เมื่อเร็วๆนี้เลขาฯได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการประท้วงการรับน้องที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
http://www.prachatai.com/journal/2011/06/35345
อ่านและดูคลิปแล้วก็เศร้าใจจริงๆค่ะ ทราบมานานแล้วว่าการรับน้องในสถานศึกษาหลายแห่งเป็นการทรมานเด็กใหม่ ด้วยข้ออ้างว่าจะทำให้น้องรู้จักอดทน รู้จักความเป็นพี่เป็นน้อง รู้จักอยู่ในระเบียบวินัย เคยมีน้องนักเีรียนทุนคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ต้องขึ้นแสตนด์เชียร์พร้อมกับเพื่อนปี 1 ทั้งหมด ซ้อมเชียร์กันหนักมาก พี่เชียร์ห้ามลุกไปเข้าห้องน้ำเอง จะอนุญาตให้ไปกันทั้งหมดเป็นช่วงๆไป ด้วยเหตุผลของความเป็นระเบียบ น้องคนนี้เป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อยอยู่แต่เดิม ด้วยความที่พี่เชียร์ดุมาก ก็เลยกลัว ไม่กล้าบอก กลั้นปัสสาวะไว้ตลอด จนในที่สุดน้องก็เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และยังมีอีกหลายโรคที่ดูเหมือนจะเกิดจากความเครียด ทำให้น้องป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลถึงสองสัปดาห์ในช่วงสอบปลายภาค ไม่ได้ไปสอบ
ดีที่สุดท้ายน้องคนนี้ตัดสินใจย้ายสถานศึกษา และค่อยๆมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จนกลายเป็นคนหนึ่งที่สามารถพูดถึงและเรียกร้องสิทธิที่ควรได้รับหลายๆเรื่องในสถานศึกษา ช่วยให้กำลังใจให้รุ่นน้องเข้าใจและกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้นด้วย
น้องนักเรียนทุนอีกคนหนึ่งเล่าเรื่องกิจกรรมรับน้องและความรู้สึกของน้องใหม่มาให้อ่าน นำมาแบ่งกันอ่านที่นี่ด้วยค่ะ
----------
... กิจกรรมที่จัดขึ้นมีจุดมุ่งหมายที่ดีที่ต้องการให้นิสิตใหม่ได้ทำความรู้จักกัน แต่สาระสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า การมานั่งร้องเพลงร่วมกัน เมื่อร้องไม่ได้ แล้วถูกด่า เมื่อใส่เสื้อผ้าไม่เหมือนคนอื่นมา ก็ถูกตำหนิ เมื่อถามแล้วไม่ตอบ ก็ว่ารุ่นน้องแข็งใส่ ไม่ให้ความเคารพ แต่ถ้าตอบก็หาว่าเราไม่ให้เกียรติ เราไม่ฟังในสิ่งที่เค้าอบรม
แบบนี้หรือคะคือสิ่งที่จะทำให้นิสิตใหม่ได้รู้จักกัน หนูยังไม่เห็นส่วนที่จะช่วยให้นิสิตใหม่สนิทกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ หนูเป็นคนหนึ่งที่ทำกิจกรรมมาตลอดในขณะที่ศึกษาอยู่ แตเมื่อมาที่นี่เห็นการกระทำของรุ่นพี่แล้ว ทำให้หนูไม่อยากทำกิจกรรมเลยค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาก็เพราะกลัวคำขู่ เพราะพวกพี่เขาขู่กันจริงๆว่าถ้าไม่มาจะไม่มีรุ่น ในกลุ่มเพื่อนๆเราตั้งคำถามกันว่าอย่างนี้่ค่ะ
"พิสูจน์รุ่นผ่านแล้วมันช่วยให้มีงานทำมั้ย"
"ใบทรานสคริปกิจกรรมใช้แทนวุฒิการศึกษาเพื่อสมัครงานได้มั้ย"
ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็คือ "ไม่"
พี่จะว่าหนูมั้ยถ้าหนูจะบอกว่า กิจกรรมพิสูจน์หนูไม่ได้ไปร่วม หนูไปแค่วันแรกวันเดียว เหตุผลเพราะการบอก การแนะนำของรุ่นพี่ เค้าใช้วิธีการตะคอก ตะโกน หรือไม่ก็เป็นคำที่รุนแรง
