ร่วมประชุมการสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง(SHA Facilitator)


เรามีต้นทุนความดีเยอะอยู่แล้ว เชื่อว่า SHA-FA ทุึกท่าน สามารถชงชาแบบ แซ่บเว่อร์ไำด้
ผู้เขียนโชคดีที่ปีนี้(6-8 มิ.ย.55) จะได้ไปร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็น SHA-FA รุ่นพี่ เหมือนที่เคยไปประชุมปีก่อน ที่นี้  


รู้สึกดีใจและตื่นเต้น เพราะรุ่นพี่ปีก่อนที่เคยไปร่วมประชุม เป็น FA ขั้นเทพ ส่วนตัีวเองยังเป็น FA หนอนไหมอยู่เลย แต่ก็ให้นึกถึงโฆษณาหนังวัยรุ่น เรื่องหนึ่งบอกว่า

 

"ก่อนที่จะมาเป็น "เทพ" ทุึกคนต้องเคย "ห่วย" มาก่อน" ทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้
 

 

หัวข้อที่ผู้เขียนต้องเล่าก็คือ "ทำอย่างไรให้หัวใจ SHA" หลายวันมานี้ก็คิดๆนึกๆว่าต้องไปเล่าอะไรให้รุ่นน้องฟังบ้าง ทบทวนไปมา ก็น่าจะได้ประมาณนี้ 
 
จากประสบการณ์การทำงาน SHA-FA ของผู้เขียน น่าจะตกผลึกที่ 5 คิด กับ 1 พูด

คิดบวก 

การเป็น FA-SHA ที่ดีต้อง "คิดบวก" จำได้่ว่าสามปีก่อน ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้คนนำแฟ้มหนามาก มาให้ผู้เขียนศึกษา ก็นึกในใจว่า "คิดยังไงถึงได้เข้าร่วมโครงการนี้" เพราะเราเห็นท่านเป็น "พวกวัตถุนิยม" คงไม่ชอบเรื่องของการอนุรักษ์นิยมสักเท่าไร แต่..ลืมคิดไปว่า ท่านมีแนวคิดที่ไม่อยากให้
"คนบ้านนอกต้องได้รับบริการแบบคนบ้านนอก" เพราะลำบากในการเดินทางไปรับบริการไกลบ้าน แล้วก็อยากให้ชาวบ้านได้เห็น ได้ใช้ ข้าวของ เครื่องใช้ อาคารสถานที่ ที่สวยงาม เหมือนคนกรุงเทพหรือว่าเอกชนที่เขามี ท่านคิดดีนะ 
และมีอีกเรื่อง ที่คิดว่า เป็นความผิดของตนเองอย่างมหันต์ ก็คือแนะนำเรื่องการมาดูงาน มีสายจากโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ โทรมาหาเพื่อขอเชค วัน เวลามาดูงานแล้วถามว่า "ควรมาดูงานช่วงไหนดี" ก็แนะนำไปว่า "น่าจะมาหน้าหนาว" จะได้ไม่ร้อน หากต้องข้ามไปช้อปปิ้งที่ดิวตี้ฟี ฝั่ง สปป.ลาว


ความจริงแล้ว คณะดูงานไม่ได้มีตารางเวลาที่จะข้ามไปช้อปปิ้งที่ฝั่ง ประเทศลาว หรือแม้แต่ฝั่งไทยเองก็ตาม ด้วยประสบการณ์ที่รับคณะดูงานบ่อยครั้งแล้วก็บ่อยครั้งที่คณะดูงานต้องข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์ จึงใช้ประสบการณ์นี้มาใช้กับคณะอื่น ซึ่งก็ใช้ไม่ได้กับทุกคณะดูงาน เพราะฉะนั้น จึงไม่สมควรที่จะคิดว่า "การดูงาน เป็นการแฝงมาเื่พื่อมาเที่ยวทุกครั้ง"
 

คิดธรรม คิดกลัว คิดรักคนอื่น

ผู้เขียนชื่นชอบดาราทีวีอยู่ท่านหนึ่ง อายุ 30 กว่าๆ ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารซีเคร็ต ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับ การคลายทุกข์ สร้างสุข ทุกคอลัมม์ ออกมาในแนว บาป บุญ คุณ โทษ  ดาราท่านนี้ก็เป็นผู้ศึกษาธรรมะด้วยการอ่านหนังสือของพระอาจารย์ต่างๆ แล้วให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า
"นอกจากเพราะธรรมะก็คงเ็ป็นเพราะอาชีพที่ทำด้วย ยิ่งตอนนี้เราโตเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่เหมือนตอนที่ทำงานออฟฟิส  ที่พอรู้สึกเซ็งส์ ก็จะโทรไปลางาน แต่ตอนนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้ คน 50-60 คนรออยู่ที่กอง เราไม่ไปสักคนนี่ พวกที่ทำงานรายวันไม่มีตังค์กินข้าวเลยนะ ทำให้คนทีลูกมีเต้าย่ำแย่หมดทั้งครอบครัว บาปสุดๆ ดังนั้นเราจึงต้องมีความรับผิดชอบให้มากๆ" ทฤษฎี สหวงษ์

 

ข้อความดังกล่าว มันโดนใจมากๆ โดยเฉพาะอาชีพแบบพวกเราที่ต้องดูแลชีวิตคนไข้ เราต้องมีธรรมะ เราต้องเกรงกลัวต่อบาป และต้องรักคนไข้ของเราให้มากๆ ไม่ใช่พอขี้เกียจก็ทิ้งคนไข้ไม่มาทำงาน หรือมาก็ไม่ใส่ใจดูแล

 

ตอนที่เรียนจบพยาบาลใหม่ๆ พอจะเริ่มงาน พ่อบอกสั้นๆว่า"พูดดีๆทำดีๆกับคนไข้นะ" เพราะเมื่อก่อน พยาบาลจะมีชื่อเสียงทางด้านการพูดจามาก พอผู้เขียนชักจะหงุดหงิดกับคนไข้หรือญาติหรือผู้ร่วมงาน คำพูดของพ่อก็จะลอยมาหาทันที 

 

เครดิต:นิตยสารซีเคร็ต
 

คิดออกนอกระบบที่วางไว้เสียบ้าง

 เมื่อครั้งพ่อไม่สบาย ตอนนั้นผู้เขียนไปเรียนที่เชียงใหม่ กลับมาไม่ทัน คุณหมอจะย้ายพ่อออกจากไอซียู ไปอยู่ตึกพิเศษ น้องๆที่ตึกพิเศษ ซึ่งเรามีสองตึกในตอนนั้น มีคนเข้าเวรประมาณ 6 คน โทรหาผู้เขียน 4 คน บอกว่า "คนไข้ไม่มีญาติ เข้าห้องพิเศษไม่ได้" คิดน้อยใจว่า เขามาว่าพ่อเราไม่มีญาติ ซึ่งความจริงก็ไม่มีญาติจริงๆ มีลูกเขยซึ่งเป็นสามีของผู้เขียนดูแลอยู่คนเดียว พี่สาวกับพี่เขยอีกคนก็ไปเลี้ยงหลานที่ระยอง คุณหมอเลยฝากพ่อให้น้องไอซียูดูแลให้

 

แต่ละคนที่โทร รวมหัวหน้าตึกด้วยนะ บอกว่า "เราทบทวนกันแล้ว มีความเสี่ยงเราไม่รับคนไข้อาการหนักหรือว่าต้องใช้ยาเสี่ยงสูง เข้าห้องพิเศษ "


เลยนั่งคุยกับน้องๆที่นั่งรถมาด้วยกัน พอดีตอนนั้นเขาไปประชุมกันพอดี ก็เลยรับเรามาด้วย ว่าการที่เรายึดระบบที่วางไว้ ยึดรูปแบบ ยึดนโยบาย มากเกินไป ทำให้ "เราลืมเรื่องความเป็นชีวิต ความเป็นคนของคนไข้  ลืมความเป็นผู้ที่ต้องปลดเปลื้องความทุกข์ให้คนไข้"

เมื่อหลายต่อหลายคนโทรมา คำพูดของพ่อก็ชักไม่เป็นผล ก็พยายามบอกน้องไปว่า "เดี๋ยวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะ คงเป็นพรุ่งนี้ ตาถึงจะได้ออกจากไอซียู" สุดท้ายเลยบอกไปว่า
"อยากให้ช่วยคิดใหม่ว่า คนไข้คนนี้เป็นพ่อของเจ้าหน้าที่ที่เราต้องช่วยเหลือกันจะได้ไหม เพราะเขาก็ติดขัดมาไม่ทัน ซึ่งเขาก็ไม่ใช่จะไม่มีญาติมาเฝ้าเอาเสียเลย" น้องเงียบไป
 
แล้ว....ยังมีอีกตึกยังโทรมา คงยืนยันเรื่องคนไข้หลัีงไอซียูไม่มีญาติเข้าห้องพิเศษไม่ได้ น้องคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ต้นแบบเป็นคนดีศรีท่าบ่อที่เราจัดขึ้นเืพื่อให้เจ้าหน้าที่ของเราเป็นคนดี ใส่ใจบริการ คิดดี ทำดี ต่อผู้รับบริการ คนที่คุณสมบัติประมาณนี้ ก็จะถูกคัดเลือกหรือว่าเสนอมาเข้าชิงตำแหน่ง  ผู้เขียนเลยอ้างถึงคุณสมบัิติของคนดีไป ซึ่งทำให้ผู้เขียนเสียใจจนถึงทุกวัีนนี้ เพราะด้วยคำพูด(ซึ่งจะพูดต่อไป) ทำให้น้องเสียใจ น้องร้องไห้เข้ามาขอโทษผู้เขียน ก็เคลียร์กันไป ตอนนี้เราต่างก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องจะทำให้เป็นทุกข์กันอีก เพราะเราต่างก็เป็นคนดีศรีท่าบ่อเหมือนกัน

แล้ว...ผู้เขียนก็เที่ยวบอกเขาไปทั่วว่า หากคนไข้ไม่มีญาติ จะหาจิตอาสาหรือว่าจะไปเฝ้าให้เอง ปัญหาเีรื่องคนไข้เข้าห้องพิเศษไม่ได้ปัจจุบันก็ลดน้อยลง 



พูดให้ดี

การที่เราจะให้ทำให้หัวใจ SHA เราต้องใช้คำพูดให้ดี ต้องชื่นชมคนทำดี ชื่นชมกันและกัน ผู้เขียนจะระมัดระวังเรื่องคำพูดมาก แต่ก็ยังมีหลุด

"มีคำพูดดีๆมากมายที่เราสามารถเลือกใช้
ที่ไม่ทำให้คนฟังน้อยใจเสียใจหรือทำให้คนฟังดีใจ"

เคยมีน้องมาเสนอว่า จะทำถุงมือกันดึงท่อด้วยถุงน้ำเกลือให้คนไข้ ด้วยความปากไว ก็บอกไปว่า "ไม่สวย" หากจะทำต้องทำให้สวยดูดี จนสามปีกว่าแล้วผู้เขียนยังไม่ได้ชื่นชมถุงมือจากถุงน้ำเกลือของน้องเลย เลยต้องระมัดระวังคำพูดให้มาก

เมื่อก่อนเวลาทบทวนเคสที่เกิดอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์ เราก็มักจะหากข้อผิดพลาด ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่าตนเองผิดพลาด โยนกันไปโยนกันมา หลายครั้งหลายคนร้องไห้ เพราะคำพูดที่น่ากลัวของเพื่อนร่วมวิชาชีพ ด้วยความที่เราเป็น FA ก็ทุกข์มาก เวลาเชิญทบทวนก็ไม่มีใครอยากมา เลยไปปรึกษา FA ขั้นเทพหลายท่าน ก็ได้แนวคิดจาก พี่หมอเจ๊ FAขั้นเทพโรงพยาบาลกระบี่ ให้คำแนะนำมาว่า "ให้หาเรื่องดี เรื่องที่เขาประสบความสำเร็จมาเล่าลองดูสิ"
ผู้เขียนซึ่งก็เป็น FA-KM อยู่ด้วย เลยทำกลุ่มแลกเปลี่ยน "success story" ขึ้น เวลานำกลุ่ม เวลาสรุปความสำเร็จ ก็ใส่มุขขำๆเข้าไป  ไม่มีเสียงหัวเราะ จะไม่ปิดการประชุม  ทุกคนก็ชอบมีความสุขเมื่อได้เล่าเรื่องที่เขาทำสำเร็จเรื่องที่เขาประทับใจ ชื่นชมกันมากๆ อภิเชษฐ์กันเยอะๆ เมื่อเร็วนี้ก็มีน้องส่งลิ้งค์ "สมาคม คนตอแหล แห่งประเทศไทย" มาให้แบบขำขำ แล้วผู้เขียนก็เป็นใส่ชื่อ "เรยาตัวแม่"ไว้ในสถานะเฟสบุ๊ค แ่ต่ความจริงแล้วไม่ได้เรยาไม่ได้ตอแหล เราชื่นชมกันด้วยความจริงใจในความสำเร็จอันภาคภูมิใจของแต่ละคน ตอนนี้เวลามีการทบทวนเคส จะมีคนเข้าประชุมเยอะมาก แม้บางคนจะบอกว่า มากินข้าวฟรีมาดูตลก เราก็ยินดี 


ผู้เขียนเชื่อว่า ทุกคนต่างมีจิตใจดีเป็นพื้นฐานกันอยู่แล้ว ด้วยอาชีพ ด้วยความเป็นคนไทย ด้วยความเป็นพุทธศาสนิกชน เรามีต้นทุนการมีหัวใจ SHA ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ผู้เขียนจึงเชื่อว่า SHA-FA ทุกคน สามารถที่จะชงชา อร่อยหอมกรุ่นแบบแซ่บเว่อร์ได้และได้ดีมากๆด้วย

ฉลองพุทธชยันดี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ ทำดี 26 วัีนและทุกๆวันค่ะ

 


หมายเลขบันทึก: 489825เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 02:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ว้าว !!!! ป้าแดง  อ้ออ่านแล้วได้ประโยชน์มากเลย  จะได้ระมัดระวังคำพูดมากขึ้น

ไป กทม.มาเมื่อ  ๒๙ พค. ๕๕   เวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครู FA  อำนวยการโดย FA ของ FA ..... Super FA อ.เอก  จตุพร  ที่บ้าน อ.นุ  ผศ.วัชรชัย  บ้านเรียนสมดุลชีวิต

พบเพื่อนจาก GTK หลายคน  พี่แก้ว อุบล  พี่ไก่ ประกาย  รพ.ศรีนครินทร์  ถามหาป้าแดงด้วยนะคะ

ที่แท้ป้าแดงยุ่งกับ SHA-FA อยู่นั่นเอง

ชาปักษ์ใต้ ก็อร่อยแบบชาชักครับป้าแดง

--คุณหมออ้อคะ แรกก็ลงชื่อไปค่ะ แต่พอดี พี่เขยไม่สบาย เลยไม่กล้าทิ้งพี่สาวไปค่ะ อีกอย่างมีงานค้างเยอะเลยค่ะ

--ท่าน วอญ่า ชาอิสาน ก็อร่อยแบบชา(หากหาได้)ใส่ต้มไก่ค่ะ หัวเราะกันทั้งวันทั้งคืนค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่นาง ป้าแดง ดี พี่นางก็ดี

สวัสดีค่ะ

พ่อบอกสั้นๆว่า"พูดดีๆทำดีๆกับคนไข้นะ"
  • คุณพ่อน่ารักจังค่ะ  

สวัสดีค่่ะ อาจารย์อิงจันทร์

คำพูดของพ่อศํกดิ์สิทธิ์มากค่ะ

ไปกลับมาแล้ว สนุกสนาน มากมาย ทำ HA แบบผ่อนคลาย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท