เที่ยวญี่ปุ่นเกาะใต้ในฤดูใบไม้ร่วง ๑ (ฟุกุโอกะ-ปราสาทคุมาโมโต้)

สวัสดีค่ะทุกท่าน กลับมาอีกแล้วค่ะ หลังจากที่ทริปญี่ปุ่นของเราจำเป็นต้องเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนด (เนื่องจากญี่ปุ่นประสบอุบัติภัยสึนามิ ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของกัมมันตรังสี ดังที่เป็นข่าวค่ะ)

จากสถานการณ์ดังกล่าว แม้ในขณะที่ลำบากที่สุด แต่เราก็ยังเห็นและรับรู้ได้ถึงความมีวินัย มีสติในการรับมือกับภัยธรรมชาติของชาวญี่ปุ่น และความเสียสละของ ๕๐ฮีโร่ ที่สละชีวิตเพื่อส่วนรวม หนึ่งขอชื่นชมชาวญี่ปุ่นมากๆค่ะ นอกจากผู้นำเก่งแล้วอาจด้วยเหตุนี้ทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวได้เร็ว

ทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ เราไปกับบริษัท T-MAN และ GO&GOALทัวร์ค่ะ

เมื่อใกล้ถึงกำหนดเดินทางอีกครั้ง (๓-๘ พ.ย.๕๔) ก็เกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยขึ้นที่เมืองหลวงของประเทศไทย ทำให้หนึ่งและสามเองก็ลุ้นว่า สุวรรณภูมิจะท่วมหรือไม่ หากท่วมจริงๆ แสดงว่า ประเทศญี่ปุ่นกับเราดวงคงไม่สมพงษ์กันแน่ๆ 555 (ว่าไปนั่น)

และแล้วในที่สุดวันนี้หนึ่งและสามก็มีโอกาสพาทุกท่านบินลัดฟ้าโดยเอื้องหลวง ไปสู่เมืองฟุกุโอกะ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นค่ะ ใช้เวลาบินประมาณ ๕ ชั่วโมงครึ่ง เรามาเข้าคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ชอบมากๆ ที่อื่นเค้าก็จะให้เรามองกล้อง และตรวจพาสปอร์ต แต่ที่ญี่ปุ่นเค้าให้เราสแกนนิ้วด้วยค่ะ และที่สำคัญที่หน้าจอขั้นตอนการปฏิบัตินั้น มีภาษาไทยบอกไว้ด้วย น่ารักมากๆ (ไม่แน่ใจว่าเพราะมีคนไทยมาเที่ยวญี่ปุ่นเยอะ หรือเพราะว่าเค้าเตรียมเพื่อต้อนรับทริปจากเมืองไทย หรือเพราะเป็นเที่ยวบินจากสายการบินไทย หรือเพราะอะไร แหะๆ แต่ประทับใจค่ะ)

เนื่องจากกรุ๊ปเราเป็นกรุ๊ปใหญ่ (ประมาณ ๑๐๐ กว่าคน) จึงมีการจัดแบ่งนั่งรถบัสสามคันค่ะ หนึ่งและสามได้นั่งบัส๒ ระหว่างทางมองไปทางไหนดูแล้วบ้านเมืองเค้าสะอาดมากๆ และเป็นระเบียบแม้แต่ทุ่งนาก็ยังเป็นระเบียบเลยค่ะ^^

เมืองฟุกุโอกะ เป็นเมืองท่าที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น (ค.ศ.๑๘๘๗) อยู่บนเกาะคิวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่นค่ะ

ถังขยะที่นี่มีเยอะมากค่ะ และชาวญี่ปุ่นทุกคนก่อนจะทิ้งขยะเค้าต้องเลือกทิ้งให้ถูกถังด้วย หนึ่งกับสามกว่าจะทิ้งขยะได้ ก็ต้องยืนเล็งดีๆตั้งนานแน่ะค่ะ อิอิ (กลัวทิ้งไม่ถูกถังจะอายเด็กๆเค้า)

บริเวณที่เข้าห้องน้ำซุปเปอร์ไฮเวย์ มีร้านขายของมากมายเลยค่ะ

นั่งรถจากสนามบินฟุกุโอกะเข้ามาในเมืองใช้เวลาพอควร จึงแวะให้เข้าห้องน้ำกันระหว่างทางที่นี่ค่ะ (ถ้าเป็นบ้านเราก็จะเป็นการแวะปั๊ม ประมาณนั้นค่ะ)

