หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

กระบวนการต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินที่ภูหินเหล็กไฟ


.

 

สินแร่ถูกเก็บออกมาจากภูเขาด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และระเบิดหลายลูก ซึ่งเป็นตัวปล่อยอนุภาคโลหะหนักเข้าสู่อากาศ ทำลายพืชพันธุ์และทำให้หน้าดินหายไป หลังจากกระบวนการนี้ป่าไม้ไม่สามารถเติบโตขึ้นได้อีกเป็นพัน ๆ ปี 

     ข้อความเหล่านี้ปรากฏในเอกสารชื่อ “อนุรักษ์ภูหินเหล็กไป : รายงานภาพรวมของชุมชนบ้านห้วยม่วง” ซึ่งเป็นความพยายามของแกนนำในการให้การศึกษา สร้างการเรียนรู้ เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้และตระหนักถึงและพิษภัยของการทำเหมืองแร่ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคัดค้านการเข้ามาทำเหมืองแร่ของนายทุนจากภายนอกพื้นที่

     ในเอกสารดังกล่าว ความหนา ๒๔ หน้า ขนาดครึ่งหนึ่งของ A4 กระทัดรัดกระชับมือ มีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวของชุมชนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับภูหินเหล็กไฟ ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำเหมืองรวมทั้งผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการทำเหมือง รวมทั้งความคิดเห็นของแกนนำและปราชญ์ชาวบ้านในการปกป้องแผ่นดินและทรัพยากร จัดทำโดยแกนนำชาวบ้านในพื้นที่ภายใต้การช่วยเหลือด้านวิชาการจากนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติ

     นอกจากเอกสารเล่มนี้แล้ว แกนนำชาวบ้านยังได้จัดทำแผ่นพับสำหรับเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์เหมืองแร่ทองแดงในจังหวัดเลย รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองแดงที่เป็นประสบการณ์จากประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ที่มีผลกระทบเกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นมากมายและรุนแรง

     ไม่เพียงการผลิตเอกสารให้ความรู้เท่านั้น แกนนำในพื้นที่ยังช่วยกันสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักถึงเหมืองแร่ทองแดงแก่ชาวบ้านในพื้นที่ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการจัดเวทีพูดคุยในพื้นที่ การนำแกนนำไปศึกษาดูงานถึงผลกระทบในพื้นที่ปัญหาจริงโดยเฉพาะชุมชนใกล้เคียงเหมืองผาแดง ซึ่งได้รับผลกระทบการปนเปื้อนจากสารแคดเมียมจากการทำเหมืองแร่ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) รวมทั้งพื้นที่ทำเหมืองทองในจังหวัดพิจิตร ชุมชนรอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เป็นต้น

     ความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากแกนนำทราบเรื่องว่ากรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ในการขอประทานบัตรเหมืองแร่ทองแดงให้แก่บริษัท ภูเทพ จำกัด บริษัทในเครือของ “บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด” หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้มีการสำรวจเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งได้ส่งผลกระทบกับผืนป่าบนภูหินเหล็กไฟเป็นอันมาก

 

ย้อนหลังกลับไปกว่าร้อยปีที่แล้ว ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ทำให้ท้าวไกรเป็นผู้นำชาวบ้าน ๒๖ ครอบครัวเข้ามาบุกเบิกพื้นที่ทำกินและตั้งบ้านเรือน กระทั่งประชากรมากขึ้นจึงได้แยกชุมชนออกเป็น ๓ หมู่บ้านทางการในปัจจุบัน

     ชาวบ้านห้วยม่วง ต.นาดินดำ อ.เมือง จ.เลย เกือบทั้งหมดประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นเพราะหมู่บ้านตั้งอยู่ในอาณาบริเวณภูหินเหล็กไฟ จึงได้รับความเอื้อเฟื้อจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทั้งดิน น้ำและป่า เกื้อหนุนให้ทำมาหากินได้อย่างผาสุข

     นอกจากเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารแล้ว ความสมบูรณ์ของผืนป่าบนภูหินเหล็กไฟ ยังเป็นที่พึ่งของชาวบ้านในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณนานาชนิดที่ชาวบ้านนำมาเป็นอาหาร เป็นสมุนไพรบำบัดอาการเจ็บป่วยและบำรุงร่างกาย รวมทั้งการใช้ไม้ยืนต้นในการสร้างบ้านเรือน และเป็นฟืนสำหรับการเผาศพผู้วายชนม์ ก้าน  ศรีจำปา แกนนำชาวบ้านเล่าว่า

   “อาหารชาวบ้านส่วนใหญ่มาจากภูหินเหล็กไฟ ผักต่าง ๆ หน่อไม้ ไข่มดแดง และเห็ดธรรมชาติอีกสิบกว่าชนิด น้ำที่เอามากินมาใช้ก็เป็นน้ำที่สะอาดที่ได้มาจากบนภู...”

     สำหรับจันเพ็ง ยาบุษดี ซึ่งสืบทอดความรู้เรื่องสมุนไพรจากตาของเขาตั้งแต่ในวัยเด็ก แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญคือผืนป่าบนภูหินเหล็กไฟ ซึ่งอุดมไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด เขาเล่าว่าเมื่อครั้งยังเด็กเขามักจะติดสอยห้อยตามตาของเขาไปเก็บหาสมุนไพรต่าง ๆ บนภูหินเหล็กไฟ และในทุกวันนี้เขาก็สืบทอดวิธีการถ่ายทอดความรู้แบบที่เขาได้รับมา โดยการพาลูกหลานขึ้นไปเรียนรู้พืชสมุนไพรบนภูเขา

     ภูหินเหล็กไฟมิใช่มีคุณค่าเพียงหล่อเลี้ยงชีวิตทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวและที่พึ่งทางจิตวิญญาณแก่ชาวบ้านอีกด้วย ชาวบ้านเชื่อว่าบนภูฯ มี “เจ้าพ่อเสือ” ปกปักรักษาภูหินเหล็กไฟอยู่ รวมทั้งยังช่วยคุ้มครองดูแลให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุขด้วย บรรพบุรุษของพวกเขาได้สร้างศาลสำหรับเป็นสถานที่สถิตย์ของเจ้าพ่อเสือไว้บนนั้น

     ในแต่ละปีชาวบ้านจะขึ้นไปบูชาเจ้าพ่อเสือ ๒ ครั้ง ครั้งแรกคือช่วงก่อนที่ชาวบ้านจะทำการเพาะปลูก พวกเขาจะรวมตัวกันนำข้าวปลาอาหารทั้งหวานคาวขึ้นไปสักการะ อธิฐานขอพรให้ท่านช่วยปกปักรักษาและคุ้มครองให้การทำมาหากินเป็นไปด้วยความราบรื่น ให้ได้ผลผลิตที่สมบูรณ์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนครั้งที่สองนั้น เป็นช่วงที่หลังจากชาวบ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว เพื่อแสดงการขอบคุณเจ้าพ่อที่ช่วยคุ้มครองและเอื้ออำนวยให้การผลิตได้ผลดี

 

ลางร้ายเริ่มเข้ามาเยือนในพื้นที่ เมื่อวันหนึ่งมีคณะบุคคลจากภายนอกเคลื่อนย้ายเครื่องจักรขึ้นไปบนภูหินเหล็กไฟ โดยมิได้แจ้งและบอกกล่าวให้ชาวบ้านรับรู้

   “อยู่ ๆ ก็ขนรถแทรคเตอร์ ขนรถแมคโค ขนเครื่องจักรเข้ามา มาขุดมาเจาะมาตัดถนน เราเป็นคนพื้นที่อยู่แท้ ๆ กลับไม่รู้เรื่องเลย...”

