บนเส้นทางเรียนรู้มหาวิทยาลัยชีวิต : ดวงใจ ขวาลา


การเรียนมหาวิทยาลัยชีวิตทำให้ฉันรู้ว่า “อะไรก็เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้โดยต้องเริ่มที่ตัวเราเอง”

เมื่อปี พ.ศ.2552 เริ่มแรกฉันยังไม่รู้จักมหาวิทยาลัยชีวิต พรหมลิขิตให้บังเอิญเดินผ่านไปเห็นใบสมัครเรียนปริญญาตรีที่ห้องสมุดประชาชน จ.ชุมพร เพราะต้องเอาหนังสือนิทานไปคืนให้ลูก ด้วยความตั้งใจจะเรียนปริญญาตรีอยู่แล้ว ฉันเลยตัดสินใจใช้เงิน 200 บาท ซื้อใบสมัครโดยไม่ได้อ่านรายละเอียดสักนิดเดียว คิดอยู่ในใจว่า “ซื้อไว้ก่อนแล้วเอาไปนอนอ่านทีหลัง” พอได้อ่านแล้วไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ซื้อมา เกิดความรู้สึกไม่อยากให้เวลาดี ๆ แบบนี้ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะต้องรีบไปสมัครในวันรุ่งขึ้นทันที

แต่แล้วฉันก็ซึมไปเลยเพราะเมื่อไปติดต่อ ณ ที่ว่าการอำเภอหลังเก่า ถามใครเขาก็ทำหน้างง ๆ “มีด้วยหรือมหาวิทยาลัยชีวิต ไม่เคยได้ยินเลย” เป็นคำตอบแรกที่คนทั่วไปตอบกลับมา แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ในที่สุดฉันจึงได้สมัครเรียนกับ ผอ.กศน.เมืองชุมพร

และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง ฉันเข้ารับการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ได้เจอเพื่อนใหม่หลายคน เป็นเพื่อนใหม่ทั้งหมดเพราะฉันไม่รู้จักใครเลย เข้ามาเรียนด้วยตนเองโดยไม่มีเพื่อนแนะนำ เป็นเรื่องของความบังเอิญอย่างแท้จริง วันนี้เป็นวันที่ฉันประทับใจมาก เพราะการต้อนรับนักศึกษาใหม่โดยเฉพาะตอนที่อาจารย์ได้ทำพิธีจุดเทียนสว่างส่องทางปัญญาทำให้นักศึกษามีพลัง มีกำลังใจ มีแนวทางมุ่งมั่นที่จะไปสู่จุดหมายปลายทางร่วมกัน

เมื่อได้มาเรียนจึงรู้ว่าเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่เป็น อสม. ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ฉันต้องเข้าเรียนในหลักสูตรเตรียมความพร้อม (ของสถาบันฯ) เกือบ 2 ปี เมื่อถึงเวลาที่เปิดเรียนอย่างเป็นทางการเพื่อนหลายคนคิดว่า ฉันจะไม่มาเรียนแล้วเพราะฉันมาบ้าง ไม่มาบ้าง เวลามาเรียนก็จำเป็นที่จะต้องพาเรือพ่วงมาด้วย 2 ลำ ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะไม่มาแล้วเพราะลำบาก ต้องพาลูกมารบกวนสมาธิในการเรียนของเพื่อน ๆ แต่อาจารย์ก็เปิดโอกาสให้เรียนโดยพาลูกมาด้วย และฉันก็ได้รับกำลังใจจากสามีที่ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ จนในที่สุด ฉันจึงตัดสินใจเรียนต่อ และสร้างประวัติศาสตร์ลงทะเบียนเป็นคนแรกของห้อง ทำให้เพื่อน ๆ ประหลาดใจ

ทำไมฉันจึงเลือกเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต คำตอบก็คือ เพราะเรียนแล้วฉันสามารถเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนแปลงชีวิตที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ ในอดีตฉันเคยทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปทำงานเป็นลูกจ้างที่กรุงเทพฯ นานกว่า 10 ปี ต้องเจอกับสังคมที่แข่งขันกันตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่เช้าต้องแย่งกันขึ้นรถเมล์ที่กว่าจะมาสักคันก็นานแสนนาน คันที่มาก็แน่นผู้คนเบียดเสียดกันแต่ก็ต้องไปเพราะไม่มีทางเลือก เป็นเช่นนี้ในเกือบทุกเรื่อง

มาวันนี้ฉันมีทางเลือกที่ดีกว่าแล้ว คือได้กลับบ้านเกิดของตัวเอง ได้รู้ว่าตื่นขึ้นมาตอนเช้าอากาศบริสุทธิ์นั้นเป็นอย่างไร การเรียนมหาวิทยาลัยชีวิตทำให้ฉันรู้ว่า “อะไรก็เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้โดยต้องเริ่มที่ตัวเราเอง” วิชาเศรษฐกิจพอเพียงสอนให้ฉันรู้จักการจัดการเวลา ทำให้ฉันรักชีวิตที่มีตัวเองเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานตามคำสั่งของเจ้านายไปวัน ๆ เหมือนที่เคยผ่านมา การรู้จักคิดและแก้ปัญหาด้วยสติปัญญาของตนเองทำให้เราอดทน แข็งแกร่ง และมีความพยายามทั้งในเรื่องงานและการเรียน

เมื่อได้นำวิชาที่เรียนมาปฏิบัติลงมือทำเองที่บ้านฉันถึงได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องไปเสาะแสวงหาความศิวิไลซ์ในเมืองใหญ่ที่ไหน สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นที่บ้านของเราได้เสมอ เมื่อฉันเห็นต้นข้าวโพดเติบใหญ่ขึ้นมาบนพื้นดินที่ได้ถากถางทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจปลูก ต้นเสาวรสก็เริ่มเลื้อยใบขึ้นมาจากเมล็ดที่ทิ้งไว้ ฯลฯ ทำให้คิดได้ว่าแม้เราไม่ตั้งใจปลูกมันยังโตได้ถึงขนาดนี้ ถ้าเราตั้งใจและใส่ใจ ปฏิบัติจริง ลงมือทำจริงความสำเร็จเกิดขึ้นในชีวิตเราได้แน่นอน.

หมายเลขบันทึก: 477193เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2012 12:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 11:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ดวงใจ ขวาลา
    เดินผ่านมา ชีวิต ในเมืองใหญ่
    คนมากมาย แต่แห้ง แล้งน้ำใจ
    ต่างมุ่งไป สับสน ค้นหาเงิน
  • บังเอิญ เดินพบ
    ได้ประสบ ม.ชีวิต เกินคาดหมาย
    เรียนแล้วทำ ของจริง ทั้งใจกาย
    สร้างความหมาย คุณค่า ความเป็นคน
  • มหัศจรรย์ ใจฉัน
    สัมผัสดิน เสกสรร ให้เติบโต
    เสาวรส ข้าวโพด อีกอักโข
    ต่างโตได้ ในถิ่น ที่บ้านเรา
  • เพียงฉัน ลงมือทำจริง
    เรื่องทุกสิ่ง เกิดได้ ดั่งใจหมาย
    ด้วยตั้งใจ เรียนรู้ ไม่เสื่อมคลาย
    ถึงที่หมาย สำเร็จ ทุกก้าวเดิน.
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท