เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้ต่อไปว่า ความรู้ และประสบการณ์นอกห้องเรียนเป็นสิ่งที่คนในฐานะที่เป็นอาจารย์ต้องใส่ใจ จริงใจ ที่จะสร้างประสบการณ์ให้นักศึกษา เพราะจากกิจกรรมดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นในระดับหนึ่งแล้วว่าความรู้เชิงทฤษฎีในห้องเรียนไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายของ
เกริ่นนำ
หลังจากเสร็จการประชุมของโปรแกรมนิเทศศาสตร์ในวันนั้น..
ผศ.สัมพันธ์ พูนนารถ ได้มอบหมายให้สมาชิกโปรแกรมแต่ละท่าน รับผิดชอบโครงการเพื่อสร้างสรรค์ให้นิเทศศาสตร์เป็นโปรแกรมโดดเด่นตามงบประมาณในปี 2549 โครงการหนึ่งซึ่งอาจารย์ปัญณิตา เป็นผู้ประสานงานได้แก่ งานนิทรรศการ “นิเทศ นิทรรศน์ 7 ทศวรรษ ราชภัฏอุตรดิตถ์”
ซึ่งเราจะต้องจัดระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 49 เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีของมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักของเรา.....
คลำทาง…..
อาจารย์ปัญณิตา ขอปรึกษากลุ่มย่อยกับอาจารย์อุษณีย์และข้าพเจ้า (อาจารย์รดี) เราสามคนสรุปกันในวันนั้นว่า จะทำให้นิทรรศการของนิเทศในครั้งนี้เป็นนิทรรศการมีชีวิต โดยจะจัดให้มีเวทีการแสดง(ตอนแรกเราใช้ชื่อว่า “วิกนิเทศ”…เชยๆนิดๆ) และมีส่วนการแสดงบอร์ดกิจกรรมของนักศึกษา
ความรับผิดชอบในแต่ละฝ่ายเราสามคนต้องใช้ความสามารถอย่างหนักในการพิจารณากลุ่มนักศึกษานิเทศศาสตร์ที่เหมาะสมกับหน้าที่ต่างๆ จนในที่สุด สรุปได้ว่า ปี 4 จะทำหน้าที่สร้างสรรค์บอร์ดนิทรรศการเพื่อโชว์ผลงานเด่น
หน้าที่ในการแสดงหลัก เรานำเสนอการแสดงสื่อพื้นบ้านซึ่งนักศึกษาปีที่ 3 กำลังเรียนอยู่โดยอาจารย์ศิริกาญจน์เป็นผู้ดูแล
นอกจากนี้เรายังมีความอยากให้น้องปี 1 ได้โชว์ความสามารถในการแสดงอีก งานนี้ถือเป็นงานแรกก็ว่าได้ที่จะเป็นบททดสอบของพวกเค้า ซึ่งทั้งสองสาขา (BC &ADPR)ได้รับมอบหมายจากอาจารย์อุษณีย์ให้จัดการแสดงขึ้นกลุ่มละ 1 ชุด เด็กปี 2 เอก ADPR ได้รับมอบหมายในการแสดงความสามารถในสิ่งที่ควรจะฝึกฝนคือ การเป็นนักประชาสัมพันธ์นำเสนอสินค้าแต่ละเต็นท์ที่เข้ามาร่วมงานกับเรา
เอาล่ะ...เรื่องของเวที..เรานึกถึงเด็กปี 2 สาขาBC ขึ้นมาทันที เพราะห้องนี้เคยมีประสบการณ์ทางด้านการแสดง พวกเค้ามีความสามารถหลากหลายด้าน และที่สำคัญบางกลุ่มเคยผ่านประสบการณ์การช่วยเราทำเวทีงานขันโตกวิชาการของคณะที่ผ่านมาแล้ว....จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะให้นักศึกษาห้องนี้ไปทำงานอย่างอื่น................. สร้างสรรค์
ข้าพเจ้าได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้มอบหมายงาน การสร้างนิทรรศการมีชีวิตในส่วนของเวทีให้กับเด็กๆปี 2 เอก BC ที่สอนอยู่ในเทอมนี้ เราเรียนวิชาเขียนบทวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ด้วยกันสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกนักศึกษาในวันนั้นมีเพียงแค่ให้พวกเค้าเป็นผู้สร้างสรรค์เวทีแห่งการแสดงออกของเราขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ
โดยเปิดโอกาสให้พวกเค้า ได้เป็นผู้สร้างฉาก เป็นผู้กำกับเวที เป็นพิธีกร ซึ่งแต่ละส่วนเป็นสิ่งที่แต่ละคนที่เรียนเอกทีวีต้องเรียนรู้ในอนาคตอยู่แล้ว...
แต่ในวันนั้นพวกเค้าคงไม่รู้หรอกว่างานที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับสาขาที่เค้าเรียนอย่างไร…….
ในวันที่มอบหมายงานทุกคนในห้องดูตื่นเต้น กับการได้ทำกิจกรรมในครั้งนี้...แต่ตัวข้าพเจ้าเองกลับไม่ได้คิดอะไร…เพราะมีงานและกิจกรรมมากมายเหลือเกินที่ต้องรับผิดชอบ..อีกทั้งเวที ในความหมายของข้าพเจ้าเป็นเพียงเวทีเล็กๆที่เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการในมุมของนิเทศเท่านั้น จาก “วิกนิเทศฯเล็กๆ….กลายเป็นโครงเหล็กเฉียด 3 เมตร”
ในระหว่างการเตรียมงานข้าพเจ้าในฐานะผู้สังเกตการณ์ เห็นเด็กๆกลุ่มนี้เริ่มเตรียมงานล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ เท่าที่จำได้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม พวกเค้าเริ่มควานหาองค์ประกอบของเวทีแล้ว ในระหว่างนั้น ต้องขอบคุณอาจารย์ธัญญา เป็นอย่างมากที่คอยเบิกอุปกรณ์ต่างๆให้เด็กๆ เรื่องนี้สำคัญมากที่เราถือเป็นวัฒนธรมมองค์กรของเรา...”ผลสำเร็จคือที่ตั้ง”...เพราะฉะนั้นงบประมาณซึ่งดูเหมือนจะบานปลายอย่างแน่นอน..เราคงต้องยอมและแก้ปัญหากันไป.. เฮ้อ..ก็ขาดทุนมันคือกำไรทางด้านจิตใจของเราน่ะสิ
ประมาณวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม เด็กๆมารายงานว่า ตอนบ่ายจะขนเวทีมาลง...ตอนแรกไม่คิดอะไรแต่เริ่มสงสัย เพราะเจ้าดวงกมล หัวหน้าในการทำงานครั้งนี้ทำราวกับว่าจะเป็นงานใหญ่เหลือเกิน เอาแบบเวทีมาให้ดู...อยากเบิกโน่นเบิกนี่...เยอะแยะมากมายไปหมด...คำตอบทุกอย่างถูกเฉลยเมื่อเวทีขนาดใหญ่ (ราวกับเวทีคอนเสิร์ต...สูงประมาณ 3 เมตรไม่นับฉากหลัง) ถูกตั้งไว้หน้าคณะ เด่นเป็นสง่าพร้อมเสียงรายงานจากเด็กๆ.ว่าได้รับความอนุเคราะห์มาจากพ่อโบว์นายก อบต.ที่ตรอน....ช่างทุ่มเทอะไรขนาดนั้น (ขอขอบคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย)
ในสายตาของข้าพเจ้าเด็กๆดูทุ่มเทกับการทำงานครั้งนี้มาก.ถึงแม้ว่าคนช่วยงานจะมีน้อย มีบ้างไม่มีบ้าง สิ่งที่ครูอย่างข้าพเจ้าจะสนับสนุนได้ในตอนนั้นคือ เลี้ยงข้าว ให้คำปรึกษา และกำลังใจ...งานนี้เป็นไงเป็นกัน……
It’s time to Show and the Show must go on…
ในวันงาน เวทีของเรา เรียกได้ว่าเป็นสีสันของงานเฉลิมฉลองได้เลยทีเดียว การแสดงทุกอย่างที่เตรียมไว้ผ่านไปด้วยดี พร้อมๆกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของนักศึกษาและอาจารย์...รอยยิ้มบนสีหน้าแห่งความเหน็ดเหนื่อยของผู้ทำงาน สะท้อนให้ข้าพเจ้าได้เห็นในวันนั้นว่า...ความหวังของนิเทศฯที่จะมีกลุ่มเด็กที่มีความสามารถ ความสร้างสรรค์ เริ่มชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง...
ผลงาน......การเรียนรู้ร่วมกัน : เสียงสะท้อนจากคนทำงาน (จริงๆ)......... ที่ผ่านมา...เมื่องานผ่านไป...การเล่าขานประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอาจารย์กับนักศึกษามีน้อยมาก...แต่ประสบการณ์ในครั้งนี้พวกเรามิได้ปล่อยมันผ่านไป..
จากการเสวนาหลังจากเสร็จกิจกรรม ทุกคนซึ่งเป็นสมาชิกการสร้างสรรค์เวทีมารวมตัวกันในวิชาที่เรียนกับข้าพเจ้า รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสมาชิกในห้องเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อภาพเก็บตกจากผลงานของพวกเค้าได้ปรากฏอย่างต่อเนื่องบนผนัง พร้อมกับเสียงพูดคุยถึงประสบการณ์ต่างๆที่เริ่มดังขึ้น
“งานนี้เหนื่อยมากๆแต่ก็ภูมิใจมากๆครับ"
“ไม่ค่อยมีคนช่วยเลยอะจารย์...มีแต่คนสร้างภาพ”
“ได้รู้เลยว่า เพื่อนในห้องแต่ละคนเป็นไง”
ก่อนที่การสนทนาจะเริ่มออกนอกกรอบ ข้าพเจ้าชิงตั้งคำถามขึ้นว่า “ปัญหาที่ผ่านมา คือ อะไร”
จากคำถามแต่ละคนแย่งกันตอบสรุปได้ 2 ประเด็นคือ ปัญหาระหว่างการเตรียมงาน กับปัญหาช่วงการจัดงาน ถ้าจะเปรียบกับวิชาการผลิตรายการโทรทัศน์ก็คือ ปัญหาช่วง Pre-Production คือ ก่อนการถ่ายทำกับ Production เป็นระหว่างการถ่ายทำนั่นเอง (ข้าพเจ้าแอบแทรกทฤษฎีเข้าไปเล็กน้อยโดยไม่หวังว่าพวกเค้าจะจำได้)
ปัญหาและอุปสรรคช่วงการเตรียมงาน...นักศึกษาช่วยกันคิดสรุปได้ดังนี้
- การประสานงานระหว่างเพื่อน ในกลุ่มเกิดความไม่เข้าใจกัน
- แรงงานและความร่วมมือของเพื่อนมีน้อย
- สภาพอากาศเป็นปัญหา ฝนตก สีเหม็น ชื้น
- การตั้งเวทีมีปัญหา เนื่องจาก เวทีมีขนาดใหญ่ หนัก
- ความไม่เข้าใจของอาจารย์บางท่านที่ตกใจเมื่อเห็นเวทีของเรา
- เลือกแบบเวทีไม่ได้ ความต้องการของนักแสดงแต่ละกลุ่มต่างกันปัญหาอุปสรรคช่วงจัดงานก็มีอีกไม่น้อย สรุปได้ว่า
- ฝนตก สภาพอากาศไม่เป็นใจ
- รายการแสดงไม่พอทำให้คนทำเวทีต้องแสดงเองเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- รายการแสดงไม่แน่นอนเพราะนักแสดงมีการเปลี่ยนแปลงตลอด
- ผู้แสดง เช่น การนำเสนอสินค้า ยังไม่น่าสนใจ
- เครื่องเสียงและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มีปัญหาบ่อยมาก
- ขาดความรับผิดชอบเรื่องการเก็บเครื่องเสียงในวันแรก
จากปัญหาอุปสรรคต่างๆที่นักศึกษาช่วยกันแสดงความคิดเห็นนำมาสู่ คำถามต่อไปที่สำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือ การแก้ไขปัญหาในครั้งต่อไป...ข้าพเจ้าพูดเกริ่นนำว่า ในฐานะที่ห้องนี้ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการทำเวที และการจัดการแสดง อีกสองปีกว่าที่เหลือ งานนี้คงจะต้องอยู่ในความรับผิดชอบของเราเพราะเราคือ คนที่ยอดเยี่ยมที่สุด (คำนี้จากสีหน้าเหนื่อยหน่ายของนักศึกษาเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น)
“เราจะแก้ไขและทำให้มันดีขึ้นอย่างไร”
การเสนอความคิดเห็นเริ่มพร่างพรูออกมา ดูเหมือนจะมากกว่าคำถามที่แล้วซึ่งเราสามารถสรุปเป็นแนวทางในการวางแผนในครั้งต่อไป ทุกคนมีความเห็นในทางเดียวกันว่า “เราต้องวางแผนและแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนกว่านี้” ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานร่วมกันในครั้งนี้ พวกเราได้สรุปหน้าที่และความสามารถของแต่ละคนที่เหมาะสมได้เป็นฝ่ายต่างๆคือ
- หน้าที่สำคัญในการ ขนย้าย ติดตั้ง แบกหามอุปกรณ์ทำเวที (ต้องเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ชาย มีแกนนำ คือ เมศ อาร์ท กอล์ฟ บัง แน๊ต นุ เอฟ เด่น แชมป์ เดียว อาร์ม แต๋ม กอล์ฟสัจจะ ป๊อบ)
- ฝ่ายออกแบบและจัดหาอุปกรณ์ (พวกสร้างสรรค์มีเครือข่ายรอบด้าน ได้แก่ มล จิ๋ว บอย โบว์ ต้น เมย์ อั้ม จิ๊บ อาร์ท ทราย)
- ฝ่ายแสดง (ชอบแสดงออกได้ทุกบทบาท นั่นคือ กัณฑ์ ต้น เจ๋ง เมย์ เปีย เมศ บุ้ง จิ๊บ)
- ฝ่ายประสานงาน (คอยประสานงานกับอาจารย์และเพื่อนๆ ควรเป็น ปู บอย จิ๋ว มล นก)
- ฝ่ายเทคนิค (เรียนรู้และชื่นชอบอุปกรณ์ราคาแพงที่สำคัญมีความรับผิดชอบ ได้แก่ อาร์ท เมศ แน็ต เด่น)
- ฝ่ายกองหนุนหรือสวัสดิการ (เป็นผู้ให้การสนับสนุนโดยนำทรัพยากรทางบ้านมาช่วยเหลือ ได้แก่ แซน นก ปู บอย กัณฑ์ เมย์ เมศ เอมอร นุ้ย ออย อ้อม)
- ฝ่ายเด็บผ้า (กลุ่มนี้ค้นพบดาวรุ่งใหม่ที่มีฝีมือ ใช้ได้ทุกงาน คือ จิ๋ว เปรี้ยว เอมอร กัณฑ์ อั้ม นุ้ย)
จากการสรุปการแบ่งหน้าที่ในครั้งต่อไป ข้าพเจ้าสังเกตสีหน้าของเด็กๆบางคนที่ออกจะภูมิใจเมื่อได้ถูกเพื่อนๆเสนอชื่อขึ้นมา ข้าพเจ้ามั่นใจว่าในสถานการณ์เรียนรู้ร่วมกันในครั้งนี้ สร้างความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมได้มากขึ้นกับสมาชิกที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการทำกิจกรรม และสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจให้กับบางคนว่าในวันนั้นว่าความสามารถของเขาได้เป็นที่ยอมรับในสายตาของเพื่อนๆ..
ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการทำงานร่วมกันครั้งต่อไป
คำถามสุดท้าย...คำตอบกินใจ คือ “สิ่งที่ได้.จากการทำงาน”
แทบไม่น่าเชื่อ คำตอบของสมาชิกทั้งหมดไม่มีใครบอกถึงคะแนนที่ได้รับเลย คำตอบที่ได้มีความหลากหลายที่แฝงไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ และประสบการณ์ ดังนี้ กลุ่มได้ประสบการณ์…..
- รู้วิธีการทำเวที
- ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
- ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ
- รู้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- เรียนรู้การทำงานเป็นทีม
- รู้จักเพื่อนมากขึ้น
- รู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
- นำทฤษฎีมาปรับใช้จริง
- รู้ความสามารถของเพื่อน
- เรียนรู้ปัญหาว่าเกิดได้ตลอด
กลุ่มได้ความรู้สึก..........
ได้ใจ ความเหนื่อยคือความภูมิใจของคนส่วนใหญ่
น้ำตา ความหมายของ “ความจริงใจ”
ความผูกพันระหว่างเพื่อน
สามัคคี คือพลัง ความร่วมมือและการมีส่วนร่วม
นิสัย จริงใจ งานหนัก มาด้วยกัน
มีความสุขบนความเหนื่อย คำว่า “เหนื่อย”เป็นอย่างไร
บทสรุป.....ของประสบการณ์ที่มากกว่าคะแนน...
จากการทำกิจกรรมครั้งนี้ ถ้าข้าพเจ้าเอาเกณฑ์การประเมินผลในวิชาการเขียนบทวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มาพิจารณาเพื่อให้คะแนน คงไม่มีใครผ่านเกณฑ์การประเมินเพราะกิจกรรมไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาที่เรียนโดยตรง
หากประเมินในด้านของความรู้ความสามารถ นักศึกษากลุ่มนี้ไม่ได้ใช้ความรู้ในการสร้างสรรค์ เวที กิจกรรมการแสดงต่างๆ การควบคุมเครื่องเสียง หรือแม้แต่การบริหารจัดการเวทีการแสดง ที่ได้รับการร่ำเรียน สั่งสอน ถ่ายทอดจากอาจารย์ผู้สอนในห้องเรียนแต่อย่างใด อาจจะเรียกได้ว่าความรู้ในการทำงานครั้งนี้ไม่ใช่ความรู้เชิงทฤษฎี (Explicit Knowledge) เพราะอาจารย์ยังไม่เคยสอนวิธีการต่างๆดังที่ได้กล่าวมาถึงแม้จะมีบรรจุอยู่ในรายวิชาทางด้านนิเทศศาสตร์ก็ตาม
ดังนั้นการทำงานในครั้งนี้จึงเกิดขึ้นจากการนำประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนรู้ในกิจกรรมต่างๆตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนกระทั่งมาสู่ชั้นปีที่ 1 เป็นความรู้ที่สะสมได้จากการปฏิบัติ นำมาลองผิดลองถูก กลายเป็นผลงานในครั้งนี้ จนอาจกล่าวได้ว่า หากเราต้องการสาระแห่งความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม กระบวนการ ขั้นตอนการปฏิบัติ ปัญหาอุปสรรคและสิ่งที่ได้รับ ล้วนแล้วแต่เป็น...ความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) ผ่านการเล่าเรื่องราวร่วมกัน (Story Telling) ของนักศึกษาและอาจารย์ทีมีประสบการณ์การปฏิบัติร่วมกันแทบทั้งสิ้น ทำให้มองเห็นว่า ความสำเร็จของการทำงานไม่ได้อาศัยแต่ความรู้เชิงทฤษฎีที่ได้รับจากการเรียนการสอนในห้องเรียนเสมอไป อาจารย์และนักศึกษาต้องเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกันนอกห้องเรียนเพื่อค้นหาแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในชีวิตจริง
“ความอิ่มใจ” “ภูมิใจ” ส่งผลให้เกิด “กำลังใจ” น่าจะเป็นคำตอบของข้าพเจ้าในคำถามที่ว่า “เราได้อะไร..จากงานนี้” และเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้ต่อไปว่า ความรู้ และประสบการณ์นอกห้องเรียนเป็นสิ่งที่คนในฐานะที่เป็นอาจารย์ต้องใส่ใจ จริงใจ ที่จะสร้างประสบการณ์ให้นักศึกษา เพราะจากกิจกรรมดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นในระดับหนึ่งแล้วว่าความรู้เชิงทฤษฎีในห้องเรียนไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายของ “คุณภาพบัณฑิตที่สมบูรณ์” ขอบคุณผู้ร่วมเล่าเรื่องและกลั่นกรองความรู้ : นักศึกษาวิชาเอกนิเทศศาสตร์ สาขา วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ชั้นปีที่ 2 รหัส 48 *หมายเหตุ- นักศึกษา BC ได้แก่ นักศึกษาวิชาเอกนิเทศศาสตร์ สาขา วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (Broadcasting Program :BC)- นักศึกษา ADPR ได้แก่ นักศึกษาวิชาเอกนิเทศศาสตร์ สาขา การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ (Advertising and Public Relation Program :ADPR)