     สำรวย  ทองจันทร์ แกนนำชาวบ้าน เล่าถึงเหตุการณ์ในคราวแรกที่บริษัทเอกชน ซึ่งทราบชื่อในภายหลังว่าเป็น “บริษัท ภูเทพ จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ “บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด”  เข้ามาทำการสำรวจเพื่อการเหมืองแร่ในพื้นที่ภูหินเหล็กไฟ

     แม้ว่ายังมิได้มีการทำเหมือง แต่การตัดถนนขึ้นภูหินเหล็กไฟก็ทำให้การบุกรุกผืนป่าบนภูฯ ของชาวบ้านบางส่วนที่ไม่มีสำนึกหวงแหน รวมทั้งการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติบนภูฯ เป็นไปอย่างง่ายดายขึ้น และนี่เป็นเหตุที่ทำให้ปริมาณและความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมบนภูหินเหล็กไฟลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น สำรวยกล่าวทิ้งท้ายว่า

   “การไม่มีถนนขึ้นภูทำให้การบุกรุกเป็นได้อยาก และการใช้ประโยชน์เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามเรี่ยวแรงชาวบ้านที่มี...”

     พื้นที่บนภูหินเหล็กไฟพรุนไปด้วยหลุมรูจากการขุดเจาะ ต้นไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก สำรวย ทองจันทร์ สะท้อนว่า

   “ขึ้นไปตั้งแท่นเจาะ ย้ายจากทางนี้ไปทางนั้น ย้ายจากทางนั้นไปทางโน้น จนพรุนไปหมด ที่บอกกับชาวบ้านไว้ว่าจะไม่ตัดต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว ก็ไม่เป็นความจริง กลับมีการขุดรากถอนโคนต้นไม้ทิ้งไปเป็นจำนวนมาก...”

     หากพื้นที่ใดที่ทางบริษัทฯ ต้องการขุดเจาะแล้วไปตรงกับพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ทางบริษัทฯ ก็จะได้ส่งตัวแทนมาคุยกับผู้ใหญ่บ้าน บอกให้ชาวบ้านสละที่ไป โดยทางบริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้เพียงไร่ละ ๑,๐๐๐ – ๒,๐๐๐ บาท เท่านั้น

     แกนนำราวสี่ห้าคนที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ไปขอความกระจ่างจากผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้น คำตอบที่ได้นั้น นอกจากไม่สร้างความกระจ่างให้ กลับได้รับคำตอบที่เฉยชาและยอมจำนน

   “เราจะทำอะไรได้ พื้นที่เป็นของหลวง หลวงเขาให้มาทำ ก็ต้องปล่อยให้เขาทำไป เราจะไปสู้กับพวกเตจ้านายได้อย่างไร...”

     เมื่อหาคำตอบไม่ได้ก็พบปะพูดคุยกันบ่อยขึ้นในกลุ่มแกนนนำที่ทำหน้าที่เฝ้าระวัง มีการเก็บข้อมูลการทำงานสำรวจของบริษัทในพื้นที่ด้วยการถ่ายภาพเก็บไว้ ทั้งการขุดเจาะ ถางและตัดทำลายต้นไม้ ฯลฯ จนกระทั่งการดำเนินงานขุดสำรวจสิ้นสุดลง...

 

การสำรวจของบริษัทภูเทพจำกัดสิ้นสุดลงในปี ๒๕๕๐ ซึ่งใช้เวลาสำรวจราว ๖ ปี ผลการสำรวจบ่งชี้ว่าการทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามในพื้นที่นี้ยังมีศักยภาพต่อการพัฒนาเหมืองแร่ทองแดงโดย

     ในปี ๒๕๔๒ บริษัทแพนออส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทออสเตรเลีย ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ผาแดง อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ภายในกรอบของข้อตกลงการมีส่วนร่วม เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ศักยภาพแร่ทองแดง ซึ่งในปีถัดมาได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จนได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ดำเนินการศึกษาวิจัยทางธรณีวิทยาบริเวณพื้นที่ศักยภาพแร่ทองแดง ภูหินเหล็กไฟ-ภูหัวเขา รวมทั้งได้รับมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่หนึ่งเอ

     และในปี ๒๕๕๐ บริษัทฯ ได้เสนอแผนงานโครงการศึกษาวิจัยทางธรณีวิทยาบริเวณพื้นที่ศักยภาพแร่ทองแดง ภูหินเหล็กไฟ-ภูหัวเขา ซึ่งคณะทำงาน ประกอบด้วย กรมอุตสาหรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรธรณี สำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบ

     อย่างไรก็ตามในการดำเนินงานในขั้นตอนที่เกี่ยวกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากหน่วยงานท้องถิ่นนั้น สำรวย ทองจันทร์ แกนนำชาวบ้าน ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาตำบล ให้ข้อมูลว่า ทางบริษัทฯ พยายามเร่งรัดให้สมาชิกสภาตำบลเห็นชอบให้บริษัทเข้ามาทำการสำรวจหาศักยภาพเหมืองแร่ทองแดงบนภูหินเหล็กไฟ ล็อบบี้ให้สมาชิกสภาเห็นชอบกับการดำเนินงานของบริษัท ในที่สุดบริษัทก็ได้คะแนนเสียงสนับสนุน ๑๕ จาก ๒๘ เสียง

     ในวันทำประชาพิจารณ์ ทางบริษัทบอกกับชาวบ้านว่า จะไม่มีการตัดทำลายต้นไม้ และจะดำเนินการขุดเจาะเพียงแค่ ๒๘ หลุมเท่านั้น ในวันนั้นเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้านพูดโน้มน้าวจนในที่สุดชาวบ้านยกมือให้การสนับสนุนไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

     ชาวบ้านมารู้ภายหลังว่า จำนวน ๒๘ หลุมที่บริษัทฯ บอกนั้น เป็นเพียงจำนวนต่อ ๑ แปลงเท่านั้น ในการขุดสำรวจนั้นทางบริษัทฯ ได้รับอนุญาติถึง ๕๐ แปลง จำนวนหลุมจึงเพิ่มปริมาณจาก ๒๘ เป็น ๑๔๐๐ หลุม ทำให้ชาวบ้านเห็นเล่ห์กลของบริษัทฯ และค่อยสะสมความไม่พอใจมาตั้งแต่นั้น

     สำหรับผลกระทบจากการขุดสำรวจในรอบที่สองนั้น รุนแรงยิ่งกว่าการสำรวจในคราวแรกเป็นอันมาก เนื่องจากหลุมขุดเจาะมีจำนวนมากกว่าหลายเท่า ต้นไม้ถูกตัดโค่นทำลายเป็นจำนวนมาก น้ำซับในพื้นที่หายไปอย่างน้อย ๒ แหล่ง นอกจากนั้นพื้นที่ขุดเจาะยังไปทับบริเวณ “ด่านเห็ด” ไป ๒ ด่าน ส่งผลให้เห็ดชนิดหนึ่งลดปริมาณจนแทบจะสาบสูญไปจากพื้นที่

     สิ่งเหล่านี้ได้ซ้ำเติมความไม่พึงพอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดวงพูดคุยกันเองในกลุ่มชาวบ้านบ่อยครั้งขึ้น สิ่งที่ชาวบ้านทำได้คือการรอให้ระยะเวลาการสำรวจสิ้นสุดลง และจะไม่ยอมให้มีใครเข้ามาทำการขุดเจาะสำรวจอีกต่อไป

     การดำเนินการขุดเจาะของบริษัทฯ ได้ดำเนินการไปในระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๕๐ - ตุลาคม ๒๕๕๑ จากนั้นได้ส่งรายงานผลการศึกษาวิจัยให้กรมอุตสาหรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๒ ประกอบด้วยรายงานด้านธรณีวิทยา รายงานด้านโลหวิทยา และรายงานการติดตามตรวจสอบทางสิ่งแวดล้อม

 

พวกเราเห็นว่าการจัดเวที Public scoping ไม่ชอบธรรม เพราะว่าบริษัทภูเทพจำกัด หลอกลวงคนเมืองเลยว่าจะจัดเวทีในพื้นที่คำขอประทานบัตร ๘ แปลง ประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าไร่ แต่แท้ที่จริงแล้วบริษัทฯ ขอประทานบัตรพื้นที่ทั้งหมด ๑๕,๖๐๐ ไร่

     นั่นคือเนื้อหาส่วนหนึ่งในแถลงการณ์เรื่อง “เราไม่ต้องการเหมืองแร่ทองแดง” ของชาวบ้านในนาม กลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ” กว่า ๑,๐๐๐ คน ซึ่งได้เคลื่อนขบวนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองทองแดงภูเทพ จังหวัดเลย

     เวทีดังกล่าวเป็นการดำเนินการของบริษัท ภูเทพ จำกัด ซึ่งได้ว่าจ้างทีมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม จากวิทยาลัยการจัดการสิ่งแวดล้อม ม.เกษตรศาสตร์ ให้ดำเนินการประเมินผลกระทบในด้านต่าง ๆ ในการจัดทำเหมืองทองแดง มาจัดประชุมขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลโครงการ และแนวทางการประเมินผลกระทบ ของโครงการเหมืองทองแดง

     สำรวย ทองจันทร์ แกนนำชาวบ้าน  และรองประธานกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในเหตุการณ์นั้นว่า

   “ผมและชาวบ้านมาขอเข้าร่วมเวที เพราะกังวลว่าจะมีเหมืองขนาดใหญ่ท่ามกลางชุมชน แต่บริษัทกลับมีท่าทีไม่ยอมรับ ไม่อยากให้เข้าร่วม และมาจัดในโรงแรมที่ไกลจากชุมชนมาก มีการใช้ตำรวจมาคุ้มครองเวทีประชุม และมีท่าทีว่าจะย้ายเวทีไปประชุมที่อื่น เพราะมีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยมาจำนวนมาก ทำให้เห็นว่าเวทีนี้ไม่จริงใจและจัดขึ้นเพื่อประโยชน์ของบริษัทเท่านั้น...”

     บริเวณหน้าโรงแรมเลยพาเลซ อ.เมือง จ.เลย ซึ่งกำหนดให้เป็นสถานที่ประชุม ชาวบ้านได้รวมตัวกันนำป้ายข้อความคัดค้านการเปิดเหมืองแร่ทองแดง และผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยต่อต้านเหมืองแร่ทองแดงพร้อมทั้งนั่งปิดทางเข้า-ออกของโรงแรม เพื่อไม่ให้ผู้จัดงานดำเนินการประชุมได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรักษาความปลอดภัยกว่า ๓๐๐ นาย

     ชาลิน กันแพงศรี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ชาวบ้านรวมตัวออกมาคัดค้านจำนวนมานี้เพราะบริษัทภูเทพจำกัด หวังจะสร้างเหมืองแร่ทองแดงทับที่ดินทำกินและทำลายภูหินเหล็กไฟ ซึ่งจะทำให้ก่อเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้าน เขากล่าวว่า พวกเขาเห็นบทเรียนการทำเหมืองแร่ทองคำในหลายพื้นที่ มีการตรวจพบสารไซยาไนด์ปรอท และโลหะหนักอื่นหลายชนิดปนเปื้อนอยู่ในกระแสเลือดในระดับที่เป็นอันตรายของชาวบ้านรอบเขตเหมือง

     เขาให้ความเห็นว่าในเมืองเลยมีเหมืองแร่มากมาย แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตเหมืองแร่กลับเสื่อมโทรมลง ไม่เห็นมั่งมีศรีสุข ร่ำรวยเหมือนเจ้าของเหมืองแร่ที่เข้ามากอบโกย

     และในกรณี “บริษัท ภูเทพ จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ “บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด” ที่จะเข้ามาทำเหมืองแร่ในพื้นที่ เขากล่าวถึงว่า

   “ขอให้กลับไปรับผิดชอบต่อชีวิตของชาวบ้านในเขต ต.แม่ตาว แม่กุและพระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก ที่มีการปนเปื้อนสารแคดเมียม จากการทำเหมืองแร่สังกะสีของบริษัทฯ ไม่ต้องมาสร้างปัญหาและผลกระทบแบบเดียวกันนั้นกับชาวเมืองเลย...”

