เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ถึง ๑ พฤษภาคม ๕๕ ได้เดินทางมาที่ ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ในฐานะทีมวิชาการเพื่อทำกระบวนการเช็คต้นทุนศักยภาพของพื้นที่ต้นแบบใน ๑๐๐ พื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ของแผนงานพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (เป็นความร่วมมือขององค์กรส.ต่างๆ กับ WHO, รัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก) สำหรับพวกเราทีมวิชาการก็เพื่อเรียนรู้ชุมชน และช่วยพัฒนาทักษะของนักวิจัยชุมชน สำหรับพื้นที่ต้นแบบก็เพื่อพัฒนาทักษะ เพื่อต่อยอดการพัฒนาและขยายผลตำบลให้เป็นตำบลจัดการตนเอง และตำบลสุขภาวะต่อไป ..
ในช่วงเช้าๆ ของทุกวัน ณ บ้านพักที่เรียกว่าโฮมสเตย์ อดีตครูเก่าและภรรยาซึ่งเออรี่รีไทน์มาจากการเป็นคุณครูเช่นเดียวกัน หันมาทำบ้านพัก และโรงเรียนในระดับอนุบาลจนถึงระดับประถม ที่ไม่เคยคิดทำสวนยางเหมือนคนอื่นๆ ในที่ทางของตนก็จะมานั่งคุยกับพวกเราในฐานะเจ้าของบ้าน ..
อดีตคุณครูเล่าให้พวกเราฟังขณะทานอาหารเช้าร่วมกันที่บ้านพักโฮมสเตย์ว่า ใครที่ทำงานสวนยางแล้วต้องจ้างคนอื่นเขา มักจะถูกโกง จะโกงเล็กโกงน้อยก็เรียกว่าถูกโกงหล่ะ เพราะฉะนั้นควรจะทำสวนยางด้วยตัวเองจะดีกว่า เหนื่อยแต่ก็ไม่ต้องถูกโกง ..
ท่านเล่าถึงว่าทำไมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปัจจุบันมีสวนยางไปแพร่หลายมาก ก็เพราะว่าในช่วงหนึ่งที่คนงานที่จ้างมาทำงานส่วนใหญ่จะมาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเมื่อกลับบ้านไปก็นำความรู้เรื่องสวนยางกลับไปลองปลูกที่บ้านบ้าง ซึ่งในปัจจุบันราคายางก็ดีเอามากๆ การทำนาข้าวจึงค่อยๆ ลดลงไป แต่น้ำยางคงมีคุณภาพไม่ดีไปกว่าน้ำยางทางภาคใต้ไปได้
ท่านบอกกับพวกเราก่อนที่พวกเราจะต้องเดินทางไปลงพื้นที่เพื่อทำกระบวนการเช็คต้นทุนศักยภาพของพื้นที่ต้นแบบต่อไปว่า "อีกหน่อยต้นยางคงไปโผล่เยอะแยะที่ประเทศพม่าเพราะตอนนี้คนงานสวนยางส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศพม่า" เราคงมีคู่แข็งที่น่ากลัวเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เปิดประตูสู่อาเซียน แม๊! คำนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
-----------------------------------------
ณัฐพัชร์ ทองคำ
๑ พฤษภาคม ๕๕ (วันแรงงาน)
เรียนอาจารย์ ณัฐพัชร์ ตำบลควนรู อยู่ไม่ไกลจากตำบลปากพะยูนที่ผมอาศัย
ที่นี้ผมเคยไปเรียนรู้เรื่องการเฝ้าระวังภัยยาเสพติด เห็นกระบวนการเฝ้าระวังโดยทีมงาน อปพร. ติดตามดูคนที่เข้าออกในชุมชนทุกระยะ ที่นี้ เป็นชุมชนที่มีการเรียนรู้กระบวนการด้วยกันมาตั้งแต่ครั้งทำแผนชีวิตชุมชนกันมา
หลายคนคุ้นชินกัน
แวะมาเยี่ยมปากพะยูนบ้างน่ะหากมีเวลา
การเคลื่อนย้ายแรงงานและการอยู่อาศัยอย่างมีความหมายมากกว่าการเป็นแรงงานข้ามชาติของกันและกัน ระหว่างสังคมวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมทั้งการสร้างรูปแบบการดำเนินชีวิต กิจกรรมเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ ตลอดจนสุขภาวะของส่วนรวม คงมีความเป็นสังคมแบบข้ามวัฒนธรรมในกรอบของกลุ่มประเทศในอาเซียน ซึ่งก็คงต้องเรียนรู้ความเป็นตัวของตัวเองและเตรียมตนเองด้วยสำนึกต่อความเป็นหน่วยสังคมเดียวกัน รวมทั้งต้องเห็นความสำคัญของการจัดความสัมพันธ์ที่พอดีระหว่างการแข่งขันกับความร่วมมือ การช่วยเหลือกันกับการช่วงชิงการได้เปรียบจากกัน การเคารพนับถือตนเองกับเพื่อนบ้าน และอีกหลายอย่าง ยิ่งเรื่องสุขภาพชุมชนนี่ คงมีแง่มุมที่ทำให้ได้ทำงานในแนวทางที่มีลักษณะเฉพาะที่ท้าทายและน่าสนใจมากอย่างยิ่งเลยนะครับ
สวัสดีค่ะบัง
สวัสดีค่ะอาจารย์วิรัตน์