17 มีนาคม 2550
อย่าปล่อยให้ความทรงจำที่มีกับลูกนั้นว่างเปล่า
เส้นทางแห่งความสำเร็จที่ ดร. นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผอ.รพ.หัวใจกรุงเทพ และผู้ก่อตั้งร่วม Minneapolis Heart Institute แห่งรัฐมินนิโซตา 1 ใน 10 สถาบันโรคหัวใจที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา แผ้วถางไว้ดูสง่างามเสมอ จวบจนวันที่เขาพบกับความสูญเสียที่มิอาจอุทธรณ์ จนหากหมุนเวลากลับได้..เขาจะไม่เป็นหมอ
“ถ้าให้เลือกระหว่างชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะศัลยแพทย์กับการได้มีเวลาอยู่กับลูก ผมขอทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้เวลาไปกับโรงพยาบาล กับเทรนนิ่ง และกับความเป็นหมอดีกว่า”
“เมื่อย้อนกลับไปมองชีวิตตัวเองว่ามีอะไรไม่ถูกต้องและน่าเศร้าที่สุด พบว่าผมทุ่มเทให้กับงานมากเกินไป ผมแต่งงานตอนจบแพทย์ เรียนต่อเฉพาะทางและทำงานใช้ทุนที่อเมริกาตอนมีลูกชายคนโต (ไก่ มารช วิสุทธารมณ์) เราทั้งคู่ต้องทำงานและเรียนหนังสือไปด้วย จึงไม่สามารถเลี้ยงลูกเองได้ ต้องส่งไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่เมืองไทยตนเขาอายุ 3 ขวบ”
“เมื่อมีลูกคนเล็กยิ่งแย่ใหญ่ ผมต้องอยู่เวรครั้งละ 72 ชั่วโมง กลับบ้านหนึ่งคืนแล้วต้องกลับไปอยู่เวรใหม่อีก 72 ชั่วโมง ขนาดวันคลอดยังปล่อยให้ภรรยาไปคลอดอีกโรงพยาบาลคนเดียว เพราะผมต้องไปดูเคสผ่าตัดให้หัวหน้าตั้งแต่หกโมงเช้า กว่าจะออกจากห้องผ่าตัดก็บ่าย ถึงได้รู้ว่าลูกเป็นชายหรือหญิง”
“นี่เป็นผลพวงจากการเรียนแพทย์สมัยนั้น ซึ่งหนักหนากว่าปัจจุบันมาก เพื่อนฝรั่งที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ศัลยกรรมทั่วไป 7 คนแต่งงานแล้วทั้งหมด แต่พอเรียนศัลยกรรมหัวใจและทรวงอกต่ออีกสองปีครึ่ง ต้องหย่ากันถึงสามคู่ เพราะภรรยาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่เวร กลับดึก และทำงานหนักขนาดนั้น แต่เราไม่มีทางเลือก หากต้องการเรียนให้จบก็ต้องทำทุกอย่างตามที่เขากำหนด ยิ่งผมไม่ใช่อเมริกัน ถ้าจะแข่งขัน เขาทำ 100% ผมต้องทำให้ได้ 120% จึงทุ่มเทเวลาให้กับงานมากกว่าครอบครัว”
“ลูกโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผมไม่เคยมีเวลาให้ ได้อยู่ด้วยกันน้อยมาก ช่วงลูกไก่อายุ 7 – 12 ขวบ ผมทำปริญญาเอกอีกใบ เลิกงานแล้วต้องเรียนหนังสือ ไม่ก็ขลุกอยู่ในห้องสมุดจนดึกถึงกลับบ้าน ชีวิตที่จะได้ใช้กับลูกจึงหมดไป พองานเริ่มสบายขึ้นเริ่มมีเวลา ลูกก็โตจนไปไหนมาไหนกับเพื่อนเองแล้ว”
“ มองกลับไปก็นึกไม่ออกเลยว่าได้ทำอะไรกับลูกบ้าง ความทรงจำว่างเปล่าไปหมด ผมอยู่อเมริกา เขาเรียนจบก็มาเมืองไทย พอเขากลับไป ผมก็ย้ายกลับมา สวนกันตลอด การที่ผมห่างหายไปจาก 12 ปีแรกของชีวิตลูกจึงยังเป็นความรู้สึกผิดบาปที่เกาะกินใจเรื่อยมา แต่โชคดีภรรยาอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลที่ผมไม่มีเวลา ทำให้เราไม่เคยมีปัญหากัน และสนิทกันมาก แม้ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตด้วยกันก็ตาม”
“ลูกไก่ชอบช่วยเหลือคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไร สมัยประถม เวลาปิดเทอมไปเรี่ยไรขอรับบริจาคนม ขนม อาหารกระป๋อง จากเพื่อนบ้าน และส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้าเพื่อเก็บเงินไปซื้อของให้คนไร้ที่อยู่ พอเรียนมหาวิทยาลัย ในวันขอบคุณพระเจ้า เขากลับมาบ้าน ทำไก่งวง อบขนมปัง เตรียมสลัด แล้วนำไปให้คนยากไร้ที่ไม่มีเงินกิน หรือตอนเกิดสึนามิ เขาก็ทำเว็บไซต์ http://www.phuketproject.org รวบรวมเงินได้ 80,000 เหรียญ ได้เพื่อนจากทั่วโลกอีก 100 กว่าคนมาช่วยกันสร้างบ้านให้ชาวบ้านที่ไม้ขาวกับเขาหลัก ซึ่งทุกอย่างเขาทำเองมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครบอกให้ทำ”
“เขาเคยมาเปรย ๆ เรื่องอยากทำงานให้ International Rescue Committee (IRC) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระของสหประชาชาติที่ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในนานาประเทศ แต่เราทักท้วงไว้ เพราะหน้าที่การงานเดิมกำลังไปได้สวย เป็นถึง Executive Creative Director อายุน้อยที่สุดในบริษัทโฆษณาที่เขาทำ มีอนาคตสวยงามรออยู่ ส่วนงานใหม่ได้เงินน้อยกว่าเดิมถึงสามเท่า แถมเสี่ยงอันตรายจากเหตุความไม่สงบ เขาฟังแล้วบอกว่าจะลองคิดดู ซึ่งดูก็รู้ว่าใจเขาไปกับงานนั้นแล้วแน่นอน เพราะเป็นความชอบส่วนตัว จากที่เคยทำงานอาสาสมัครในหลาย ๆ ประเทศแถบแอฟริกามาแล้ว”
“แล้วคืนหนึ่งก็เหมือนมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมากลางใจ เมื่อมีโทรศัพท์จากญาติที่อเมริกามากลางดึกเพื่อแจ้งข่าวร้ายว่าลูกไก่ได้จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมฟังแล้วช็อก ไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”
คัดมาจากนิตยสาร แพรว
Create Date : 17 มีนาคม 2550 |
เวลา 17 นาฬิกา 30 นาที วันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
สวัสดีค่ะสวัสดี เปิดอ่านเป็นบันทึกแรกของวันนี้ ด้วยความรู้สึกตีบตันในหัวใจ หลายครั้งความว่างจากทรงจำที่ว่างเปล่าเช่นนี้ กลับประทับอยู่ในใจตลอดไป เพราะแท้จริงแล้วบนเนื้อที่ของใจที่เราว่าว่างเปล่ากับเรื่องนั้นๆ กลับอัดแน่นไปด้วยจิตสำนึก ระลึกถึง แต่มันหมดโอกาสหวนกลับไปแล้วต่างหาก เป็นเรื่องเตือนใจได้ว่านับจากนี้ หากยังมีอะไรติดค้าง จงคัดกรองที่จะทำเพื่อกัน กับวันเวลาที่เหลืออย่างจำกัดลงทุกที ขอบคุณบันทึกนี้ที่สุดค่ะ
".. จะต่างกันก็เพียงเมื่อก่อนผมทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพื่อชื่อเสียงและความสำเร็จ แต่ทุกวันนี้ผมทำงานหนักเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดเรื่องลูก"
ประโยคนี้กินใจและแฝงนัยให้ขบคิดมากนักค่ะ
ขอบคุณค่ะทำให้ไก้คิดเหมือนกัน
ขอบคุณครับ TT
..เป็น อุทาหรณ์..เจ้าค่ะ.ขอบคุณค่ะ(.ยายธี)...
การมีชีวิต เราเดินผ่านกระจกมากมายนับไม่ถ้วน เห็นภาพสะท้อนไปมาจำนวนมหาศาล
เราน่าจะเห็นภาพตัวเราเองบ้าง...
เห็นด้วยกับคุณหมอ ป. ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก เพราะเขาเป็น "หัวใจ" ของเรา ดังนั้นดูแล "หัวใจ" ของเราด้วยการทำแต่กรรมดี แล้ว "หัวใจ" ดวงนี้จะเขาจะรับรู้ แม้ร่างกายเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ดร. นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์คุณหมอที่ให้ชีวิตใหม่แก่ผม ผมขอกราบคาราวะท่านด้วยความเคารพรักอย่างสูงสุดยิ่ง มิเคยลืมเลือนครับผม ???