ขอแอ๊คแข่งกะเสาข้างๆค่ะ 555

ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เราทานมื้อแรกของการมาเยือนญี่ปุ่นค่ะ เป็น "โทปันยากิ เซท"

เป็นอาหารประเภทปรุงและจัดแต่งลงในภาชนะเซรามิค ประกอบไปด้วย หมูสไลด์ ถั่วงอก ปลาชุบแป้งทอดปรุงด้วยเกลือและพริกไทย เสริฟพร้อมเครื่องเคียง สลัด กิมจิ ซุปมิโสะ และข้าวญี่ปุ่น (ขอสารภาพว่ามื้อนี้ไม่อิ่ม แต่เมนูไข่ตุ๋นและเทมปุระ อร่อยมากกกกกกกกก อิอิ)

บริเวณหน้าร้านค่ะ

เราไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีพอดี ถึงแม้จะไม่มีซากุระบานให้เห็น แต่ก็สวยและโรแมนติกไปอีกแบบนะคะ

พักเที่ยงแป๊บนึงค่ะ เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ ^^

บริเวณหน้าทางเข้าปราสาทคุมาโมโต้

หลังจากอิ่มมื้อเที่ยงกันแล้ว แห่งแรกที่เราไปคือ "ปราสาทคุมาโมโต้" ค่ะ

ปราสาทคุมาโมโต้ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิค มีอายุกว่า ๔๒๐ ปี อยู่บนภูเขากลางเมือง มีคนขนานนามว่าเป็นประสาท(อีกา)ดำ 

เจอซามูไรตรงทางเข้าปราสาทค่ะ ^^ (ถ่ายรูปเสร็จปุ๊บ คุณซามูไรก็บอกว่า "ขอบคุณครับ" น่ารักมากๆๆค่ะ ซามูไรพูดไทยได้ด้วย)

ใกล้ถึงแล้วค่ะ

ข้างหลังคือรูปปั้นของ ขุนพลคิโยมาสะ คะโตะ ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างปราสาทคุมาโมโต้ขึ้นในปี ค.ศ.๑๖๐๗ ค่ะ

และปราสาทคุมาดมโต้เคยถูกไฟไหม้ไปเมื่อปีค.ศ.๑๘๗๗ ได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.๑๙๖๐ รูปข้างบนเป็นป้ายชื่อของผู้บริจาคเงินบูรณะปราสาทคุมาโมโต้ค่ะ

เมื่อออกมาจากตัวปราสาท หนึ่งและสามเห็นมีซุ้มเล็กๆข้างๆปราสาทเลยลองเดินเข้าไปดูค่ะ ที่เห็นเหมือนในการณ์ตูนญี่ปุ่นมีวงล้อให้หมุนๆเสี่ยงโชค และป้ายที่เขียนบอกไว้มีแต่ภาษาญี่ปุ่นค่ะ  น้องๆชุดกิโมโน๒คนนี้ก็พูดภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น เกือบจะเดินออกมาแล้ว แต่เหลือบไปเห็นคำว่า FREE ตรงโต๊ะค่ะ อิอิ ทีนี้ก็ไม่ว่าจะเป็นอะไรเราก็สามารถเล่นได้ 555 หนึ่งหมุนคนแรกค่ะ ที่เห็นในภาพคือ ได้ลูกกลมๆสีฟ้า

น้องๆ๒คนนี้เค้าดีใจกันใหญ่ค่ะ แล้วบอกว่า lucky โอ๊ะโอว..ดีจังๆๆๆ แล้วเค้าก็หยิบขนมส่งให้หนึ่งห่อนึง คนต่อไปคือสาม สามหมุนวงล้อ ลูกกลมๆที่ออกมาเป็นสีขาว เค้าบอกว่าไม่ได้อะไรค่ะ อิอิ เลยมาแบ่งขนมโชคดีกินกันคนละครึ่ง