 

ในระยะที่ผ่านมากระบวนการให้การศึกษาเรียนรู้กับชาวบ้านเกี่ยวกับการทำเหมืองทองแดงรวมทั้งผลกระทบต่าง ๆ และจากการเห็นปัญหาและผลกระทบในขั้นตอนเพียงการขุดสำรวจเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านมีความตระหนักและมีส่วนร่วมในการต่อต้านคัดค้านการเข้ามาทำเหมืองแร่ทองแดงของบริษัทฯ มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯ ก็ยังไม่หยุดยั้งความตั้งใจ ยังมีความพยายามใช้อุบายหลากหลายวิธีเพื่อเข้ามาดำเนินการ แกนนำและชาวบ้านจึงต้องติดตามและเฝ้าระวังอยู่อย่างใกล้ชิดและไม่ลดละ เพื่อปกป้องแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง

.

หมายเลขบันทึก: 447507เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2011 08:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)

ร่วมด้วยช่วยกันปกป้องผืนแผ่นดินเกิดค่ะ....^_^

แถวอู่ทองมีโรงโม่หินมากมาย

ประชาชนชาวอู่ทองสุขภาพร่างกายเสื่อมโซม

แต่นายทุนรุ่งเรืองค่ะ

สวัสดีเจ้าน้องอิง

ขอบคุณจ้าดนักเจ้า

สวัสดีครับพี่ลำดวน

เป็นสัจธรรมจริงๆครับ พวกนายทุนมีแต่ร่ำรวยขึ้นแต่ชาวบ้านกลับแย่ลง

เรื่องราวแบบนี้มีให้เห็นทั่วประเทศเลยครับ

อยากม่ส่วนร่วมต่อสู้ปกป้องจังเลยคะ

อยากมีส่วนร่วมกับชาวบ้านเพื่อต่อสู้ปกป้องจังเลยคะ

สวัสดีครับคุณครูธิดา

ขอบคุณมากครับ แค่ส่งแรงใจช่วยชาวบ้านก็มีคุณค่ามากแล้วครับ

มาทักทาย จากริมน้ำปิงครับ

ตามมาอ่าน เดินทางปลอดภัยครับ ถึงกระพ้อแล้วบอกด้วยครับ อยากได้กิจกรรมไหน เอาไปเลยครับเย้ๆๆ

กลับไปแล้วครับท่านอาจารย์ขจิต

โอกาสหน้าเรียนเชิญอาจารย์ขจิตด้วยครับ

แพ้ใจเด็กๆจึงไปตามเสียงเรียก

ขอบคุณครับ อ.JJ

อยู่ส่วนไหนของแม่น้ำปิงครับ

สวัสดีครับ อ.ขจิต

กลับมาแล้วครับ ม่วนหลายเลย

กำลังจะเขียนเล่าบรรยากาศให้ฟังครับ

คารวะท่านผู้เฒ่าครับ

ผมถึงบ้านที่กรุงเทพฯเกือบตีสอง

นั่งรถมาทำท่าจะเป็นไข้เลยครับ

วันนี้จะนั่งเขียนบันทึกเล่าเรื่องค่ายฯ

จะไปเลยเมื่อไรครับ

นี้กำลังเตรียมตัวจะไปพังงาคืนนี้ มาถึงที่ทำงาน ศูนย์อนามัยสิบสองมาติดตามโครงการ ท้องก่อนวัยอันควร ผ่านไปด้วยดี(แต่คนทำคลินิกน

มาทักทายและให้กำลังใจคนเขียน

คนอ่านก็อ่านซะเพลินเลยเจ้า

เดินทางบ่อย รักษาสุขภาพด้วย

วันที่ ยี่สิบสามนี้ไปจว.เลย อำเภอ วังสะพุง ขอเมียให้หลาน

เจรจากันตกลงแล้ว

หากเจ้าของบ้านไม่ตีรวนคงเรียบร้อย

แต่ฟังเขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร จากการที่ผมเจรจาไกล่เกลี่ย

คือเขาต้องการเอาเด็กออก (ฝ่ายหญิง) ทางฝ่ายผมไม่ยอมให้เอาเด็กออกใหนๆก็เขามาแล้วยินดีรับทุกประการทั้งยังส่งเสียให้เรียนต่อจนจบ (แม่ของเด็ก)งานนี้คนไกล่เกลี่ย เหนื่อย เพราะญาติทางผมเห็นได้เปรียบจะไม่ยอมรับผิดชอบ

เจรจาสามฝ่ายเหนื่อยมากๆๆๆ

เป็นเรื่องน่าเห็นใจอย่างยิ่ง..ได้เห็นการพยายามที่จะปกป้องเช่นนี้ในหลายพื้นที่ ขอให้กำลังใจค่ะ

ÄÄÄÄÄÄÄÄ...เรื่องของผลประโยชน์..ทรัพยากร.ใน ดิน น้ำ ลม ไฟ (การเล่นแร่แปร ธาตุ ถูก หยิบยก ถกเถียง กันมา ตั้งแต่ ยุคกลาง..ใน คริตจักร )..เวลาเป็น..พันปีเข้าไปแล้ว..เรา กำลังได้รับ ผลกรรม.กันถ้วนหน้า..สัตว์โลกได้รับความเดือดร้อน..กุลียุคเกิดขึ้นต่อเนื่อง..."มวลมนุษย์ที่ลุ่มหลง..ความศิวิไลก์..วิทยาการก้าวหน้าทาง วิทยาศาตร์และเทคนิค...กำลังเริ่มคิด..ถึงปัญหานี้"..แต่มันอาจจะสายเกินไปเสียแล้ว..." ถ้า..ผลประโยชน์และการเบียดเบียน..ไม่ถูกยิบยกขึ้นมาเป็น..ประเด็น...(แอบคิดตามประสายายธี .อ้ะ)

พี่ครับ....!!!!!

ผ่านพบ ..จากพราก
จากพรากเพื่อพบใหม่
เช่นนี้ เป็นไป
ความดีงามสถิตในใจผองเรา

ขอให้ดวงวิญญานพี่หนานเกียรติจงเดินทางไปสู่สุคติ ณ สัมปรายภพด้วย เทอญ..

มาคารวะ ดวงวิญญาณ ท่านหนานเกียรติ Blogger ผู้อุทิศตนให้กับSocial Network และ เป็นผู้ที่เยี่ยมยามให้กำลังใจสมาชิก G2K อย่างสม่ำเสมอ

  • ขอไว้อาลัยด้วยจิตคาระวะ

ด้วยความอาลัยยิ่ง และขอให้ดวงวิญญาณพี่สู่สุคตินะคะ

  • ตกใจมากเลยค่ะ ช่วงหลังๆคุณยายไม่ค่อยได้เข้าบล็อก จึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสมาชิก
  • สู่สวรรค์เถิดนะคะ คนดีของสังคม

น้องหนานเกียรติคะ

  • พี่อิงแวะมาส่งน้องสู่สุคติ
  • ถึงเวลาแห่งวันพักผ่อน
  • หลับให้สบายไม่ต้องกังวลถึงเรื่องราวข้างหลังนะคะ
  • -------------------------------

พี่หนาน..พอลล่าแวะมาเยี่ยมค่ะ มาคราวนี้..อ่านบันทึกสุดท้ายของพี่ เสียดายที่ไม่ได้เข้ามาบ่อย

หลับให้สบายนะคะ

เสียงโทรศัพท์กับข่าวแสนเศร้าจิต     บอก "หนานเกียรติ ม่วงมิตร" ดับจิตแล้ว

สู่สุคติสวรรค์อันเพริศแพร้ว               เกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ สู่ดับไป

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา                      พระไตรลักษณ์ธัมมาน่าเลื่อมใส

สัจธัมม์ความจริงอันยิ่งใหญ่              ไม่มีใครหนีพ้นทุกคนจริง

ขอกุศลทั้งหลายที่ได้สร้าง                 ได้นำทางเธอไปจิตใสปิ๊ง

ได้ดวงตาเห็นธัมม์พบความจริง          ได้พบสิ่งสูงค่าพุทธธัมม์

เธอคนดีผู้มีใจยิ่งใหญ่นัก                  มีความรักเลอเลิศประเสริฐล้ำ

เป็นผู้ให้ความดีที่งดงาม                   อุปถัมภ์โลกสวยด้วยจิตเธอ

หากเจ็บไข้ ลูกแม่ได้  ดูแลบ้าง            
พอมีทาง กลับคืน ฟื้นขึ้นได้
พ่อมาจาก คราวนี้ลูก ร้าวรานใจ             
พ่อจากไป ไม่มีแม้ คำร่ำลา
ต่อแต่นี้ ลูกคงไม่  เห็นแล้ว                 
โอ้พ่อแก้ว ลูกแม่เฝ้า แลคอยหา
เช้าพ่อไป ทำงานเย็น เห็นกลับมา         
โอ้พ่อจ๋า แม่และลูก จักคอยใคร
แสงประทีป ดับสิ้นแน่ แล้วครานี้             
ชาติหน้ามี ขอตั้งจิต ให้สมหมาย
เกิดเป็นลูก พันผูก ทุกชาติไป               
ขอกุศล ดลให้ พ่อไปดี

 

ได้ตามอ่านบันทึก คุณหนานเกียรติ นาน....

รู้สึกประทับใจในการทำงานที่เสียสละเพื่อสังคมส่วนรวม

ขอคารวะทั้งร่วมไว้อาลัยค่ะ

พี่แก้ว มาแวะส่งดวงวิญญาณน้องหนานเกียรติให้ไปสู่สวรรค์ ไม่ต้องเจ็บปวดกับสิ่งบนโลกนี้ หลับให้สบายนะจ๊ะ

ขอเข้ามาคุยโตยน้องแฮ๋มเตื้อ

หลังจากที่เฮาวางแผนกันว่า

จะจัดเวที ลปรร   ชวนbloger เจียงใหม่จัดเวทีพูดคุยประสาคนเมือง

และที่ปี๋เขี้ยวเสียใจนัก  คือ ไม่ได้ทำพิซซ่าให้น้องกินในวันที่น้องมาร้าน

ขอสูมาเต๊อะ  แล้วปี๋จะทำบุญไปให้เจ้า

 

แด่ น้องชายที่น่าฮัก

หลับให้สบายเน้อเจ้า

 

 

สู่สวรรค์นะคะ..พี่หนานเกียรติ..

มาร่วมไว้อาลัยในบันทึกนี้ ขอให้สู่สุคติ อยู่บนสรวงสวรรค์

ไหนบอกว่าพี่หนูรีว่า จะมากะพ้ออีกหลายครั้งหลายครา จะเจอหน้ากัน

ไงจึงหนีหน้าจรจากไปแสนไกลไม่กลับคืน

ขอให้สู่สุคติ อยู่บนสรวงสวรรค์ ด้วยคุณงามความดีที่ได้ทำน่ะค่ะคุณหนานเกียรติ

ขอขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่มีมอบให้แก่กันเสมอมา

ด้วยรักและอาลัยยิ่ง

จากพี่หนูรี

พี่ใหญ่มาร่วมรำลึกถึง น้องหนานเกียรติ ด้วยบันทึกจากใจอีกหนึ่งเรื่องค่ะ :

เฌวา ลูกยอดปรารถนาของพ่อหนานเกียรติ-แม่กวาง :

http://www.gotoknow.org/blog/nongnarts/450291

ภาพประทับใจ จากไฟล์น้องคิม นพวรรณ

สวัสดีค่ะ

สู่สวรรค์ พักผ่อนให้สบาย

การคิดถึงใครสักคน

ต้องคิดถึงความดีที่เค้าทำ

ขอบคุณมากนะครับคุณหนานเกียรติ

เห็นชื่อเกียรติศักดิ์ขึ้นมาหน้าบ้านโกว์

ใจหวิวโหวหวนประหวัดการพลัดพราก

ย้อนไปอ่านงานร่วมค่าย ที่เกาะหมาก

รื้นรินพรากจากตาใหลอาลัยเพื่อน....(อยู่ในใจเสมอมา)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท