เมื่อปี2519 ผมรับราชการอยู่ที่สำนักงานเกษตรอำเภอละแม จังหวัดชุมพร(ปัจจุบันก็กลับมาอยู่ที่นี้แหละ)ในสมัยนั้นถนนสายเอเชีย (41)อยู่ระหว่างเริ่มก่อสร้าง เสร็จเป็นช่วง ๆ ตอน ๆ จะเดินทางไปจังหวัดชุมพรหรือจังหวัดสุราษฎร์คนทั่วไปนิยมเดินทางโดยทางรถไฟ ไม่คอยมีรถยนต์ประจำทางหรือหรือรถยนต์ส่วนตัวมากเหมือน พ.ศ.นี้ยิ่งส่วนราชการเม่าที่จำได้ ที่ว่าการอำเภอจะมีรถยนต์กะบะสีเทา ๆ อยู่หนึ่งคันส่วนราชการอื่น ๆ (มีตั้งหลายหน่วยฯ ก่อนปรับโครงสร้าง)ไม่มีเลย
ถึงปี 2522 สำนักงานเกษตรอำเภอละแมเป็นหน่วยงานระดับอำเภอหน่วยงานแรกที่มีรถยนต์บรรทุกเล็ก(กะบะ สี่ขอ)สี่เขียวไว้ใช้ประจำสำนักงาน ส่วนเจ้าหน้าที่ก็จะมีรถจักรยานยนต์ให้ใช้คนละคัน เป็นรถยี่ห้อซูซูกิ รุ่น A100 เป็นที่ทำให้ขอบตาของหลาย ๆร้อนไป ตาม ๆ กัน
มีอยู่วันหนึ่งกลุ่มคนที่ผมสนิทจากจังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งให้ทราบว่าจะมาทรรนศึกษาที่จังหวัดสุราษฎร์และจะฟังเทศน์ที่วัดทานนำไหล(สวนโมคฯ) และนิมนท่านพุทธทาสฯเทศน์ด้วยในตอนใกล้รุ่งเวลาประมาณตีสี ในใจคิดว่าถ้าจะไปหาเพื่อนต้องไปกลางวัน ถ้าไปให้ถึงสวนโมคตี่สีจะได้ฟังเทศน์ของท่านพุทธทาสด้วย ผมตัดสินใจขับA100 คู่ใจออกจากอำเภอละแมประมาณเกือบตีสาม ถึงสวนโมคฯ ประมาณเกือบตีสี จอดรถA100 เดินขึ้นเขา แสงสว่างจากดวงดาวทำให้มองเห็นทางเดินเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ เสียงพระเทศน์ดังชัดขึ้น ๆ เมื่อถึงบริเวณลานหิน เห็นเงาคนนั่งอยู่เป็นกลุ่ม ๆ แต่เป็นระเบียบ ผมเลียบไปที่จุดที่ฟังเสียงชัดและนั่งสดวกพนมมือขึ้นพร้อมกับกราบไปที่เสียงสามครั้งแล้วนั้งพนมมือหลับตาฟังเทศน์
จำได้ว่าท่านพุทธทาสเทศน์เรื่องเกี่ยวกับธรรมของคารวาสท่านสอนน่าฟัง และลึกซึ่ง มีอยู่ตอนหนึ่งท่านบอกว่า.....คนจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ต้องทำงานให้มีรายได้ ใช้จ่ายให้มีเงินเหลือ รายได้เท่าไหรไม่สำคัญ สำคัญที่รู้จักใช้........ท่านเทศน์ถึงตีห้ากว่า ผมลืมตาขึ้นมาเมื่อเกือบจะจบพบว่า ผมหันหลังให้พระหันหน้าไปหาลำโพง แต่ธรรมะจากท่านพุทธทาสได้นำมาถือปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้
ไม่รู้รับรู้จ่าย จะเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่ายได้อย่าไร
นอนนาน งานน้อย กินบ่อยเงินหมด เงินมีหน้าสด เงินหมดหน้าม่อย
อดทนมากเลยค่ะ จากละแมไปสวนโมคฯ หนะ
แต่ที่ผ.ฒ. นำประสบการณ์มาเขียนนี้ ดีมากเลยค่ะ ได้ใจไปเยอะเลยละค่ะ