การถอดความรู้งานพัฒนาชุมชน
อ.กู้เกียรติ ญาติเสมอ
อาจารย์พิเศษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี
ความแตกต่างระหว่างข้อมูล-บทเรียน/ประสบการณ์-องค์ความรู้ -ภูมิปัญญา
ข้อมูลได้จากการเก็บรวบรวม เป็นบันทึกการกระทำในเรื่องนั้นๆอย่างเป็นขั้นตอน มีตัวเลขเชิงปริมาณ มีการบรรยายเชิงคุณภาพข้อมูลเปลี่ยนแปลงได้
บทเรียน/ประสบการณ์ได้จากการสรุปทบทวนกระบวนการทำงานที่ผ่านมา โดยการวิเคราะห์กระบวนการทำงานในเรื่องนั้นๆเพื่อค้นหาว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
องค์ความรู้ได้จากการนำชุดบทเรียน/ประสบการณ์มาปฏิบัติซ้ำ พัฒนายกระดับการทำงานอย่างต่อเนื่องจนเกิดความชัดเจน มีการถ่ายทอดได้ เขียนเป็นหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้ได้
ภูมิปัญญาเป็นความรู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้จริง สั่งสม สืบทอดกันอยู่ในชุมชนท้องถิ่นกันมายาวนาน
-
การถอดความรู้คืออะไร?
-
การถอดความรู้คือการสืบค้นความเป็นมา/กระบวนการ/วิธีการทำงาน/ปัจจัยความสำเร็จ/ปัญหาและวิธีแก้ไขของกลุ่มเป้าหมายที่ศึกษาไม่เน้นระเบียบวิธีเหมือนงานวิจัย เน้นการพูดคุย สัมภาษณ์ เล่าเรื่อง
-
สังเคราะห์จับประเด็นให้ได้กระบวนวิธีการทำงานในเชิงบทเรียนประสบการณ์ที่ดำเนินการผ่านมาจริง
-
ผลลัพธ์จะเป็นเอกสารที่แสดงออกมาง่ายๆไม่ซับซ้อนผู้ที่สนใจนำไปปรับใช้ได้โดยง่าย
งานพัฒนาชุมชน คืออะไร
-
งานพัฒนาชุมชน คือการทำงานร่วมกับประชาชนเพื่อทำให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น กล่าวคือ เกิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมตามเจตจำนงของประชาชนเพื่อประโยชน์สุขของชุมชนเอง
ชุมชนที่พัฒนา คือชุมชนที่ประชาชนมีความสามารถในการพึ่งตนเองได้ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจการปกครอง ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งในการจัดการกับปัญหาและสนองความต้องการต่างๆที่เกิดขึ้นในชุมชนของตนเองได้
-
ขั้นตอนการถอดความรู้ชุมชน
1.เตรียมทีม ได้แก่ คนตั้งคำถาม คนจดบันทึกและจับประเด็น คนบันทึกเทปหรือถ่ายภาพ
2.เตรียมอุปกรณ์ สมุดบันทึก ปากกา เทปบันทึกเสียง กล้องวิดิทัศน์ กล้องบันทึกภาพ
3.เตรียมกรอบเนื้อหา/ประเด็น
4.เตรียมแนวคำถาม/แนวสัมภาษณ์
5.เตรียมงบประมาณ
6.เตรียมกลุ่มเป้าหมาย
7.ปฏิบัติการถอดความรู้
8.ประมวล/สรุปข้อมูล/วิเคราะห์/สังเคราะห์
9.การเขียนรายงาน
10.การนำเสนอและใช้ประโยชน์/ขยายผล
1.เทคนิคพลังเรื่องเล่า
2.การสนทนากลุ่ม
3.การสัมภาษณ์เจาะลึก
4.การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม(PAR) ฯลฯ
1.เทคนิคพลังเรื่องเล่า
เครื่องมือที่สำคัญ คือ การฟังและการเล่า
หัวใจสำคัญของการถอดความรู้ด้วยพลังเรื่องเล่า คือ
-
การฟัง
-
การคิด
-
วิเคราะห์
-
การตั้งคำถาม
-
การจดบันทึก
-
การสังเคราะห์
-
การเขียนสรุปประมวลผล
วิธีการใช้เทคนิคพลังเรื่องเล่าถอดความรู้
1.แนะนำตัว/บอกวัตถุประสงค์/สร้างบรรยากาศเป็นกันเอง
2.การเปิดประเด็นคำถามใช้ การกระตุ้นถามให้ตอบเชิงเล่าเรื่อง
3.ถามเจาะลึกใช้คำถาม 3 ชั้น 1.คืออะไร 2.เป็นอย่างไร 3.ทำไมเป็นอย่างนั้น
4.เก็บตก
5.กล่าวลา/ขอบคุณ
เครื่องมือบันทึกผล = MIND MAPPING/ฟลิปชาร์ท/กระดาษสี
การถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติ(After Action Review - AAR)
-
แนวคิดในการดำเนินกิจกรรม (AAR)
AAR เป็นแนวคิดกระบวนการกลุ่ม ประเภทหนึ่งซึ่งใช้เพื่อการถอดความรู้ที่อยู่ในตัวบุคคล(Tacit Knowledge) ออกมาเป็นความรู้ที่ปรากฏชัดเจน(Explicit Knowledge) ผ่านกระบวนการเล่าเรื่อง (Story Telling)
-
คําถาม AAR คือ
1. สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้รับจากการทํางานคืออะไร?
2. สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคืออะไร หรือเป็นอย่างไร?
3. ทําไมจึงเป็นเช่นนั้น? (ทำไมต่างกัน)
4. สิ่งที่ได้เรียนรู้และวิธีการ ลด/แก้ความแตกต่างคือ อะไร?(คราวหน้าจะทำอย่างไร?)
-
7 ขั้นตอนกับ AAR
1. คุณควรทําAAR ทันทีทันใดหรืออย่างเร็วที่สุดหลังจากจบงานนั้นๆ
2. ไมมีการกล่าวโทษ ซํ้าเติม ตอกยํ้าซึ่งกันและกัน ไม่มีความเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง มีแต่บรรยากาศที่เป็นกันเอง
3. มี“คุณอํานวย” คอยอํานวยความสะดวก กระตุ้น ตั้งคําถามให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของตน
4. ถามตัวคุณเองว่าสิ่งที่คุณควรได้รับคืออะไร
5. หันกลับมาดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคืออะไร
6. ความแตกต่างคืออะไร ทําไมจึงต่างกัน
7. จดบันทึกเพื่อเตือนความจําว่าวิธีการใดบ้างที่คุณได้เคยนํามาแก้ปัญหา
ต้องคัดเลือกให้ได้ผู้เข้าร่วมสนทนาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน (Homogeneous) หรือ อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เช่น เพศ อายุ อาชีพ เชื้อชาติ สถานภาพสมรส
n เครื่องบันทึกเสียง และ อุปกรณ์ ควรมีสำรองเพื่อป้องกันการผิดพลาด
“คุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับ…มาอย่างไร”
“คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิญญาณ”
n ควรมีประมาณ 6 – 10 คำถาม
-
แนวทางในการสนทนากลุ่ม
(Group Discussion Guide)
n ดูแลบริการเครื่องดี่มและของขบเคี้ยวแก่ผู้ร่วมสนทนา
n คอยควบคุมเครื่องบันทึกเสียง และ เปลี่ยนเทปขณะที่ทำการสนทนา
n จัดเตรียมอุปกรณ์สนามให้พร้อม
n สังเกตพฤติกรรมของผู้ร่วมสนทนา
n ยืดหยุ่น เปิดใจ อดทนต่อการรบกวน/ไม่ร่วมมือ
n ควบคุมประเด็น และ จังหวะของการสนทนา และ เวลา
n ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดสนทนากลุ่ม
- ความหมายการสนทนากลุ่ม
- การสนทนากลุ่ม เป็นเทคนิคการวิจัยเชิงคุณภาพวิธีหนึ่ง
- ใช้การสนทนากลุ่มสมาชิกที่มีลักษณะเหมือนกัน ประมาณ 6 – 12 คน
- มีผู้ดำเนินการสนทนา เป็นผู้สร้างให้เกิดบรรยากาศของความเป็นกันเองในกลุ่ม จุดประเด็นคำถาม (ซึ่งนักวิจัยอยากหาคำตอบจากกลุ่ม) และคอยกระตุ้นให้สมาชิกกลุ่มผู้ร่วมสนทนาได้มีการพูดคุย ซักถาม และ โต้ตอบกันอย่างกว้างขวางและเป็นธรรมชาติ
-
ใช้เวลาสนทนานานประมาณ 45 นาที ถึง หนึ่งชั่วโมงครี่ง
- คุณลักษณะของผู้ดำเนินการสนทนา (Characteristics of Moderator/Facilitator)
- n ผู้ดำเนินการสนทนา ถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้การสนทนาบรรลุเป้าหมาย จึงต้องมีคุณลักษณะ ดังนี้
- – รู้ถึงความต้องการ หรือ เป้าหมายของโครงการเป็นอย่างดี
- – มีบุคลิกภาพดี
- – มีมนุษย์สัมพันธ์ สุภาพ อ่อนโยน มีอารมณ์ขัน
- – สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
-
– สามารถพูด หรือ ใช้ภาษาท้องถิ่นเพื่อการสื่อสารได้
- บทบาทหน้าที่ของผู้ดำเนินการสนทนา
แนวคิดและเทคนิคการสนทนากลุ่ม