หลังที่น้ำท่วมผ่านพ้นไป น่าจะเป็นช่วงสบายๆกับอากาศหนาว แต่ปรากฏว่าบางพื้นที่หนาวจัดจนต้องประกาศเป็นเขตุประสบภัยหนาว แต่บางพื้นที่เช่นที่ ปากท่า พระนครศรีอยุธยาที่ผู้เขียนอยู่นี้ ค่อนข้างร้อน แม้ว่าตอนเช้าตรู่อากาศจะเย็นสบาย พอสาย บ่ายคล้อยละก็ร้อนเหงื่อหยดได้เลยล่ะค่ะ แถมสองสามวันก่อนมีฝนโปรยลงมาพอถนนเปียก และมีเสียงฟ้าคำรามแต่ไกลอีกหลายวันต่อมา
วันนี้ร้อน ฟ้าโปร่ง แสงอาทิตย์เจิดจ้า ขอนำเรื่องและภาพที่ดูแล้วชื่นตา อิ่มใจมาฝาก ช่วงนี้ไม่มีอะไรจะงามไปกว่าการเห็นทุ่งนาสีเขียวขจีดุจผืนกำมะหยี่ผืนใหญ่ ฟื้นคืนชีวิตหลังน้ำท่วมผ่านไปไม่นาน
เมื่อน้ำที่หลากมาไปหมด ท้องทุ่งก็มีชีวิตสีเขียวขจีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่นำมาเล่า นำภาพมาฝาก เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้เขียน เพิ่งได้พบเป็นครั้งแรก คือ การทำนากล้า พูดง่ายๆก็คือ การเพาะต้นกล้าข้าวปริมาณมากจนเป็นผืนนา เพื่อนำไปทำ นาดำ นั่นเอง
ที่มาก็คือ คนข้างกายผู้เขียนออกปากวานให้หาข้อมูลว่าที่ใดมีการเพาะต้นกล้าข้าวบ้าง เขาต้องการนำไปปลูกที่ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ ศูนย์ ๔ ที่กำลังสร้างอยู่ใกล้บ้าน อยู่ที่ ตำบลบ้านชุ้ง อำเภอนครหลวง ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเขาได้ออกแบบให้เป็นนาข้าวล้อมรอบเจดีย์
โจทย์เช่นนี้ นึกถึงคุณ ต้นกล้า ขึ้นมาทันใดเลยค่ะ
นี่หมายถึง G2K ได้เป็นสะพานบุญอีกครั้ง ผู้เขียนรีบโทรศัพท์คุณ ต้นกล้า และสมปรารถนา ได้แหล่งที่จะไปซื้อต้นกล้า ยิ่งดีใจที่ทราบว่าไม่ต้องไปไกล อยู่ที่ อำเภอเสนา นี่เอง
หลังจากโทรศัพท์ประสานงานกับแหล่งผลิตต้นกล้า แจ้งว่าต้องการต้นกล้าในปริมาณที่จะพอต่อการไปดำนาขนาด ๓ ไร่ผู้เขียนติดตามคณะที่จะไปขนต้นกล้า
เป็นสิ่งที่ชุ่มชื่นใจที่ได้เห็นอย่างยิ่งค่ะ เมื่อเข้าไปถึงพื้นที่ เห็นผืนนาที่เขียวขจี แต่เมื่อดูใกล้ๆจะเห็นว่า สิ่งที่เขากำลังทำคือ ผลิตต้นกล้า ในกระบะ ฟูมฟักในโคลนตมท้องนา เมื่อได้ขนาดต้นตามต้องการก็ยกกระบะขึ้น ลอก ม้วนเป็นแผ่นๆเหมือนม้วนพรม
เห็นรากฝอยมากมายของต้นกล้าที่ยึดโยงเกาะกันเป็นแผ่น
วัสดุที่ใช้เพาะต้นกล้าก็คือ ขี้เถ้าแกลบ ซึ่งต้องไปซื้อจากโรงสีข้าว ที่เขาเอาแกลบหรือเปลือกข้าวที่แยกเอาเมล็ดข้าวออกไปแล้ว แกลบนี้เขาจะนำไปเผาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดพลังงานไปใช้ในการเดินเครื่องจักรสีข้าว ไม่มีอะไรเหลือทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
ที่นี่เขาทำนาต้นกล้าอย่างเดียว และ รับจ้างดำนาโดยใช้รถดำนา ประหยัดแรงงาน ไม่เหนื่อยมากแต่ได้ผลงานคือ นาดำ ที่คุณต้นกล้าส่งเสริมให้ชาวนาไทยหันมาทำนาดำ เพราะได้ผลดีหลายประการ
อยากเห็นรถดำนา และ การทำนาดำอย่างเกษตรกรหนุ่มยุคใหม่ ตามไปอ่านได้ที่บล็อกของคุณ ต้นกล้า ค่ะ
เมื่อได้ต้นกล้ามาแล้ว ก็นำมาดำรอบเจดีย์ที่เตรียมพื้นที่ไว้แล้ว คนที่มาช่วยดำนา คือ ลุงสุขและป้าพิณ อยู่แถวบ้านผู้เขียนเองค่ะ
ภาพบนคือเริ่มลงมือดำ ภาพล่างหลังจากวันที่ดำเสร็จได้ราวสัปดาห์กว่าๆค่ะ
ต้นกล้างอกงามดี มีอนาคต
อีกไม่นานคงเขียวชุ่มตา เต็มตากว่านี้ ให้ชื่นใจ เป็นแปลงนาดำในสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ที่ล้อมรอบด้วยแปลงนาหว่านอันไพศาล
โอโหพี่นุชสวยมากเลยครับ ทำนาด้วย รอดูตอนข้าวโตครับ
กลับจากที่ทำงานเหนื่อยๆ (ใจ)
มาเห็นท้องทุ่ง ต้นกล้าเขียวขจี แล้วรู้สึกชุ่มใจดีจังคะ
รบกวนถาม
เจดีย์สีขาวนั้นบรรจุธาตุ หรือ พระธาตุจากที่ใดคะ
อนุโมทนาบุญ ด้วยนะค่ะ ความเขียวของท้องทุ่ง ทำให้เจดียืสีขาว โดดเด่นสวยงามมากยิ่งขึ้นค่ะ
สวยสดชื่นมาก ๆ นะคะอาจารย์
อันนี้...บุญคุณ น้องน้ำ
อีกไม่นานก็ได้เกี่ยวข้าวแล้วซิคะ
พฤหัสฯอรุณสวัสดีค่ะพี่นุชสวาทบาดใจ :)
ภาพท้องทุ่งสีเขียวขจี มองเห็นพระธาตุสวยงาม แปลกตา น่าทัศนายิ่งนักค่ะพี่นุช
เป็นนาข้าว นาธรรม ที่เชื่อมสายใยสะพานบุญ น่าภูมิใจและชื่นใจ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่นาง นงนาท สนธิสุวรรณ ต้นมะยมออกใบ ออกลูกดูสุขภาพดีจังค่ะ น้ำท่วมไม่ได้มีแต่แง่ร้าย ที่จริงเมื่อก่อนมีแต่แง่ดีเป็นส่วนใหญ่เพราะผู้คนเรียนรู้ที่จะอยู่ได้เป็นสุขตามภูมิของตนเองนะคะ
พวกต้นมะ...หลายชนิดพอได้น้ำมากแล้วให้ผลดีกว่าปกติ เช่นมะขามและมะตูมที่บ้านปีนี้ดกมากค่ะ
ดีจังที่พี่ใหญ่มีประสบการณ์ได้ร่วมทำนา เป็นความมหัศจรรย์ของแผ่นดินและเมล็ดข้าวนะคะ ได้เห็นทุกระยะของการงอกงามแล้วมีความสุขจริงๆค่ะ เสียแต่ว่าการทำนาของชาวนาส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกันมากมาย อยากให้วิธีการทำนาแบบคุณต้นกล้าเป็นที่แพร่หลายชาวนาจะได้มีผลผลิตดีและสุขภาพดีควบคู่กันไปค่ะ
เมื่อกี้ไปแวะบันทึกเรื่องมหาวิทยาลัยทำงานกับชุมชนของอาจารย์ขจิต ฝอยทอง มา จะโพสต์ความเห็นเกิดขัดข้อง ไม่สำเร็จค่ะ ฝากบอกตรงนี้ว่าชื่นชมและขออวยพรให้สำเร็จเป็นความดีเป็นพลังให้ผู้คนและผืนแผ่นดิน หากทุกสถาบันการศึกษาในทุกระดับได้ลงมือคิดและทำงานที่จะให้การศึกษาทำให้เกิดปัญญา แสงสว่างในชีวิต ในชุมชนเช่นนี้จะเป็นคุณูปการยิ่งและเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนให้เกิดจริงๆค่ะ
เมื่อไหร่จะมาเยี่ยมพี่บ้าง รอเลี้ยงข้าวแบบชาวอยุธยาอยู่นะคะ
ยังติดค้างการตอบคำถามจากคุณหมอป. ข้ามปีอยู่คำถามหนึ่ง ไม่ได้ลืมที่จะตอบ แต่พอเวลาเข้ามาเขียนมันกลับลืมด้วยพะวงกับปัญหาเกี่ยวกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วยค่ะ
ปัญหาเก่าคือเรื่อง เครื่องหมายเหมือนเลขเก้าไทย ในบทกวี ถามคนข้างกายได้คำตอบในเชิงสุนทรีเสียมากกว่าเชิงวิชาการ ค่ะ เป็นเครื่องหมายที่เรามักเห็นในการออกแบบไทย เรียกว่าอุณาโลม เขาไปเห็นในเอกสารเก่าแก่ เลยให้ผู้ประพันธ์บทกวีนำมาใช้ค่ะ
คำถามใหม่เรื่องเจดีย์ ตอนนี้ยังไม่ได้บรรจุพระธาตุค่ะ เจดีย์นี้เป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ที่ออกแบบให้เป็นเกาะเมืองอยุธยาและ จะมีการสร้างรูปร่างเจดีย์ของวัดหลักๆอยู่ราวสิบสองวัดหรือมากกว่านั้น และทางยุวพุทธฯจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุใน ๙ เจดีย์
ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เจดีย์ที่นาข้าวล้อมรอบ คือเจดีย์วัดมเหยงคณ์ ซึ่งเป็นวัดที่ท่านพระอาจารย์เกษมฯ ท่านดูแลอยู่ ท่านมอบที่ดินมรดกจากโยมแม่ท่านให้แก่ยุวพุทธฯ เพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมนี้ค่ะ พื้นที่ราว ๒๓ ไร่เศษ
สวัสดีค่ะคุณพี่นุช
ขอบคุณภาพงามๆ และเรื่องราวที่สดชื่นหัวใจค่ะ
ปลูกข้าวรอบเจดีย์ แปลกแต่สวยงามค่ะ วัดในหมู่บ้านทางเหนือที่เคยอยู่ตอนเป็นเด็กๆ รอบๆ เจดีย์จะเป็นทราย เป็นทำนองว่าแแทนมหาสมุทร เดินนุ่มเท้าตอนเวียนเทียน เป็นครั้งแรกที่เห็นต้นข้าวรอบเจดีย์ ไอเดียเจ๋งค่ะ ขออนุโมทนา
และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ได้เห็นต้นกล้าปลูกในกระบะ เหมืออนที่บ้านปลูก เลย คิดว่ากระบะแบบนี้เอาไว้ใช้สำหรับคนอยู่ตึกเท่านั้น แต่ในนาข้าวก็ใช้กัน สะดวกดีนะคะ
คืนนี้ ฝันดีค่ะ :)
สวยงาม สงบ ล้ำค่า...นาในแดนธรรม จริงๆค่ะ ^^
เจริญพรโยมนุช
พี่นุชเจ้า..
มาเห็นทุ่งนาสีเขียวๆ ในบันทึกนี้แล้วก็ทำให้อยากมีโอกาสได้ลอง "ทำนา" ดูมั่งจังค่ะ ^^
สวัสดีจ้า..คุณนุช...เห็นทุ่งนาเขียวๆ..ลองเอามาเปรียบเทียบกับ..ต้นข้าวที่ปลูกไว้..ที่หน้าๆต่าง.(ในเมืองหนาว).มีซังข้าว..แห้งตายให้เห็น..กับเมล็ดข้าว..แห้งๆห้าหกเม็ด..ลีบๆมีแต่เปลือก...เมื่อสองสามวันนี้ไปมองดู..มีต้นเขียวๆโผล่มาให้เห็นรำไร..ทั้งๆที่ไม่ได้รดน้ำมานานแสนนาน...อ้ะะๆ..(เป็นปี)...(ยายธี)...คิดถึงจ้ะ..
อยากได้ที่อยู่และเบอโทรจะติดต่อซื้อกล้าค่ะ