503 คนไทยที่เปลี่ยนไป


ภัยสังคม

 

 

คนไทย ที่เปลี่ยนไป 

สมัยผมเด็กๆ ยังจำถึงคำที่ชาวต่างชาติกล่าวถึงคนไทยและประเทศไทยด้วยความชื่นชมว่าเมืองไทยเป็นเมืองยิ้มหรือยิ้มสยาม คนไทยโอบอ้อมอารีและมีน้ำใจให้คนต่างชาติเสมอมา และตั้งแต่สมัยนานมาแล้วมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค พอโตขึ้นมาหน่อยเวลาไปชมวัดพระแก้วหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในกรุงเทพฯ ก็เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวกันอย่างสบายใจ เจอคนไทยก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยคนไทยต้อนรับชาวต่างชาติด้วยใจ

แต่ต่อมา โลกพัฒนาขึ้น การเดินทางไปมาระหว่างประเทศสะดวกมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหลายลิบล้านคน การต้อนรับของเมืองยิ้มสยามชักจะเปลี่ยนไป จากร้อยยิ้มที่บริสุทธิ์ กลายเป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยและมีการหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้โดยทำเป็นขบวนการ จนทุกวันนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่ายิ้มสยามนั้นได้หายไปจนหมดสิ้น

ผมนั่งอ่านข่าวการถูกหลอกลวงของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยคนไทยด้วยหัวใจที่รันทด และหดหู่........เป็นเพราะเราไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วหรือ หรือเป็นเพราะเรายากจนข้นแค้น หรือว่าโกรธแค้นคนต่างชาติ จนต้องถึงกับหลอกลวงเงินของคนอื่น

วิธีการหลอกลวงของคนไทยนั้นมีหลายรูปแบบตั้งแต่การหลอกเรื่องค่าบริการต่างๆ ที่สูงเกินจริง หลอกเรื่องสินค้าที่ปลอม หลอกเรื่องการเสมือนทำผิดกฏหมาย เช่นแกล้งว่านักท่องเที่ยวต่างชาติแอบซื้อของโดยไม่จ่ายเงิน การปรักปรำว่าได้ทำผิดกฏหมายและร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บังคับให้นักท่องเที่ยวจ่ายค่าปรับ บางกรณีก็สร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เพื่อให้เกิดคดีเรียกร้องต่าเสียหาย….เพื่อที่จะได้บังคับให้มีการออมชอมและนักท่องเที่ยวยอมจ่ายเงินบางส่วน......ทั้งหมดนี้อาศัยการไม่รู้ภาษาอังกฤษของคนไทยเป็นประโยชน์ในการสร้างสถานการณ์ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตระหนกและสับสนเพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องและส่วนใหญ่มักจะยอมเสียเงินให้คนไทย ที่หนักก็ถึงกับจับเข้าคุกเข้าตารางหรืออันตรายถึงชีวิตก็มี

สังคมไทยเปลี่ยนไป คงมีผลทำให้คนไทยเปลี่ยนไปด้วย...มากทีเดียว ทุกวันนี้ หากเราแปลงร่างเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติได้และเดินไปเที่ยวคนเดียว  เราจะพบว่าการไปเที่ยวในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ มีภัยที่แอบแฝงและพร้อมที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยวทุกขณะ ตั้งแต่ทันทีที่ก้าวออกมาจากสนามบิน

ไม่น่าเชื่อว่าคนเมืองพุทธจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้

ผมอ่านเรื่องการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่โดนคนไทยหลอกแล้วก็ถามตัวเองว่า ในทางกลับกัน ถ้าเราคนไทยไปโดนหลอกแบบนี้ในต่างประเทศ เราก็คงมีความรู้สึกเดียวกับคนที่ร้องเรียนทั้งหลายเหล่านี้  จริงอยู่ บางคนอาจแย้งว่าในต่างประเทศก็มีการหลอกลวงแบบนี้ คนไทยก็ถูกหลอกเหมือนกัน ก็จริง แต่คงไม่ใช่เหตุผลที่เราคนไทยจะแก้แค้นหรือตอบโต้ด้วยวีการแบบนี้

เหตุผลของการหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติคืออะไร คำตอบคงมีหลากหลาย แต่ที่น่าจะใช่ก็คือการเสื่อมของศีลธรรมของชาวพุทธ เห็นผิดเป็นถูก ไม่มีความละอายต่อบาปและไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมในทางที่ถูกที่ควร พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ ในคราบของประชาชนเมืองยิ้มสยามกำลังทำลายอนาคตของตนเอง อนาคตของประเทศของตนเองอย่างน่าเสียดาย

ขอแสดงความเสียใจต่อนักท่องเที่ยวทุกชาติที่ถูกหลอกลวงจากพวกมิจฉาชีพ 

หมายเลขบันทึก: 461931เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2011 18:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 15:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เราเองยังถูกแทกซี่ใน กทม หลอกจนไม่กล้าขึ้นแทกซี่

เช่น พาหลงทาง ขับวนไปวนมาให้เสียเงินเพิ่ม แล้วพาเราพูดเรื่องการเมือง น่ากลัวจริงๆ

หรือแม้แต่การหลอกลวง ทำร้าย เอาเปรียบคนชนบท รวมทั้งแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่กระเสือกกระสนดิ้นรนมาทำมาหากินเพื่อความอยู่รอดในสภาพที่เสี่ยงและยากแค้นอยู่แล้ว อย่างไร้มนุษยธรรม-เหมือนกับไม่ใช่คนด้วยกัน บางทีคนที่ทำอย่างนี้ก็เป็นคนบ้านนอกหรือชาวบ้านอย่างเราๆ ที่ก็มีชีวิตที่ย่ำแย่พอกันเสียอีกนะครับ 

Ico24 พระมหาแล อาสโย ขำสุข,

นมัสการขอบพระคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจครับ

การเปลี่ยนไป เป็นของปรกติก็จริงอยู่ครับ แต่หากเป็นไปทางด้านบวก ก็น่ายินดีนะครับ

Ico48

คุณแก้วครับ ต้องยอมรับครับว่าแม้เราเป็นคนไทย เป็นคนกรุงยังมีความรู้สึกกลัวภัยรอบด้านในสังคม เพราะดูหน้าไม่รู้ใจจริงๆ ครับ ความยากจนไม่น่าถึงกับทำให้คนเราลืมศีลธรรม

ขอบคุณครับที่แวะมาทักทายกัน 

Ico48

อจ.ครับ เป็นคำที่ตรงและถูกต้องครับ "อย่างไร้มนุษยธรรม" ซึ่งครั้งหนึ่งประเทศเรา ชาวไทยเรามีให้อย่างมากมาย น่าเสียดายครับ ที่ความเจริญทางด้านวัตถุและโดยเฉพาะทุนนิยม ทำลายความเป็นมนุษย์ที่ดีหายไปจนหมดสิ้น

ทุกวันนี้ คนที่เห็นแก่ตัวมุ่งแสวงหาเพียงเงินตราและพร้อมที่จะทำสิ่งที่ผิดศีลเพียงเพื่อเหตุผลของความอยู่รอดปลอมๆ

ขอบคุณครับที่แวะมาทักทายกัน

รู้สึกเสียใจแทนคนไทยดีๆๆหลายๆคนที่ต้อนรับอย่างดี บางทีต้องให้ความรู้คนขับรถแท๊กซี่ ที่ชาร์ทค่าแท๊กซี่เกินราคาจนนักท่องเที่ยวขยาด เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือกันด้วยครับ

Ico48

อจ.ขจิตครับ

เห็นด้วยครับ โดนรวม คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังเป้นคนที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติดี คงเป็นส่วนน้อยที่ยังไม่ได้ปรับปรุงตัว

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นรายได้สำคัญของประเทศและเป็นอนาคตของประเทศไทยที่ชัดเจนครับ หากจะช่วยกันรักษาให้ดีอยุ่ต่อไปและมากที่สุด ก็คืออนาคตของลูกหลานเรานั่นเองครับ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันครับ

 

เหตุผลของการหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติคืออะไร คำตอบคงมีหลากหลาย แต่ที่น่าจะใช่ก็คือการเสื่อมของศีลธรรมของชาวพุทธ เห็นผิดเป็นถูก ไม่มีความละอายต่อบาปและไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมในทางที่ถูกที่ควร 

ประเทศไทยมี คนนับถือศาสนาพุทธ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งมีหลักธรรมทั้งศีลห้า และ ความเมตตา แต่..

การเป็นพุทธ นั้นดูจากสิ่งใดคะ 
...พ่อแม่แจ้งเกิดให้ในทะเบียนบ้าน
...ห้อยพระ 
...ไปเวียนเทียนที่วัด

Ico48

 

คุณหมอ ตามความคิดของผมนะครับ ขอท่านผู้รู้เข้ามาชี้แนะด้วย

การเข้าถึงพุทธ อยู่ที่การน้อมรับพระรัตนตรัยครับ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งสอนตามระดับ(ศีล)ของตน

การได้ชื่อว่าเป็นพุทธ ไม่ว่าจะตามทะเบียน ห้อยพระหรือไปเวียนเทียนที่วัด ที่คุณหมอยกมานั้น เป็นแต่เพียงทางเอกสารและพฤติกรรมภายนอกครับ แต่การน้อมรับและการปฏิบัติโดยเฉพาะการภาวนาของพุทธคือหัวใจของความเป็นพุทธ

ในปัจจุบันผมพบคนหลายชาตที่บอกตรงกันว่าเขาไม่มีศาสนา ไม่นับถือศาสนาใดเลย แต่คนเหล่านี้มักจะชื่นชมและปฏิบัติตามแนวพุทธ ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่า "พุทธ" ก็เป็นชื่อสมมุตติครับ

ผมว่า "การรู้(ด้วยสติ) และการตื่น" นั่นแหละคือความเป็นพุทธ

ผมไม่รู้ว่าได้ตอบถูกและโดนใจคุณหมอไหม อย่างไร ก็ขอผู้รู้เข้ามาชี้แนะและเสริมกันต่อไปนะครับ

เจริญสุขครับ

"...ในปัจจุบันผมพบคนหลายชาตที่บอกตรงกันว่าเขาไม่มีศาสนา ไม่นับถือศาสนาใดเลย แต่คนเหล่านี้มักจะชื่นชมและปฏิบัติตามแนวพุทธ ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่า "พุทธ" ก็เป็นชื่อสมมุตติครับ"

ลึกซึ้งและได้ใจคะ :-)

ทำให้คิดขึ้นมาว่า การ "label" บอกว่า ตัวเขาเป็นอะไร อย่างไร ผ่านตัวอักษร ที่เรา "อ่าน" นั้น ไม่สามารถบอกได้ดีเท่ากับ คือพฤติกรรมที่สะท้อนมาจากภายใน  ที่เรา "รู้สึก"  อยากชื่นชมด้วยใจจริง ว่าวิธีการมองที่สะท้อนในบทความ และวิธีการตอบความเห็น สะท้อนถึงผู้มีคุณธรรม ละวางอัตตา ได้โดยไม่ต้องมีคำบรรยายกำกับใดๆ เลยคะ

Ico48

คุณหมอ

กลับมาแล้วครับ จากอัสสัม ไปเยือนหมู่บ้านนำผาเกครั้งที่ 3 ได้ข้อมุลที่น่าสนใจจริงๆ

ขอบคุณและอนุโมทนาสาธุสำหรับความเห็นนะครับ คุณหมอเองก็เป็นผู้ "เข้าถึง"เรื่องจิตใจคนหนึ่งครับ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท