สายใยแห่งกรรม

 

Photo credit: http://www.cepolina.com/fishing_net.html

บังเอิญได้ดูภาพความเสียหายที่เกิดจากคาร์บอมบ์ที่ยะลา ทั้งภาพความเสียหายของอาคารบ้านเรือน และภาพของผู้เสียชีวิต

รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลต่อผู้คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ หรือทรัพย์สิน

สังคมที่ซัีบซ้อน ผู้คนมากมาย ญาติพี่น้อง เพื่อน เชื่อมโยงถึงกันในแง่มุมต่างๆ

เห็นได้ถึงความยุ่งเหยิงและเงื่อนปมของเรื่องต่างๆ ที่เข้ามาพัวพัน เหมือนชีวิตของผู้คนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นเชือกที่เกี่ยวข้องพันกันเป็นสายใยของกรรม เมื่อดึงเชือกปลายหนึ่ง เงื่อนปมก็เกิดขึ้นอีกปลายหนึ่ง

Photo credit:http://robindickinson.com/2011/06/whats-the-real-value-of-a-fully-connected-world/

ความพยายามแก้ไขที่จุดหนึ่ง กลับสร้างปัญหาอีกจุดหนึ่ง สุดท้ายเชือกทั้งหลายก็พันกันเป็นเงื่อนปมที่แน่นเข้าๆ จนแก้ไม่ออก ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการค่อยๆ คลายปมอีกต่อไป เพราะไม่มีใครยอมใคร ทุกคนอยากจะอยู่อย่างสบาย อย่างที่ตัวเองต้องการ

แต่การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีคนหลากหลาย การอยู่อย่างที่ตัวเองต้องการอย่างสบายตามใจฉันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ เปรียบเหมือนเชือกเส้นบางๆ ที่วางพาดซ้อนกันไปมา พอมีใครต้องการพื้นที่มาก ก็ย่อมกระทบเชือกเส้นอื่นๆ เมื่อเชือกเส้นหนึ่งเคลื่อนไป อีกหลายเส้นก็ต้องขยับตามเนื่องจากพาดพันกันอยู่ สุดท้ายการขยับไปมาอย่างไม่ยอมกันของเชือกต่างๆ เหมือนคนที่ไม่ยอมกันในสังคมที่มีทรัพยากรจำกัดและน้อยลงเรื่อยๆ ก็ย่อมสร้างความยุ่งเหยิง และเงื่อนปมต่างๆ ให้เกิดขึ้นตามมา เหมือนปัญหาที่เราเห็นในสังคมทุกวันนี้

หากเราลดทอนความอยาก หากเราสามารถตัดเชือกของเราให้สั้นลง ลดละความต้องการ ให้อภัย ไม่เบียดเบียน มีความพอเพียงในชีวิต สังคมโลกก็คงอยู่ได้อย่างสงบขึ้น เวรกรรมที่ก่อต่อไปก็จะน้อยลง เพียงแต่ใช้เวรที่เคยก่อ และได้สร้างบุญโดยการไม่ทำบาปต่อผู้อื่น

เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แก้ไม่ให้เกิดไม่ได้ สิ่งที่แก้ได้อยู่ในปัจจุบัน แก้ได้ด้วยการมีสติ รู้เหตุ รู้ผล เข้าใจธรรมชาติของสรรพสิ่ง เมื่อมีสติ จะสามารถเผชิญกับปัญหาต่างๆ ด้วยปัญญา ผลที่ตามมาในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็กำหนดบังคับไม่ได้ ขอให้เข้าใจว่า ทำปัจจุบันให้ดี ผลของอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่ต้องคาดหวัง เพราะได้ทำปัจจุบันอย่างมีสติดีแล้ว