นานมากแล้วที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้มาเล่าอะไรเด็ดๆอย่างนี้ให้เพื่อนฟังเพราะเมื่อพอจับงานวิชาการตลอดทั้งปีกว่าที่ผ่านมา... ก็เหมือนตกนรกยังไงยังงั้น
...วันนี้ ขอขึ้นสวรรค์สัก 10-20 นาที เถอะนะ
เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อวานนี้ตอนเย็นเป็นวันที่แม่ตัวเล็ก “ยายกีตาร์” เธอต้องเรียนพิเศษ ระหว่างรอเธอกลับบ้านผู้เขียนเลยมีโอกาสจัดการภารกิจที่ค้างคา ที่สุมๆรวมกันไว้หลายอย่าง ก็มี... เบิกยาหยอดตาให้คุณยาย เบิกยาหวัดให้คุณตาและคุณสามี โอนเงินให้ลูกชาย จ่ายค่าน้ำ จ่ายบัตรเครดิต แล้วก็ซื้อของให้ลูกสาวใหญ่แถมด้วยของใช้ในบ้านอีกบาน
ทุกอย่างก็อีรุงตุงนังอยู่ท้ายรถ...
พอแม่ตัวเล็กเรียนเสร็จก็รับกลับบ้านโดยแวะทานมื้อค่ำกันริมทาง... ที่ “ร้าน น...นม” ที่เด็กๆเค้ารู้จักกันดี อย่าตกใจว่าทำไมไปกินข้าวร้านนม เพราะร้านนี้พ่อขายข้าวตามสั่ง ลูกเรียนซะสูงแต่มาชงนมขาย...แสนอร่อยทั้งข้าว ทั้งนม
ก่อนกลับก็สั่งขนมปังปิ้งทาเนย ราดนม โรยน้ำตาล... ไปฝากคุณตาซึ่งมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน(นิดๆ) ที่คุมได้ดี (ด้วยตัวคุณตาเอง... ซึ่งต้องใช้กำลังภายในต่อสู้กับลูกและภรรยาที่มักหาของโปรดที่ออกหวานไปฝากเสมอ เช่นคราวนี้)... ซื้อ 2 ถุง
ด้วยความที่ป๊าไม่สบายเธอจึงออกซึมๆ... แถมอีเมียก็ไม่ยอมขับรถให้นั่ง เพราะติดสบายเป็นคุณนายนั่งด้านหลังเสมอ
พอป๊าขึ้นประจำที่คนขับ ลูกสาวเล็กก็นั่งที่ประจำของเธอคือด้านหน้าข้างคนขับ... มารดาก็เอาขนมปังเก็บที่กระโปรงท้าย
ด้วยความที่ข้าวของท้ายรถมีมาก เลยจัดวางไม่ได้ถูกใจสักที... แค่ ขนมปัง 2 ถุง ก็ไอ้ขนมปังปิ้งร้อนๆ กรอบๆรึเราก็ไม่กล้าผูกปากถุง กลัวไม่กรอบ
วางตรงไหนดีหว่า? ขนมปังถึงไม่แบน... มุมนี้? ซอกโน้น? บนนั้น?
เปิดปากถุงนี่แหละจะได้กรอบ อร่อย...
เอ... หรือเราจะผูกปากถุงเพราะเดี๋ยวมันจะคว่ำลงมา เอ้า...ผูก 2 ถุง
เอ... หรือจะไม่ผูก เดี่ยวมันไม่กรอบ คุณตาจะทานไม่อร่อย เอ้า...แก้ออก 2 ถุง
เอ... เดี๋ยวถ้าเกิดเธอขับซิ่งมันคว่ำเลอะรถล่ะ โดนด่าอีก...(กูจะซวย...) เอ้า ผูก...
ฮื้อ!... เดี๋ยวไม่อร่อย.... เอ้าแก้...
คิดและทำได้แค่นั้น...
คราวนี้แหละ... ก็เห็นถุงขนมปังปิ้งกำลังห่างมือไปเรื่อยๆ ช้าๆ เงยหน้าขึ้นเห็นรถเริ่มขยับตัวออกทั้งๆฝากระโปรงหลังยังเปิด ผู้เขียนออกงงๆ เลยรีบปิดกระโปรงรถ แล้วยืนท้าวเอวพูดกับตัวเองว่า
“อ้าว!... เฮ้ย... อะไรกันวะ?”
รถขยับออกไปไกลสัก 3-4 ก้าว มองเห็นลูกสาวหันหน้าไปคุยกับป๊า ให้เดา... เธอคงได้ยินเสียงปิดกระโปรงหลังและคงพูดว่า “แม่ยังไม่ได้ขึ้นรถ”...
ป๊าจอดรถ
แม่ขึ้นรถ มีเสียงแหบๆของคนเป็นหวัดถามน้ำเสียงเรียบๆว่า
“มัวทำอะไรอยู่”
ผู้เป็นแม่ก็ตอบเรียบๆว่า
“เก็บขนมปังอยู่...กลัวมันคว่ำ” ...แค่นั้นแล้วรถก็ออกตัวเพื่อเอาขนมปังไปฝากคุณตาคุณยาย
ขากลับจากบ้านคุณตาคุณยาย ต่างคนต่างขึ้นประจำที่นั่ง โดยมีผู้เป็นแม่พูดว่า
“ต้า เร็ว...ต้องรีบขึ้นรถ เดี๋ยวรถออกก่อน...”
เสียงคนขับกล่าวอธิบายเหตุผลง่ายๆว่า
“ไอ้เราก็เคย เห็นลูกนั่งหน้าแล้วก็ออกรถ...”
ผู้เขียนก็เลยพูดให้เธอสบายใจว่า
“อืมมม... ก็งี้แหละ อยู่กันมานาน เวลาที่ให้กันก็น้อยลงเป็นธรรมดา มันเป็นสัจธรรมน่ะ...”
“โดยเฉพาะเวลาขึ้นรถ...เหลือให้กันไม่กี่นาที...”
ฮาๆๆๆ.... ฮู้.... ขำ (ว่ะ)
- พี่ติ๋ว คือ wonder women ของครอบครัวเลยนะครับ
- ลูกเรียนซะสูงแต่มาชงนมขาย (ผมก็เคยคิดเป็นอย่างนั้นครับ)
- ฮา มุขขนมปัง
- ฝากฮา...ป๊าด้วยครับ
- น่ารักครับ
ขอให้พี่ติ๋วและครอบครัวมีความสุขมาก ๆ นะครับ
ฮาก๊ากกกกกกกกก
ขำ (ว่ะ)
ขำ เนี่ย ดีนะคะ...คลี่คลายได้หลายอย่าง
(ว่ะ) เนี่ย...ดีอีกเหมือนกัน
บ่งบอกถึง ปลงซะเถอะ....โยม
ปลง..จนได้เรื่องดี ๆ เผื่อแผ่ให้คนอื่น
ขอบคุณนะคะ
อ.ทิม ว่าพี่ติ๋วเป็น wonder women
ฮาๆๆ...
พี่ติ๋วเป็น wonder old women ต่างหาก...ฮาๆๆ
ขอบคุณสำหรับพรค่ะ
อรุณสวัสดิ์จ้า พ่อหมูอ้วนเพื่อนรัก
แม่แมงมุม เพื่อนรัก
พ่อหมูอ้วน เพื่อนรัก
อ่านแล้วหิวข้าว
เรียน ท่านอ.JJ ค่ะ
(ฮาๆๆ...) ^_^
ร้านอาหารอร่อยเหมาะกับอาจารย์ค่ะ
อาจารย์สบายดีนะคะ
สวัสดีตอนเช้า จ้า แม่แมงมุม
สวัสดียามดึกจ้า...พ่อหมูอ้วน เพื่อนรัก
ปล. แล้วแวะมารายงานตัวด้วยล่ะ ว่าเช้านี้อวัยวะของพ่อยังอยู่ครบมั้ย... โชคดีนะเพื่อนรัก บรื้ออออ..