" ธรรมะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราสมบูรณ์ขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีปัญญา รู้เท่าทันต่อสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตมากขึ้น "
จากหนังสือ เพราะมีทุกข์จึงพบสุข โดยท่าน ปัญญานันทภิกขุ
สนามบินสุวรรณภูมิในวันนั้นช่างดูวุ่นวาย มากมายด้วยผู้คนที่รีบเร่ง อย่างมีจุดหมาย บ้างสีหน้าบึ้งตึง บ้างสรวลเสเฮฮากับเพื่อนผู้ร่วมเดินทาง และอีกหลายคน นั้งหลบมุมนิ่ง เพื่อเฝ้าดูความเคลื่อนไหวรอบๆ ตัว
ในวันที่ยากจะยืนหยัด บอกตัวเองว่าทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ทุกสิ่งที่ตัดสินใจกระทำลงไปและผ่านไปแล้วนั่นคืออดีต ที่ไม่มีวันย้อนเวลากลับไปแก้ไขใดๆได้อีก นอกจาก ปล่อยวาง และทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น อย่างมีสติ มองให้ลึกถึงเหตุแห่งทุกข์ที่เกิด มองให้เจอแก่นของความสับสนที่ก่อตัว ไม่นานนักในบรรยากาศที่แสนวุ่นวายนี้ ในใจกลับนิ่งเงียบได้อย่างน่าประหลาด
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่โลกกำลังก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี จนบางครั้งเราลืม พิจารณาความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเราเอง เมื่อเวลาที่แสนยาวนานนั้นได้หยุดนิ่ง เหมือนหยุดเวลากระนั้น ทำให้ได้พบว่า หากเรา นิ่งให้นานพอที่จะมองเห็นจิตในกายเนื้อนี้ได้ เราจะรู้จักตัวเราเองมากขึ้น เข้าใจในทุกความเป็นไป ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราคาดหวังสิ่งใด แล้วไม่ได้ดังใจหวัง เราย่อมมีทุกข์ ลองปล่อยวางลงบ้าง ปล่อยให้เป็นในสิ่งที่มันควรจะเป็น อาจทำให้เราสงบได้มากพอที่จะมีความสุขบนพื้นที่เล็กๆที่เรายืนอยู่
ความทุกข์ที่เคยคิดว่ามากมายครั้งล่าสุดสอนให้รู้ว่า บุคคลทุกคนล้วนมีความเป็นปัจเจก มีความเป็นตัวตนของตนเอง ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ใช่
เราเป็นเพียงสิ่งสมมุติ
หากเรายึดมั่น ยึดติด สิ่งนี้เป็นของเรา สิ่งนั้นต้องเป็นดั่งใจเรา เราเองที่จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น เราจะรู้ว่าชีวิต เป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีสรรพสิ่งใดในโลกไม่เปลี่ยนแปลง ในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยูเสมอ ๆ เราจะมามัวนั่งทุกข์โศกกับความจริงในความเปลี่ยนแปลงนี้เพื่ออะไร
ปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามวิถีที่ควรจะเป็น
ดำเนินอยู่บนความถูกต้อง
แล้วเฝ้ามอง ให้เห็นความเป็นไป เชื่อว่า ผลจากการเฝ้ามองโดยไม่ปรุงแต่งสิ่งใดเพิ่มเติม จะทำให้ทุกข์นั้น เว้นระยะ เบื่อหน้าเราไปในวันหนึ่ง.....
ไม่มีความเห็น