บุญหาบบาปหิ้ว


อันที่จริงตามพระวินัยพระสงฆ์จะยืนให้พรตามถนนหนทางนั้นท่านปรับอาบัติทุกกฎ แต่ปัจจุบันชาวบ้านอยากได้พร ชาวบ้านชอบพระก็ยอมๆกันไป คล้ายตาบอดจูงตาบอด พระก็ประจบชาวบ้าน ชาวบ้านก็ชอบประจบ ถ้าจะให้ถูกวินัย เมื่อถวายข้าวใส่บาตรเสร็จก็เป็นอันเสร็จไม่ได้ให้พระสวดให้ท่านกลับวัดไปให้พรที่วัดเราก็ได้บุญเหมือนกัน อย่าบังคับพระสงฆ์ต้องท่องให้พรจนเสียพุทธประเพณีที่เราเคารพเลย

 

 

               คนเราล้วนปรารถนา การมีอายุยืน มีผิวพรรณนาผุดผ่อง มีความสุขกายสบายใจ มีพลังกายพลังใจ และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นแก่ผู้ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญกว่าเป็นนิตย์เท่านั้น

          ความประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญกว่าด้วยศีลธรรมเป็นแนวทางแห่งทำความดีของคนเรา
         การมีอายุยืน การมีผิวพรรณผุดผ่อง การมีความสุขกายสบายใจ และการมีพลังกายพลังใจ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากประสบพบเห็น และจัดเป็นพรอันประเสริฐ ที่มนุษย์เรานิยมกล่าวอ้างให้พรแก่กันและกัน ในพิธีมงคลต่าง ๆ เป็นประจำ แม้เวลาเราทำบุญยามเช้าใส่บาตรเสร็จพระบางวัดจะให้พร เพราะชาวบ้านไม่ได้ไปวัดจึงขอพรตามถนนหน้าบ้าน อันที่จริงตามพระวินัยพระสงฆ์จะยืนให้พรตามถนนหนทางนั้นท่านปรับอาบัติทุกกฎ แต่ปัจจุบันชาวบ้านอยากได้พร ชาวบ้านชอบพระก็ยอมๆกันไป คล้ายตาบอดจูงตาบอด พระก็ประจบชาวบ้าน ชาวบ้านก็ชอบประจบ  ถ้าจะให้ถูกวินัย เมื่อถวายข้าวใส่บาตรเสร็จก็เป็นอันเสร็จไม่ได้ให้พระสวดให้ท่านกลับวัดไปให้พรที่วัดเราก็ได้บุญเหมือนกัน อย่าบังคับพระสงฆ์ต้องท่องให้พรจนเสียพุทธประเพณีที่เราเคารพเลย ความต้องการหลักของคนคือ

             1. อยากมีอายุยืนยาว  เพราะว่า คนเราแม้มีวิชาความรู้ มีทรัพย์สมบัติยศศักดิ์บริวารมากมายสักเท่าไรก็ตามที ถ้ามีอายุสั้นพลันตาย วิชาความรู้และทรัพย์สมบัติเหล่านั้น ก็ไร้ความหมาย และไม่มีใครปรารถนาจะเป็นเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ การมีอายุยืนจึงจัดเป็นอิฏฐผล และเป็นพรอันประเสริฐประการแรก ที่ทุกคนปรารถนาอยากได้อยากมีอยากเป็น

               2. อยากมีผิวพรรณผุดผ่องสวยงาม เพราะเหตุว่าลำพังมีอายุยืนยาวอย่างเดียว แต่ถ้ามีร่างกายไม่สมประกอบ มีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ มีผิวพรรณเกลื่อนกล่นไปด้วยโรคผิวหนังนานาชนิด อายุยืนนานก็ไร้ความหมาย แต่กลับกลายเป็นการอยู่เพื่อทรมานตัวเอง ให้ได้รับความทุกข์ระทมใจ ฉะนั้น ความมีผิวพรรณผุดผ่องสวยงาม จึงจัดเป็นอิฏฐผลที่คนเราปรารถนาและเป็นพรอันประเสริฐที่ทุกคนอยากได้ อยากมี เป็นประการที่สองรองจากความมีอายุยืน บางคนยอมเสียเงินซื้อครีมที่โฆษณาทางสื่อมาใช้เสียเงินเดือนละหลายบาทก็เพราะอยากผิวสวย จึงมีคนฉลาดหลอกให้หลายคนเชื่อว่าต้องใช้เครื่องสำอางค์ที่เขาบอกจึงจะสวยใส และก็ได้ผลมีคนยอมเสียเงินเพราะอยากสวยเยอะ

