ภาพจากอินเทอร์เน็ต
เคยรู้สึกกันบ้างหรือเปล่าว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่จะนำมาซึ่งความผิดหวังได้ทั้งสิ้นเพราะความผิดหวังหรือความล้มเหลว มันอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา มันเกิดขึ้นมาจากทุกอย่างรอบตัว มันทั้งหยอกเล่น เอาจริง รังแก หรือแค่ทดสอบเรา จนบางครั้งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียอย่างนั้น
แต่เมื่อเจอกันอีกครั้ง เรากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มันอยู่ดี หลายคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และทำอย่างไรจึงจะสามารถเอาชนะมันได้สักที
อาจกล่าวได้ว่า ความล้มเหลวและความผิดหวังนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเราไม่ต่างจากความสมหวัง เพียงแต่คนเรามักจะสมมติให้ตัวเองพึงพอใจกับความสมหวังมากกว่าเท่านั้นเอง
ในยามที่สมหวัง เราอาจจะบอกกับตัวเองว่าเป็น "ผู้ชนะ" โดยที่ไม่เคยสนใจว่าได้มันมาอย่างไร หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเก็บรักษาเอาไว้ได้นานอย่างไร
ในทางกลับกัน เมื่อเป็นฝ่ายที่ต้องผิดหวังบ้าง เราก็มักจะตอกย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็น "ผู้แพ้" คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามสิ่งสำคัญของชีวิตไป เพราะมัวแต่จดจ้องอยู่แค่คำว่า
แพ้ . . . ชนะ
มีสิ่งหนึ่งที่คนเราไม่ควรมองข้าม นั่นคือการมีน้ำใจนักกีฬา และการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ เมื่อได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว ให้คิดเสียว่าเราแพ้สิ่งหนึ่งเพื่อทำให้รู้ตัวว่า
"เราอาจจะเหมาะกับอีกสิ่งหนึ่งมากกว่า"
จงอย่ามัวเสียดายในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราให้นานนัก จงออกไปค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับการพรรณนาถึงความล้มเหลวอย่างไร้สติ ที่รังแต่จะทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยค่ายิ่งขึ้นเท่านั้น
หากเปรียบชีวิตคนเราเป็นการแข่งขัน โลกนี้ก็คงเป็นสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าร่วมอย่างไม่มีเงื่อนไข และก็ใช่ว่าโลกจะจำกัดชนิดกีฬาที่แข่งขัน มีหลากหลายอย่างที่ให้เราเลือกเล่น เราจึงต้องแสดงฝีมือในสิ่งที่ตนเองถนัดอย่างเต็มความสามารถ จนกว่าระฆังยกสุดท้ายของชีวิตจะดังขึ้น ซึ่งก็จะเป็นการสิ้นสุดการแข่งขันอันยาวนานนั้นลง
และในสนามแข่งขันของเกมชีวิตนั้นจะไม่มีการพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก ที่สำคัญไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ เพราะเราต่างเกิดมาเพื่อที่จะเล่นเกมของตัวเองด้วยตัวเองจนจบ
แม้บางเกมเราจะแพ้หรือชนะ แต่ทุกๆ เกมเกิดจากการตัดสินใจของตัวเราเองทั้งสิ้น เราจึงต้องยืดอกยอมรับต่อผลที่เกิดขึ้นอย่างกล้าหาญ และน่าจะดีกว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อจะไม่ต้องเสียใจในภายหลังเมื่อความผิดหวังมาเยือน
เมื่อพูดอย่างนี้ ก็ใช่ว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอไป เพราะบางครั้งความพ่ายแพ้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แม้ว่าชัยชนะจะเป็นยอดปรารถนาของคนเราก็ตามที แต่เรามักจะได้อะไรดีๆ ในชีวิตจากความพ่ายแพ้มากกว่า เพียงแต่เราต้องทำความรู้จักและเรียนรู้จากมัน เพื่อสามารถนำเอาความผิดพลาดต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในครั้งต่อไป ดังเช่นที่ นโปเลียน นักการเมืองการทหารผู้ยิ่งใหญ่ชาวฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้ว่า
"คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จนัก"
ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นผู้ชนะฝ่ายเดียว
แพ้เสียบ้างก็เป็นกำไรชีวิตได้เช่นกัน
และ นอกเหนือจากมนุษย์ทุกคนจะต้องการปัจจัย ๔ เพื่อการดำรงชีวิต ความทุกข์ที่เกิดจากความผิดหวังและความพ่ายแพ้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพบพานเหมือนกันหมด และเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน ทุกคนต่างก็มุ่งหวังที่จะเป็นผู้ชนะให้ได้
คนส่วนใหญ่จึงอาจจะคิดว่าการเป็นที่หนึ่งนั้นจำเป็นต้องเอาชนะคนอื่นเท่า นั้น หากแต่แท้จริงแล้ว เกมที่เราแข่งขันอยู่ในสนามชีวิตจริง อาจไม่จำเป็นต้องมีคู่แข่งอื่นใดนอกจากตัวเรา เพราะบางทีเพียงแค่การเอาชนะใจตัวเองมันก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียนี่กระไร
บางทีหากเราต้องการจะเป็นผู้ชนะตัวจริง จึงไม่ใช่การวิ่งแซงหน้าเพื่อเอาชนะใครต่อใคร หากแต่คือการเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะค่ะ.
ภาพจากอืนเทอร์เน็ต
อ้างอิง : จะท้อไปใย เริ่มใหม่.. ลองดู, โดย ฤทธิรงค์
ความผิดพลาด ความล้มเหลว บ้างทีสิ่งเหล่านี้
ก็จะเป็นเหมือน เกาะ ที่สร้างภูมิคุ้มกัน ให้เราแข็งแกร่งขึ้น กว่าที่เป็นอยู่
สวัสดีค่ะ คุณหญิง วรลักษณ์
การแข่งขัน ที่สุดแล้ว มันหมายถึงการแข่งขันกับตัวเอง
ทุกๆ ครั้ง พี่ถามตัวเองเสมอว่างานเดิมๆ ที่ทำ หรืองานใหม่ๆ ที่ลงมือทำนั้น มีความเกี่ยวข้องกับวันที่ผ่านมาอย่างไร เป็นการทบทวนตัวเอง และถามทักถึงพัฒนาการบางอย่างของตัวเอง
วันนี้เช่นกัน...
เล่าเรื่องกฐินโบราณที่จะมีขึ้นให้ทีมงานได้ฟัง..
ถามพวกเขาว่าทำมาสองสามหนแล้ว จำ หรือได้อะไรติดไม้ติดมือ...ติดหัวสมองมาบ้าง
ซึ่งนั่นหมายถึงการถามว่า "จะขับเคลื่อนปีนี้อย่างไร...."
กรณีดังกล่าวนี้ พี่ถือว่าโดยส่วนตัวแล้ว พี่ชนะตัวเองในระดับหนึ่ง
แต่ทีมงานที่ยังงมหอยในสระบัวนั้น คงต้องถามตัวเองว่า "แพ้ หรือชนะ" (ตัวเอง)
ถ้าซ้ำอยู่กับวิถีเดิมๆ....นั่นคือ ภาพฟ้องของความพ่ายแพ้....
สวัสดีค่ะ พี่พนัส ที่คิดถึง
.."ทั้งปวงนั้น..ก็ล้วนเป็นจังหวะของชีวิตที่เราต้องก้าวผ่าน"..
โดยส่วนตัวพี่ก็หลงรักวาทกรรมข้างต้นมาก เพราะในรู้สึกนั้น ก็เชื่อเช่นนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่การปลอบปลุก หรือปลอบประโลมตัวเองเล่นๆ แต่มันคือการเชื่องมั่นในวิถีเช่นนั้นจริงๆ...
การทำงานกับคน มันมีความยุ่งยากเสมอ ในองค์กรก็เหมือนถนนสายหนึ่ง ระบบจราจรทางความคิดพลุกพล่าน ติดขัดยาวเหยียด ยากมากที่จะเจอภาวะปลอดโปร่งรถไม่ติด...
ชีวิตและการงาน เป็นเช่นนั้นจริงๆ...
สู้ๆ...
หาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ.. พี่เหนื่อยมามากแล้ว.. take care ค่ะ..
สวัสดีครับครูแป๋ม
แพ้หรือชนะไม่สำคัญเสมอไป หากเรายังสู้อยู่เราต้องชนะ สำคัญว่า ..สู้จริงหรือเปล่า (สมคิด วลางกูร)
ขอบคุณข้อคิดดีๆที่สะท้อนการชนะใจตนเองที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดค่ะ
ด้วยความระลึกถึงนะคะ พี่ใหญ่...^^
"เเพ้" หรือ "ชนะ" ไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเราชนะใจตัวเองหรือยัง
สวัสดีค่ะ คุณพรพิมล จัดงูเหลือม
แพ้ชนะ ไม่สำคัญ
สำคัญว่า
เรารู้พัฒนาการของเราแค่ไหน
..ขอบคุณครับ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่พนัส สุดยอดตัวแบบ..
สวัสดีค่ะครูแป๋ม หลังจากที่ได้เข้ามาอ่านบล๊อคของคุณครู
หนูได้ข้อคิดใหม่ๆเยอะมากเลยค่ะ อย่างเช่น"ชนะหรือแพ้ มันก็แค่สิ่งสมมติ"
หนูเป็นคนที่กังวลในทุกๆเรื่อง คิดแต่เพียงว่า ไม่อยากจะเป็นที่รั้งท้าย
พยายามกระตุ้นตัวเองเพื่อให้พร้อมอยู่เสมอ
"คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จนัก"
เช่นเดียวกับ ผิดเป็นครู ใช้ได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะหากเราไม่ได้รู้ซึ้งถึงความผิดพลาด ชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเส้นทาง
ไม่พบเจอสิ่งที่ยากลำบาก อาจกลายเป็นคนอ่อนต่อโลก
หากได้พบเจออุปสรรค มันจะเป็นผลให้เราต้องใช้สมองใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหานั้นๆ
และหากเมื่อเราเจอปัญหาที่หนักหนากว่านี้ เราก็จะสามารถแก้ไขและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
บางครั้งนะคะ หนูคิดว่าการที่เรามุ่งมั่นที่จะเอาชนะ แข่งขันกับผู้อื่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา
มันใช่วิธีที่ถูกต้องแล้วหรือ
เคยมีคนบอกหนูว่า "คุณไม่ได้แข่งกับใคร คุณต้องแข่งกับตัวเอง"
ในที่นี้คือ การมีพยายามกระตือรือร้นที่จะใฝ่หาความรู้ จนได้มาซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณคุณครูแป๋มนะคะ ที่มีข้อคิดดีๆให้มากมายเลย
ขอบคุณค่ะ ^^
นส.จิราเจต นาเมืองรักษ์ ม.6/5 เลขที่ 31
สวัสดีค่ะ นส.จิราเจต นาเมืองรักษ์ ม.6/5 เลขที่ 31
สวัสดีค่ะอาจารย์ หนู ศิริวรรณ เบิกบาน ม.6/7 เลขที่43 บ.ว.นค่ะ รายงานตัวเเล้วนะค่ะ เรียนชีวกับอ.สนุกๆมากๆๆๆเลยค่ะ
สวัสดีค่ะครูแป๋ม สำหรับหนูๆว่านะคะเมื่อเปรียบคนทีแพ้แล้วปรับรุงกับคนที่ชนะแล้วทะนงตัว
หนูว่าคนแพ้ที่รู้จักปรับปรุงคือ"ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่"ค่ะ เพราะคนที่แพ้ใช่ว่าจะแพ้เสมอไปถ้าหากไม่ถอย
แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับสิ่งที่ดีกว่าสักวันเขาก็จะชนะและชนะอย่างสมบูรณ์แบบ
แตกต่างกับคนที่ชนะแล้วทะนงตัวคิดว่าตนเก่งเกินใครสักวันเขาคนนั้นจะแพ้
"แพ้ความทะนงตนของตนเอง"
ขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีๆที่ครูแป๋มนำมาแบ่งปัน ขอบคุณค่ะ
นางสาวอุ่นทิพย์ เบี้ยกระโทก ม6/5 เลขที่ 44
สวัสดีค่ะ นางสาวอุ่นทิพย์ เบี้ยกระโทก ม6/5 เลขที่ 44
สวัสดีค่ะ ครูแป๋ม จากที่ออยได้อ่านบทความของคุณครูแล้วทำให้ได้รู้ว่าการที่คนเรารู้จักคำว่าแพ้มากเท่าไหร่
ก็ทำให้เราใกล้สู้ความสำเร็จมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะว่าเรามีประสบการณ์มากจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วทำให้เรารู้
วิธีที่จะเอาชนะต่ออุปสรรคและสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น ทำให้เรามีวิธีรับมือกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ไม่ว่าสิ่งที่เราจะเผชิญ
นั้นมันจะยากเพียงใด เราก็สามารถเอาชนะมันได้ ทำให้ออยได้รู้ว่า บางครั้งชัยชนะก็ไม่สำคัญและจำเป็นเท่าไหร่แต่
น้ำใจและมิตรภาพในการแข่งขันต่างหาที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและจะเป็นสิ่งที่อยู่กับเราไปตลอด
(การที่เรารูจักแพ้ ซักวันหนึ่งเราจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่)
นางสาวพัชราภรณ์ จันทร์ปัญญา
ชั้น ม.6/5 เลขที่ 36 ค่ะ
สวัสดีคะ ครูแป๋ม จากที่ได้อ่านข้อความข้างต้นเเล้ว โดยความคิดของหนู หนูคิดว่า การที่เรา เเพ้หรือชนะ นั้นมันไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย เเต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เเละอนาคตข้างหน้า การดำรงชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้ต่างหากที่เราควรสนใจไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับอดีต เเต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่หนูเห็นด้วยกับคำกล่าวที่นโปเลียนได้กล่าวเอาไว้ว่า
"คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จนัก"
เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรานั้น มันคือเเรงผลักดันทำให้ชีวิตของคนเรานั้นก้าวต่อไปได้ ถึงเเม้จะเป็นความผิดพลาดที่เล็กที่สุดในชีวิต เเต่ความผิดพลาดในครั้งนี้อาจทำให้ชีวิตคนๆหนึ่งเปลี่ยนเเปลงไปได้อย่างมาก เเต่ถ้าเราไม่คิดที่จะเเก้ไขความผิดพลาดในครั้งนี้ เพียงเเค่จุดเล็กๆที่เกิดขึ้นก็อาจเเปรผันจนยากที่จะเปลี่ยนเเปลง
"การที่เราจะมีอนาคตที่สดใส" ความพ่ายเเพ้นั่นเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นเเรงกระตุ้นให้ คิดใหม่ ทำใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า ปรับเปลี่ยนเเละเปลี่ยนเเปลงสิ่งที่เลวร้าย เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนผู้ที่มัวเเต่เเก่งแย่งชิงดี ต้องการชนะฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ ไม่เคยพบความพ่ายเเพ้ เเละไม่เคยยอมรับกับสิ่งที่เกิด สิ่งเหล่านี้นี่ละจะทำให้ชีวิตของเขาอาจไม่พบทางออกในการเเก้ไขปัญหาต่างๆเมื่อเจอทางตัน
ทุกอย่างบนโลกล้วนมีทางออก เเค่เปิดใจ และยอมรับกับสิ่งที่ตนเองนั้นเป้นอยู่ อย่ามองข้ามกับความผิดหวังที่เกิดขึ้นเพราะมันจะเป็นกุญเเจสำคัญในการไขเพื่อแก้ปัญหาต่างๆได้ และตัวหนูเองก็ได้พัฒนามาจากความพ่ายเเพ้ที่เกิดขึ้นในชีวิตคะ^^"
หนูขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ สำหรับคนที่กำลังจ้องมองชัยนะ ก่อนที่เราจะชนะสิ่งอื่นใด ควรถามใจเราเองก่อนว่าเราชนะใจตนเองหรือยัง? เพราะการที่เราชนะใจตนเองได้นั้นก็เปรียบเหมือนการเอาชนะสิ่งที่มุ่งหวังอยู่นั่นแหละคะ ต่อสู้กับตนเองให้ถึงที่สุดเพื่อสิ่งที่รอในวันข้างหน้า
นางสาว สมิตา โรจนธารา
ชั้น ม. 6/5 เลขที่ 40 บ.ว.น.
สวัสดีค่ะ คุณ thanida หรือ นส.พัชราภรณ์ จันทร์ปัญญา ม.6/5 เลขที่ 36
สวัสดีค่ะ นางสาว สมิตา โรจนธารา ชั้น ม. 6/5 เลขที่ 40 บ.ว.น.
สวัสดีค่ะอ.จิราภรณ์
คือ ตอนที่หนูอยู่ ป.1 - ม.2 ค่ะ คือ หนูไม่เก่งคณิตเลยค่ะ ทำยังไงก็ไม่เก่ง แบบ ได้ 0 ก็มีอ่ะค่ะ แล้วหนูก็คืิคิดว่า ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ตัวคนสอนอ่ะค่ะ คงเป็นตัวหนูที่เป็นปัญหา หนูก็เลย พยายาม ตั้งมั่นตัวหนูเองอ่ะค่ะ พยายามจนแบบ ตอนนี้ 4 ทุกเทอมค่ะ #มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ หนูก็เลยรู้สึกว่า การที่เรามัวแต่เอาชนะผู้อื่น มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะไรความหมาย เหมือนการไล่ตามผีเสื้ออ่ะค่ะ เพราะฉะนั้นหนูจึงเชื่อว่า การเอาชนะตนเองเป้นสิ่งดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