กะนักเรียนญี่ปุ่น

ไกด์เล่าว่าคนญี่ปุ่นเวลาจะดูว่าอายุเท่าไหร่นี่ เค้าดูกันที่ท่าการถ่ายรูปค่ะ เวลาถ่ายรูปไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนก็จะชู๒นิ้วอย่างที่เห็นในรูป ถ้าอายุน้อยๆ นิ้วที่ชูก็จะเหยียดตึง และจะงุ้มงอลงเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้นค่ะ 555 เพราะฉะนั้นเวลาถ่ายรูปชู๒นิ้วให้นิ้วตึงเข้าไว้ เค้าก็จะรู้ว่าเรายังละอ่อน 555

 

ก่อนออกจากปราสาทคุมาโมโต้ ขอปิดท้ายด้วยภาพหมู่ บัส๒ ค่ะ ^^

และเราก็ออกเดินทางกันต่อมุ่งสู่ภูเขาไฟอะโสะค่ะ บันทึกนี้ชักจะยาวไปแล้ว หนึ่งขอเล่าต่อในบันทึกหน้านะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้กำลังใจค่ะ ^^

[ขจิต ฝอยทอง]

• เผลอหน่อยเดียว
• ไปญี่ปุ่นแล้ว
• ไวจัง
• ขำมื้อแรกกินไม่อิ่ม 555
• แต่ฮามากเมื่อซามูไรพูดไทยได้

[สุวิญญา]

สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต

อิอิ เผลอไม่ได้ค่ะ 555

ไม่อิ่มจริงๆค่ะ เค้ามีมาอย่าละนิดอย่างละหน่อยเองค่ะ แถมบางอย่างไม่ค่อยคุ้นด้วย แต่มื้อหลังๆนี่จัดเต็มค่ะ

[แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช]

ส้วมญี่ปุ่นสะอาดดีไหม น้องหนึ่ง

[โสภณ เปียสนิท]

ชอบปฏิวัติเขียวด้วยฟางเส้นเดียว

[สุวิญญา]

สวัสดีค่ะพี่แก้ว

ส้วมญี่ปุ่นที่หนึ่งเจอส่วนใหญ่จะสะอาดดีค่ะ ต่างกับเมืองจีนอย่างรุนแรง 555

แต่เค้าจะมี ๒ แบบ แบบชักโครกไฮโซ ที่มีปุ่มน้ำร้อน น้ำเย็น มีเสียงกลบเสียงฉี่ และมีพัดลมเป่าให้แห้ง กับแบบส้วมหลุม (อันนี้จะลำบากสำหรับผู้สูงอายุที่ข้อเข่าไม่ค่อยดีค่ะ แหะๆ)

แต่หนึ่งชอบตรงที่ห้องน้ำหญิงเค้ามีโซนสำหรับแต่งตัว แต่งหน้า แยกออกมาจากอ่างล้างมือด้วยค่ะ แถมมีกระจกบานใหญ่บานเล็กให้ส่องอีกด้วย อิอิ

[สุวิญญา]

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์โสภณ

แหะๆ ตอนแรกอ่านคอมเม้นอาจารย์ หนึ่งงงๆไปเลยค่ะ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าอาจารย์หมายถึงหนังสือที่ มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ เกษตรกรชาวญี่ปุ่นที่ชวนคนอ่านให้ปฏิวัติทัศนคติต่อการเกษตรกรรมกระแสหลักที่เป็นอยู่

แม้มนุษย์จะหาหนทางในการเอาชนะธรรมชาติได้มากขึ้นเพียงใด ธรรมชาติก็ยังแสดงให้เห็นว่า ความเข้าใจที่มนุษย์มีนั้น ยังห่างไกลกับความจริงทั้งหมดของธรรมชาติอีกมาก ดังนั้น การที่มนุษย์ไม่มีทางเข้าถึงธรรมชาติได้โดยสมบูรณ์ จึงทำให้ไม่สามารถพยากรณ์หรือควบคุมธรรมชาติผ่านนวัตกรรมต่างๆ ที่คิดค้นขึ้นได้อย่างเบ็ดเส็ด  ฟูกูโอกะจึงมองว่า บทบาทของเกษตรกรควรเป็นเพียง “ผู้สังเกต” กฎเกณฑ์ของธรรมชาติมากกว่าที่จะเข้าไปแทรกแซงธรรมชาติให้เป็นไปดั่งใจต้องการ โดยเสนอทางออกให้กับเกษตรกรด้วยวิธีการ “เกษตรกรรมแบบไม่กระทำ”

ขอบคุณค่ะ ^^