แต่กิจกรรมมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงกิจกรรมของการพิสูจน์รุ่นภายในคณะค่ะ กิจกรรมนี้ทุกคณะจะมีการพิสูจน์รุ่นกันภายในอีกค่ะ สำหรับคณะอื่นหนูไม่รู้ว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง แต่สำหรับคณะหนู หนูและเพื่อนคิดว่ากิจกรรมที่ทำมันไม่ได้มีความสร้างสรรค์ที่จะช่วยให้เราสามัคคีกันตรงไหนเลยค่ะ แต่ที่พวกหนูเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้งที่นัด เพราะรุ่นพี่เค้าขู่ว่า ถ้าไม่มาพิสูจน์รุ่นคณะเค้าจะไม่ให้เสื้อกิจกรรม และของอื่นๆที่เราเป็นคนจ่ายตังค์เองตอนวันปฐมนิเทศประมาณ 1,090 บาทค่ะ ถ้าไม่มาคือไม่ได้ของพวกนี้ เงินที่จ่ายไปก็เสียเปล่า แล้วก็จะไม่มีเสื้อใส่ในวันที่เรียนวิชาหนึ่งของคณะด้วยค่ะ เป็นเหตุผลที่หนูและเพื่อนๆไม่อยากร่วมกิจกรรมแต่ต้องมา แถมบังคับพวกหนูให้จ่ายเงินอีกคนละ 100 บาท ใบเสร็จก็ไม่มีค่ะ
คงไม่มีใครอยากโดนด่า โดนว่า ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด หนูคิดเหมือนที่ในข่าวค่ะว่า มีกิจกรรมช่วยสังคมอื่นๆอีกมากมายที่จะทำให้นิสิตใหม่ได้รู้จัก พูดคุย และสามัคคีกัน ถ้าจะให้มานั่งร้องเพลงเพื่อเอารุ่น สู้ให้ไปวัดนั่งวิปัสนาน่าจะเกิดประโยชน์กว่าเยอะเลยค่ะ
พี่รู้มัยคะ รุ่นพี่เค้าใช้วิธีบังคับให้ร่วมกิจกรรมชนิดที่ว่า ไปนั่งเฝ้าหน้าห้องเรียน พอเรียนเสร็จก็สั่งให้ไปร่วมกิจกรรมแล้วก็พูดตะโกนใส่ พูดไม่เพราะเลยค่ะ โดยที่เค้าไม่ถามซักคำ ว่าใครมีธุระสำคัญ ใครมีภาระทางบ้านหรือเปล่า บ้านหนูอยู่ห่างจากมหาลัยเกือบ 20 กิโล การทำกิจกรรมทุกวันเค้าจะปล่อยประมาณ 2-3 ทุ่ม หนูต้องใช้เวลาขับรถกลับบ้านประมาณ 45 นาที หรือเกือบชั่วโมง เพราะหนูสายตาไม่ดี มองถนนตอนกลางคืนไม่เห็นต้องขับช้าๆ กว่าจะถึงบ้านก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มแล้ว
ทำให้หนูไม่มีเวลาทำงานเลยค่ะ กลับบ้านมาก็ดึก เงินกู้ยืมก็ยังไม่ออก ทุนที่พี่โอนให้คาดว่ากลางเดือนนี้คงจะหมด แล้วเดือนหน้าหนูจะอยู่ยังไง จริงๆแล้วหนูกับเพื่อนไปสมัครงานที่เซเว่นในมหาลัยไว้ เค้ารับแล้ว แต่ต้องไปลาออก เพราะทำงานไม่ได้ เดี๋ยวรุ่นพี่ก็นัด เดี๋ยวก็เชียร์กลางนัด เดี๋ยวก็คณะนัดรวม
การมาร่วมกิจกรรมหนูไม่ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่ม แถมยังทำให้เสียงานอีกด้วย เค้าจะนัดแบบนี้ไปเป็นเดือนจนกว่าเค้าจะพอใจ แล้วแบบนี้หนูจะบริหารเวลาในช่วงการเริ่มต้นกับที่เรียนใหม่ของหนูยังไงดีคะ
หนูอยากเรียน อยากเอาเวลาไปทำกิจกรรมไปทำงานพิเศษมากกว่าค่ะ เพราะหนูต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น หนูมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ มีหน้าที่ต้องดูแลแม่กับหลาน ตอนนี้หนูไม่มีเวลาอยู่กับแม่แล้วก็หลานเลย ได้เล่นกับหลานเฉพาะตอนเช้าก่อนไปเรียน พอกลับถึงบ้านหลานก็หลับแล้ว
เหนื่อยค่ะ แต่ยังไม่ท้อนะคะ ยังมีกำลังใจที่จะสู้ต่อค่ะ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าวันนี้ เพื่อแม่และหลานค่ะ นี่คือสิ่งที่หนูท่องไว้ทุกวันค่ะ
----------
ผมก็เคยประสบปัญหาเช่นว่ามานี้ครับ สิทธิ์โดยชอบธรรมของเรา แต่กลับต้องไปเรียกร้องเอาจากคนอื่น ที่โรงเรียนมัธยมผมเป็นเด็กกิจกรรม ทำงานเพื่อส่วนรวมตลอด แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในรั้วมหาลัย กลับทำให้มุมมองในการทำกิจกรรมของผมลดลง การพิสูจน์รุ่น และการพิสูจน์เอาเสื้อที่เรามีสิทธิ์ชอบที่จะได้ แต่กรณีนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าเห็นใจจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆนะครับ