บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับวันเสาร์ที่ 17 มีนาคม 2555 ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล้างนี้ครับ http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1 ปัญหาภัยธรรมชาติไร้พรมแดน (บทเรียนจากความจริง กับดร.จีระ) |
ผมเขียนอยู่ที่เชียงใหม่ มาประชุม เป็นวิทยากรของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเตรียมตัวให้ไทยเข้าสู่การท่องเที่ยวในกลุ่ม GMS และในที่สุดก็ระดับ ASEAN ปัจจุบันการท่องเที่ยวของไทยมีหน่วยงานดูแลหลักอยู่ 4-5 หน่วยงาน TAT การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เกิดขึ้นสมัยจอมพล สฤษฏ์ ธนะรัตน์ โดยมีพลเอกเฉลิมชัย จารุวัฒน์ เป็นผู้อำนวยการคนแรก เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ มีคนเก่งทำงานมากซึ่งการตลาด สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย เป็น Brand ของโลก ต่อมาระยะหลังๆ มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมางานทุกชนิดที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ไม่ใช่การตลาดอยู่ที่นี่ - การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว - การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของการท่องเที่ยว - การดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาการท่องเที่ยวแบยั่งยืน แต่เป็นที่น่าเสียดายงบประมาณมีจำกัด บุคลากรการท่องเที่ยวของกระทรวง และบุคลากร ขาดขวัญกำลังใจและขาดความรู้ที่จำเป็นโดยเฉพาะเรื่องภาษา การบริหารจัดการ ผมมีโอกาสได้เห็นปัญหาและศักยภาพทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะท่องเที่ยวระดับจังหวัดในช่วงที่ผมเป็นวิทยากร การพัฒนาบุคลากรในการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมต้องมีมากขึ้นและต่อเนื่อง ภาควิชาการและภาคประชาชนอย่างผมที่มีความมุ่งมั่นโดยการมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของข้าราชการในกระทรวงแห่งนี้ ในการแสดงความคิดเห็นของผม เรื่องปัจจัยในการท้าทายของท่องเที่ยวจังหวัดกับการทำงานใน GMS คือ 1. Global / Local เริ่มมองการท่องเที่ยวในความเชื่อมโยงระหว่างประเทศมากขึ้น 2. ศึกษาเรื่องรู้เขารู้เรา ศึกษาจุดอ่อน จุดแข็ง ของประเทศอื่น ปรับทันคติให้เป็นบวก คิดวิเคราะห์เป็น มีทุนทางปัญญามากขึ้น 3. มีความใฝ่รู้ อยากรู้ เกี่ยวกับประเทศต่างๆในมุมมองที่หลากหลาย เช่น - วัฒนธรรม - วิถีชีวิต - อื่นๆ 4. มีการสร้าง Network ให้กว้างมากขึ้น ในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อผนึกกำลังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ที่เชียงใหม่ครั้งนี้ได้เรียนรู้ว่า ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เกิดในประเทศไทยแต่เกิดอิทธิพลมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่าและลาว การแก้ปัญหาหมอกควันต้องเริ่มเจรจาร่วมกับเพื่อนบ้าน เป็นเพราะพฤติกรรมของชาวบ้านใน 3 ประเทศยังนิยมการเผาป่า โชคดีที่ตอนผมเดินทางมามีฝนตกอย่างตอเนื่อง อากาศเลยดีขึ้น เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เป็นเรื่องระหว่างประเทศไปหมด ผมขอส่งความปรารถนาดีมายังลูกศิษย์ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต EGAT ทั้ง 32 คน ซึ่งผมอยู่กับพวกเขาได้ 2 วัน ก็ต้องขอตัวมาทำงานที่เชียงใหม่ หลักสูตร รุ่น 8 ของผมครั้งนี้แบ่งเป็น 4 แนว - แนวแรกสร้างผู้นำยุคใหม่ทศวรรษหน้าของ EGAT - มีความสมดุลให้แก่ Body & Mind เพื่อ ทำงานและมีความสุขมากขึ้น - ศึกษาชุมชนโดยจะไปค้างคืน 2 วันที่กาญจนบุรีกับชาวบ้าน - สร้าง EGAT ให้เป็น Learning Society ผมขอบคุณผู้บริหาร คุณสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ , คุณวิรัช กาญจนพิบูลย์ , คุณภาวนา อังคณานุวัฒน์ และทีมงานฝ่าย HR ให้เกียรติผมทำงานร่วมกันใกล้ชิด ช่วงแรก ในการเปิดตัวเรื่องผู้นำ EGAT ยุคใหม่รุ่น 8 นี้ ผมเห็นว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีผู้นำและผู้บริหาร EGAT ทุกระดับ จะเกษียณอายุจากการทำงานเป็นพันๆคน การเตรียมผู้นำอย่างไร ในอนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ผมได้ยกตัวอย่างข้อเขียนของผมเกี่ยวกับกรณีศึกษาของประเทศจีน ในปัจจุบันจีนมีผู้นำ 5 รุ่น รุ่นที่ 1 (1949 - 1976) เป็นผู้นำรุ่นบุกเบิกมี เมาเซตุง (Mao Tse-tung) หรือ โจว เอ็นไล (Zhou En lai) เป็นหลัก รุ่นนี้ คือ - รุ่นเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชนะการปฏิวัติมา เป็นผู้บุกเบิก - ต้องบริหารการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างจะมาก - ต้องสร้างระบบให้แน่น เพราะระบบเดิมยกเลิกหมด เช่น ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของรัฐไม่ใช่ของบุคคล - เศรษฐกิจ คือ รัฐเป็นคนกำหนด รุ่นที่ 2 (1976 - 1992) คือ เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping) - เป็นช่วงที่การเมืองนิ่งแล้ว แต่ระบบเศรษฐกิจรัฐเป็นผู้กำหนด จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในชาติได้ เพราะประชากรมาก - คาดหวังสูง จึงต้องมีเติ้งเสี่ยวผิงมาเป็นผู้นำ - เน้นทฤษฎีไปสู่ Practical เป็นผู้ที่พูดว่า "แมวสีอะไรก็ได้ขอให้จับหนูเป็น" คือ เป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ นำเอาทุนนิยมเข้ามา - เชิญต่างประเทศเข้ามาลงทุน ทำให้จีนขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็ว เพราะคนจีนขยันเคยทำการค้ามาก่อน วันนี้จีนเติบโตมากกลายเป็นมหาอำนาจ รุ่นที่ 3 (1992 - 2003) คือ เจียง ซี มิน (Jiang Zemin) - เป็นผู้นำประเทศสู่โลกภายนอก - เศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น แต่ต้องมีบทบาทในโลก - จัดประชุม APEC 2003 ในจีน - นำจีนเข้า WTO - เปิดประเทศทางเศรษฐกิจมากขึ้น - ส่งความช่วยเหลือไป แอฟริกาและประเทศด้อยพัฒนา เมาเซตุง (Mao Tse-tung) เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping) เจียง ซี มิน (Jiang Zemin) หู จิ่นเทา (Hu Jintao) สิ จินผิง (Xi Jinping) รุ่นที่ 4 (2003 - 2013) คือ หู จิ่นเทา (Hu Jintao) - เห็นความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับ 2 ของโลก จีนมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ - แต่เริ่มมีปัญหาเสรีภาพในประเทศ และความเหลื่อมล้ำ รุ่นที่ 5 (2013 - 2023) คือ สิ จินผิง (Xi Jinping) - ผู้นำรุ่น 5 จะต้องเก่งเรื่องประชาธิปไตยเปิดแบบจีนที่โลกยอมรับ มีสิทธิมนุษยชนมากขึ้น และดูแลการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปทุกกลุ่มและทุกภูมิภาคของจีนไม่ให้เหลื่อมล้ำ ให้เศรษฐกิจจีนสมดุลกับโลกภายนอก โดยเฉพาะค่าเงินหยวน ได้มีการวิเคราะห์โดยรุ่น 8 ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็มีผู้นำ 4 รุ่น 1. รุ่นบุกเบิก คุณเกษม จาติกวณิช และพลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ 2. รุ่น 2 จัดการกับการขยายตัวของความต้องการพลังงาน คือเอาเอกชนมาร่วมผลิตพลังงานไฟฟ้า 3. รุ่นแปรรูปจะเข้าตลาด เพื่อลดการพึ่งพางบประมาณของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต 4. รุ่นปัจจุบัน จะต้องการจัดการกับชุมชนและบริหารน้ำมันที่แพงและก๊าซธรรมชาติที่เหลือใช้อีกแค่ 15 ปี 5. รุ่นต่อไป มีการทำ workshop วิเคราะห์ว่าผู้นำใน 10 ปีข้างหน้า จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ -ต้องจัดการกับ Diversity (ความหลากหลาย)และการเปลี่ยนแปลงให้ได้ -เข้าใจต่างประเทศและชุมชนมากขึ้น -ต้องเข้าใจการบริหารคนที่เก่งและอายุที่แตกต่างให้ได้ -การบริหารและการใช้พลังงานจากต่างประเทศ -ต้องมีพลังงานทดแทนที่พอเพียง -ต้องเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยเป็นหลัก เป็นที่พึ่งของสังคมไทย ทำมากกว่าการผลิตไฟฟ้า ผมภูมิใจมากที่มาถึงรุ่น 8 ประเด็นก็คือแรงบันดาลใจมี 2 ฝ่าย -ฝ่ายผมและทีมงานก็ต้องปรับการทำงานให้ดีขึ้นและเป็นเลิศกว่าเดิม -ฝ่าย EGAT ก็ต้องเรียนเพื่อพัฒนาผู้นำ ซึ่งใฝ่รู้ต้องปรับ Mind set ให้ทันกับเหตุการณ์ "องค์กรอื่นๆไม่ทำเรื่องการเตรียมผู้นำก็จะมีวิกฤติได้ในอนาคตแน่ครับ" เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ [email protected] www.gotoknow.org/blog/chiraacademy แฟกซ์ 0-2273-0181 |
ไม่มีความเห็น