                3. อยากมีพลังกายพลังใจ เพราะว่าคนเราแม้จะมีอายุยืน มีร่างกายสมส่วน ไม่พิกลพิการ มีผิวพรรณผุดผ่องสวยงามพร้อมบริบูรณ์ดี แต่ถ้าไม่มีพลังกายสามวันดีสี่วันไข้ เป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย เช่น เป็นโรคมะเร็งบ้าง เป็นโรคอัมพาตบ้าง เป็นวัณโรคบ้าง หรือไม่มีพลังใจ เป็นคนมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบวิกลจริต ชีวิตนี้ก็ไร้ความหมาย และความสุขอะไรมิได้  ด้วยเหตุนี้ความมีพลังกายพลังใจสมบูรณ์ดี จึงจัดเป็นอิฏฐผลและเป็นพรอันประเสริฐที่ทุกคนปรารถนาอยากได้ อยากมี เป็นประการที่สาม นักจิตวิทยาจึงสอนให้คนสร้างกำลังใจหมอสอนให้สร้างกำลังกายกินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนา

                4.อยากมีความสุข คนเราแม้จะมีอายุยืน มีร่างกายบริบูรณ์สมส่วน มีผิวพรรณผุดผ่องสวยงามและมีพลังกายพลังใจบริบูรณ์ดี แต่ถ้ามีความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนโดยส่วนเดียว จะหาความสุขกายสบายใจมิได้เลย ชีวิตนี้ก็ไร้ความหมายเช่นเดียวกัน ไม่มีใครปรารถนาจะมีสภาพเป็นเช่นนั้น เมื่อความจริงปรากฏอยู่อย่างนี้ ความสุขกายสบายใจ จึงจัดเป็นยอดของอิฏฐผลและเป็นพรอันประเสริฐที่สุดที่มนุษย์เราทุกคนปรารถนาอยากได้ อยากมีเป็นอย่างยิ่ง

                 อนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่าพรอันประเสริฐคือมีความมีอายุยืน มีผิวพรรณสวยใส มีพลังกายใจ และมีความสุข จะบังเกิดมีบริบูรณ์แก่บุคคลผู้ใด บุคคลผู้นั้นจะต้องได้เคยกระทำมูลเหตุดีไว้แต่อดีต คือ เคยสร้างสมอบรมกุศลกรรมความดีไว้แต่ปางก่อน จึงจะสำเร็จความประสงค์ในปัจจุบัน  และในพระไตรปิฏกจูฬกัมมวิภังคสูตร สรุปความได้ว่า “คนมีอายุสั้นพลันตาย เพราะโทษที่ได้เคยฆ่าสัตว์แต่ชาติก่อน  คนมีอายุยืน เพราะคุณความดีที่ไม่เคยฆ่าสัตว์ บุคคลมีโรคมาก เพราะโทษที่ได้เคยเบียดเบียนสัตว์ มีโรคน้อย เพราะคุณความดีที่ไม่เคยเบียดเบียนสัตว์ บุคคลมีผิวพรรณทราม เพราะโทษที่เคยเป็นคนขี้โกรธ มีผิวพรรณดี เพราะคุณความดีที่ไม่เคยเป็นคนขี้โกรธ บุคคลมียศศักดิ์น้อย เพราะโทษที่เคยเป็นคนชอบริษยา มียศศักดิ์สูง เพราะคุณความดีที่ไม่เคยเป็นคนริษยา บุคคลมีโภคทรัพย์น้อย เพราะโทษที่ไม่เคยให้ทาน มีโภคทรัพย์มากเพราะคุณความดีที่เคยได้ให้ทาน บุคคลเกิดในตระกูลต่ำเพราะโทษที่เคยเป็นคนกระด้างถือตัว ไม่ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน เกิดในตระกูลสูง เพราะคุณความดีที่ไม่เคยเป็นคนกระด้างถือตัว รู้จักประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้เจริญกว่า บุคคลมีปัญญาทราม เพราะโทษที่ไม่เคยเข้าหาสมณพราหมณ์เพื่อไต่ถามถึงเรื่องความดีและความชั่ว มีปัญญาดี เพราะคุณความดีที่เคยเข้าหาสมณพราหมณ์ เพื่อไต่ถามถึงเรื่องความดีและความชั่ว เป็นต้น ดังนี้

                                 

                 การที่คนเราจะมีอายุยืนในปัจจุบันชาตินี้ ย่อมเป็นผลที่บังเกิดมาแต่กุศลกรรมความดี อันเป็นมูลเหตุที่ตนเองได้เคยบำเพ็ญไว้แต่ชาติปางก่อน บุคคลผู้ที่ทำกุศลกรรมความดีทั้งหลาย ในปัจจุบันชาตินี้ ชื่อว่าเป็นผู้ได้สร้างสมอบรมกุศลกรรมความดี อันจะเป็นมูลเหตุให้ได้รับผลดีมีอายุยืนเป็นต้น ต่อไปในอนาคตตลอดถึงสัมปรายภพภายภาคหน้า

                อนึ่ง การมีอายุยืน ผิวสวย มีความสุข พลังแข็งแรง เหล่านี้ จะบังเกิดมีแก่บุคคลใดในชาติปัจจุบันได้ บุคคลผู้นั้นจะต้องมีความประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญกว่าตนอยู่เป็นนิตย์ในปัจจุบันนี้ และย่อมเป็นผู้น่าสรรเสริญในปัจจุบัน และวิถีชีวิตของบุคคลผู้นั้นต่อไปในภายหน้า ก็ย่อมเป็นไปได้ด้วยดี สมด้วยนัยพระบาลีพุทธภาษิตว่า

 

         นรชนเหล่าใด เป็นผู้ฉลาดในธรรมะอันเป็นหน้าที่ที่ตนจะพึงประพฤติปฏิบัติ ย่อมประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญกว่า นรชนเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้น่าสรรเสริญในปัจจุบันนี้ และวิถีชีวิตต่อไปในภายหน้าของนรชนเหล่านั้น ก็ย่อมเป็นไปได้ด้วยดี ดังนี้

                                

    การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนได้จะต้องเป็นผู้มีคุณธรรม ๒ อย่างควบคู่กันไป คือ

               1.คารวะ ความตระหนักในความดีของผู้อื่น มีสัมมาคารวะ รู้จักที่สูงที่ต่ำ รู้จักยกย่อง เชิดชู เทิดทูน นิยมสรรเสริญท่านผู้เจริญกว่าตน

             2. นิวาตะ การถ่อมใจของตนรับความดีของผู้อื่น การยอมรับนับถือท่านผู้เจริญกว่าตนว่า เป็นผู้ที่ตนสมควรจะยึดถือเป็นเนตติ เป็นแบบอย่าง เป็นทิฏฐานุคติที่จะดำเนินรอยตามท่าน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าของตนเอง คุณธรรมะ ๒ อย่างนี้เป็นมูลเหตุให้ดำเนินถึงความเจริญก้าวหน้าอย่างสูงสุด 

            แต่การอ่อนน้อมถ่อมตัวมักทำยากเพราะคนเรามีกิเลสอยู่ในใจ ความคิดทะนงตัวว่าเป็นคนดี ถึงแม้จะรู้อยู่ว่าเขาดี และสนใจในความดีของเขาเหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันนั้น ใจของตัวเองก็คิดพองตามขึ้นมาบ้างว่า “เขาเก่งจริง ๆ เราก็รู้ แต่เราเองก็เก่งไม่ย่อยเหมือนกัน”  ใจมันพองขึ้นแข่งกับเขา ยิ่งมีมานะทิฏฐิมาก ความถือตัวก็ยิ่งมาก ยิ่งถือตัวมาก ก็ยิ่งหาโอกาสทำความดีใส่ตัวได้ยาก เพราะใจไม่ว่าง ที่ไม่ว่าง ก็เพราะมัวไปติดการถือตัวเสียนั่นเอง

                ต้นไม้ต้นใดยอมอ่อนไหวไปตามกระแสลมที่พัดมาถูกต้อง แสดงว่าต้นไม้ต้นนั้นยังเป็นอยู่ ส่วนต้นไม้ใดยืนต้นตรงนิ่ง แข็งทื่อ ไม่ไหวติงเมื่อถูกกระแสลมพัด แสดงว่าต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นไม้ตายซาก ไม่สามารถผลิดอกออกผล ฉันใด ในหมู่มนุษย์เราก็เป็นฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลใดเป็นคนเจ้าทิฏฐิมานะ เย่อหยิ่งจองหอง ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนแข็งกระด้าง ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่อยากเคารพคารวะใคร ก้มศีรษะไม่ลง ยกมือไม่ขึ้น บุคคลผู้นั้นก็เหมือนกับต้นไม้ที่ตายยืนต้นไม่มีทางจะเจริญงอกงามเติบโต และไม่มีการผลิดอกออกผลต่อไป                 

              อนึ่ง การรดน้ำพรวนดินดายหญ้าและใส่ปุ๋ยแก่ต้นไม้นั้น คนเรามีแก่ใจทำให้แก่ต้นไม้ที่ยังเป็นเท่านั้น ส่วนต้นไม้ที่ตายแล้ว ไม่มีใครเขาจะปรารถนารดน้ำพรวนดินดายหญ้าและใส่ปุ๋ยให้ ฉันใด ในสังคมมนุษย์เรานี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่มีใครจะสนใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลสนับสนุนช่วยเติมวิชาความรู้ ช่วยเพิ่มตำแหน่งหน้าที่การงาน ช่วยเติมยศศักดิ์เป็นต้น ให้แก่บุคคลที่แข็งกระด้าง ขาดสัมมาคารวะ ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว ส่วนบุคคลที่มีสัมมาคารวะ มีความอ่อนโยน เป็นคนมีเสน่ห์ที่จะดึงดูดจิตใจของคนอื่นให้เกิดความนิยมชมชอบ คอยช่วยเพิ่มเติมคุณงามความดีให้แก่ตนด้วยความเต็มใจเหมือนอย่างการรดน้ำพรวนดินดายหญ้าและใส่ปุ๋ยให้แก่ต้นไม้ที่ยังเป็น ย่อมไม่เสียแรงเปล่า ฉันใด การช่วยเหลือสนับสนุนบุคคลที่มีสัมมาคารวะ ก็ย่อมไม่เสียแรงเปล่า แต่กลับมีประโยชน์มากมาย ฉันนั้น

           

หมายเลขบันทึก: 450717เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2011 16:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท