หลังจากผมประมวลภาพทั้งจากบทเรียนที่ถ่ายทอดโดย ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เชื่อมโยงกับการนำเอาประสบการณ์มาทบทวน และยกตัวอย่างสถานการณ์ของการวิจัยกับการบริการทางวิชาการในเงื่อนไขแวดล้อมและความจำเป็นใหม่ๆ จากนั้นก็ขึ้นแนวคิดกว้างๆ ตั้งประเด็น จัดกลุ่ม และมอบเวทีให้เป็นการนั่งคุยและปรึกษาหารือกันของคน มอ แล้ว กลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่จาก ๕ วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จำนวน ๑๐๐ กว่าคน ก็นั่งพูดคุยสนทนากันตลอดช่วงเช้าไปจนถึงพักรับประทานอาหารกลางวัน
หลายกลุ่มมีอาจารย์และผู้บริหารรุ่นอาวุโสร่วมอยู่ในกลุ่ม เช่น ทีมผู้บริหารของวิทยาเขตปัตตานี ซึ่งหัวหน้าทีมเป็นอดีตรองอธิการบดี อีกทั้งมีความอาวุโสทั้งในทางการบริหาร วิชาการ และวัยวุฒิ ก็มีบทบาทในการเป็นพี่เลี้ยงและส่งเสริมการคิดการแสดงบทบาทต่างๆของคนรุ่นใหม่ กลุ่มอื่นๆก็ค่อยๆเกิดการแก้ปัญหาในการหาประเด็นคุยกัน แล้วก็ถือโอกาสทำเวทีให้เป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นเวทีสำหรับการได้ร่วมกันถักทอจินตนาการที่ใหญ่เพื่อสะท้อนสู่การทำงานให้มีคุณค่าและความหมายมากที่สุด
จากนั้น ในช่วงบ่ายก็นำเสนอ อภิปราย พูดคุยแลกเปลี่ยนทรรศนะ รวมทั้งเสริมกำลังใจและสร้างกำลังความคิดให้กัน ระหว่างการนำเสนอ ผมและคุณรัตติยา ทีมสำนักพัฒนาทรัพยากรบุคคล และคณะ ก็ช่วยกันประสานงานและทำให้เวทีเป็นการบริหารจัดการกันเองของกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ในเวที
ผมช่วยเวทีจับประเด็นบางส่วนเพียงเพื่อเป็นตัวอย่างของกระบวนการนำเอางาน ภารกิจขององค์กร และประสบการณ์อันหลากหลายจากการทำงานและการดำเนินชีวิตในชุมชนที่เกี่ยวข้อง มาสร้างให้มีวงจรสำหรับคิดให้แยบคายเป็นชุมชน รวมทั้งทำประสบการณ์ให้เป็นครู เชื่อมโยงการเรียนรู้และการเพิ่มพูนทั้งความรู้และความคิดริเริ่มที่ดีกับการทำงานให้ดำเนินเป็นวงจรที่เชื่อมโยงกัน เป็นเวทีสำหรับร่วมกันเป็นเครือข่ายเรียนรู้งานและบริหารจัดการปฏิสัมพันธ์ให้มีความสะท้อนซึ่งกันและกันและมีความเชื่อมโยงกับสังคมอย่างมีความหมายอยู่เสมอ
ผมสรุป เสริมแนวคิด หลักคิด รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะต่อทีมบริหารของมหาวิทยาลัย ในการนำเอาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในเวที ไปเป็นเครื่องมือและวิธีเสริมประสิทธิภาพเชิงการบริหารจัดการงาน ที่สอดคล้องกับหลักคิดเกี่ยวกับภาวะผู้นำกับการบริหารสถาบันอุดมศึกษา สะท้อนสู่การขับเคลื่อนงานต่อไปหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเวทีแล้วทีละเล็กละน้อย ประกอบด้วย
การอภิปรายและแลกเปลี่ยนทรรศนะต่างๆในช่วงท้ายหลังทุกกลุ่มได้นำเสนอผลการระดมความคิดที่สะท้อนการเชื่อมโยงความคิดจากเวทีและประสบการณ์ที่ได้จากกระบวนการต่างๆไปสู่การดำเนินงานภายใต้บทบาทของสถาบันอุดมศึกษาแล้ว มีความเป็นการพูดคุย หารือ ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กันอย่างคนที่ผูกพันกันด้วยใจ เห็นภาวะผู้นำและจิตวิญญาณระดับความเป็นส่วนรวมของกลุ่มก้อน ที่ออกมาจากการให้ความวางใจและเห็นความสำคัญของคนอื่นอยู่ในจิตใจของตนเองมากขึ้น
ในแง่ของการผสมผสานมิติชุมชนเข้าสู่การพัฒนากระบวนการบริหารจัดการความเป็นองค์กรนั้น ก็สามารถกล่าวได้ว่า ได้เกิดโครงสร้างเชิงวัฒนธรรม รวมทั้งมีความโน้มใจเปิดรับและสร้างความเป็นตัวตนที่ให้ความเป็นส่วนรวมมาก่อนความแยกส่วน รองรับการมีความหมายและการเห็นคุณค่าที่มีความร่วมกันมากขึ้นเกิดขึ้นให้สั่งสมเป็นทุนทางสังคมของมหาวิทยาลัยผ่านกระบวนการที่ได้จัดขึ้นในครั้งนี้เพิ่มขึ้นมาอีก
ตามประสบการณ์ที่มีนั้น ผมก็จะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนี้ จะเป็นทุนให้คนสามารถเดินเข้าหากัน สร้างภาวะผู้นำแบบรวมกลุ่มและภาวะผู้นำแบบเครือข่ายที่สามารถผสมผสานความแตกต่างหลากหลายในบริบทหนึ่งๆ ได้ดีขึ้น ผู้คนจะมีประสบการณ์อ้างอิงชุดหนึ่งไว้สำหรับละวางตัวตนและเดินข้ามกรอบความรู้แยกส่วนร่วมกัน มีความอดทนหนักแน่นให้กับความแตกต่างกันได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถร่วมกันเป็นปัจจัยส่งเสริมกันและร่วมสร้างสุขภาวะส่วนรวมที่พึงประสงค์ร่วมกันให้ดียิ่งๆขึ้นได้ดีกว่าเดิม.
.................................................................................................................................................................................
ขอบคุณอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
ที่แวะมาเยือนและทักทายกัน