มา : http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02hmc03270154&sectionid=0220&day=2011-01-27

คำสำคัญ (Tags): #km
หมายเลขบันทึก: 442141เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2011 16:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

น่าอ่าน แล้วจะรออ่านอีกนะครับ

มาเยี่ยมด้วยความระลึกถึง

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท