เมื่อคนไข้ เยียวยา จิตใจ ของเภสัชกร


     บางครั้ง เราทำงานบริบาลผู้ป่วย ซึ่ง ไม่ใช่แค่การจ่ายยา เภสัชกร อาจไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ ตึก หรือที่บ้าน หรือ ทำกิจกรรม ต่างๆ ในการสร้างความเข้มแข็ง ให้ ระบบสุขภาพชุมชน หลายครั้ง เภสัชกร ไม่ใช่ แค่ทำหน้าที่ acute care ambulance care or home health care แต่เภสัชกร โรงพยาบาลเล็กๆ ต้องทำทั้งหมด รวมๆ เรียกว่า patient care ตามแนวคิด แบบ case management นั่นเอง บางครั้ง เราต้องดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย หรือ อาจเรียกว่า end of life care หลายครั้ง เภสัชกรกรแกะดำ ได้เข้าไป ช่วยเหลือ ดูแลคนไข้ ตามจรรยาบรรณ วิชาชีพ โดยไม่กลัว การทำผิด ตราบใด ที่เราเข้าใจ คำว่า  มาตราฐานวิชาชีพ มากพอ ที่สำคัญ  เภสัชกร ต้องกล้า รับผิดชอบเรื่อง ยาคนไข้ ในการทำงาน เภสัชกรรมคลินิก ยุคแรก ๆ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เจ้าหน้าที่หลายคนไม่เข้าใจ ว่า ทำไมเภสัชกร อย่างผมไม่แค่ จ่ายยาตามแพทย์สั่ง ก็พอ ทำไมต้องไปเยี่ยมคนไข้ ทำไม ต้องไปคุยกับแพทยืว่า ควรสั่งยาอย่างไร จำได้ ปีแรกที่ทำงานแพทย์ไม่ยอมสั่ง สเตียรอยด์พ่น ให้คนไข้ ผมก็ไม่ยอม เพราะคนไข้หลายคนเป็นจ้าราชการเบิกได้ เรียกว่า เลือก หมอเชกูวาร่า เข้าสิงห์ ออกไป บู๊ พอสมควร ในตอนแรกที่ผม ทำงานก็คิด ใช้ทุน สองปีก็ ลาออก ไปอยู่เอกชน เก็บเงิน มีกิจการ เป็นของตัวเอง ร่ำรวย ประสพความสำเร็จ แบบว่า  จะประสพความสำเร็จ ต้องรวย ต้องมีเงิน แบบว่า  ผีทุนนิยม มันแรง พอสมควรครับ แต่พอได้มาทำงานจริงๆ พบว่า การช่วยเหลือดูแลคนไข้ มันเป็นความงดงาม มันให้ความสุขกับ จิตใจที่แห้งแล้ง


                           แต่ระบบราชการ มีอะไรที่เลวร้าย ซึ่งก็จริงแท้ๆ มันรบกวนจิตใจผมตลอดมา ได้แก่ การเลียเจ้านาย การเล่นพรรค เล่นพวก การใส่ร้ายป้ายสีกัน การทำงานเอาหน้า  การทำงาน เอาหน้าแบบผักชี การสร้างภาพสวยหรู โกซิก ผมต้องเจอ มันทุกวัน และผมอ่อนล้าเต็มที หลายๆครั้ง การทำงาน ดูแลผู้ป่วยของผม เพื่อนร่วมงาน บางคนไม่เข้าใจ ก็กล่าวหา ว่าผมไม่ทำงาน ไม่ส่งรายงาน ไม่ทำงานเอกสาร จริงๆ ผมจะคิดก่อน ว่า งานเหล่านั้น  มันให้ประโยชน์กับผู้ป่วยหรือไม่ ถ้าไม่ และ องค์กรก็ไม่ได้งบประมาณ จากงานนั้น หรือได้ไม่คุ้ม ก็ไม่ทำ ในทางตรงกัน ข้าม งานที่ไม่มีใครสั่ง งานที่ทำแล้วไม่ได้เงิน สักบาทเดียว หากคิดว่า มันได้ประโยชน์ กับผู้ป่วย ผมจะทำมันอย่างเต็มที่ มัน ทำให้ผมรู้สึกดีกับตัวเอง ก็ได้ช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย มันได้เยียวยาคนเมือง อย่างผม ที่เป็นมนุษย์น่าเงิน บริวารทุนนิยม กลายเป็นคนใจดี มีน้ำใจมากขึ้น และรู้สึก ภาคภูมิใจตนเอง


                 การทำงานแบบ มีความคิดเป็นของตนเองของผมทำให้ผมเป็น เภสัชกรแกะดำ ที่ก้าวหน้าน้อยที่สุด ในระบบราชการไทย เรียกกว่า เงินเดือน แทบไม่ได้ ขึ้นอะไรกับ เขาเลย ผมยังจำได้ นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดมีวิทยุด่วน ให้ผมไปประชม ตอน เวบบ่ายสามกว่าๆ ในวันรุ่งขึ้น  เพื่อรับงานหัวหน้าทีมเยี่ยมบ้าน ของเภสัชกร จีงหวัดขอนแก่น แต่ทางโรงพยาบาลกลับลงโทษให้ผม ขาดราชการ เพราะไปประชุมโดยไม่ขออนุมัติผู้อำนวยการ  เรื่องนี้ ผมอุทรณ์ ไปแล้ว ก็ผ่านเพราะ นายแพทย์ สสจ. สามารถสั่ง ให้ ข้าราชการในระดับต่ำกว่าไปปฏิบัติราชการ ได้โดยไม่ ต้องขอความยินยอม จากผู้ใต้บังคับบัญชา ของตนเองที่เป็นผู้บังตับบัญชาของข้าราชการผู้นั้น ตัวผมเองได้วางแผนจะย้ายที่ทำงานในปี 2559 เพราะต้องรอยางพาราที่ปลูกไว้โตได้กรีดก่อนครับ ซึ่งพอดีกับลูกชายที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาพอดี



หมายเลขบันทึก: 479089เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2012 07:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2012 08:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ให้กำลังใจสู้ๆๆ พอจะทราบข่าว ของระบบ ที่สร้างภาพ ออม สารพัด .... ยกเว้น ออม เสริม ขวัญกำลังใจ ทีมงาน

ตอนนี้มีกำลังใจครับ อีก 3.5 ปี จะย้าย โรงพยาบาล ช่วงนี้ ขอ clear งานครับ และดูแลสวนยางพารา

ขอ ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท