กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใด...กรุงรัตนโกสินทร์ก็ย่อมหาคนดีได้ฉันนั้น ^^
สิ้นคำตอบของน้องคนขาย ที่ย่ำยีหัวใจน้อยๆ ของเรา น้องก็บอกทางสว่างให้แก่เราว่า พี่ควรไปหาในที่ที่คนกรุงเทพฯ ไม่คุ้นเคยสิคะ...คนกรุงเทพฯ ถนัดเดินเซเว่น เดินห้าง และพวกโลตัสทั้งหลายแหล่ โดยเฉพาะที่ใกล้ๆ ที่พัก...พี่ลองไปที่ที่เค้าไม่ค่อยไป เช่น บิ๊กซีที่ไม่ติดโรงแรม และร้านเซเว่นตามปั้มน้ำมัน น่าจะยังเหลืออยู่...
ป๊ามี้คีนเลยพากันออกไปตามคำแนะนำ...โอวววว ได้ผลจริงแฮะ เราได้ของที่เราต้องการที่ปั้มน้ำมัน และบิ๊กซี สองแห่ง
เชื่อไหมครับว่า สถานการณ์ที่เล่ามา ช่างคงเส้นคงวาตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ที่เราอยู่ในพัทยา...
วันนี้จึงถือเป็นการเปิดเผยเคล็ดลับสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก...แต่ เอ มันเป็นเคล็ดลับหรือเปล่าหว่า หรือคนอื่นเค้าก็รู้กันหมด ยกเว้น ป๊าป้า...
สิบสี่วันในราวินทรา...เป็นช่วงที่ครอบครัววรธนารัตน์ มีอาการและอาการแสดงของภาวะซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด (อย่างน้อยก็เป็น Dysthymia แน่ๆ...ป๊ามั่นใจ...)
เคยไหมครับ ที่นอกจากคิดถึงบ้านแล้ว ยังมีอาการหดหู่ กินอาหารอะไรก็ไม่หร่อย หาที่เที่ยวเป็นการปลอบขวัญตนเองและครอบครัว แต่พอไปเสร็จแล้วก็กลับมามีอาการเช่นเดิม...
เคยไหมครับ ที่ถามตนเอง และกันและกัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เมื่อไหร่เราจะตัดสินใจกรุงเทพฯเราอพยพมาแบบนี้ถือว่ามากไปไหม จะกลับไปทำงานได้เมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะสามารถวางแผน และติดต่อเรื่องการซ่อมแซมบ้านได้ ระหว่างนั้นจะไปอยู่ที่ไหนดี และที่ที่เราจะย้ายไปพำนักนั้นควรจะเป็นที่ไหน จะปลอดน้ำท่วมหรือเปล่า หรือเราย้ายไปแล้วจะติดกับดักของสื่อรัฐอีกครั้ง...
คำถามแล้ว คำถามเล่า ที่เราเฝ้าถามซึ่งกันและกัน แต่สุดท้ายดันมีคำตอบสุดท้ายเหมือนกันหมดว่า "ไม่รู้เหมือนกัน" หรือ "ไม่แน่ใจ"
ประสบการณ์นี้สอนให้รู้ว่า นายกฯ ปูครับ ความสามารถของคุณ ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมาก ทำให้ครอบครัวของเราได้ซาบซึ้งกับการขาดข้อมูลในการดำรงชีพ รู้รสของความไม่แน่นอนของชีวิต และสะอื้นกับช่วงเวลาที่ชีวิตขาดเป้าหมายอย่างสิ้นเชิง...
ไม่มีความเห็น